ทำเอาหัวอกคนเป็นพ่ออย่างนักร้องนักแสดงหนุ่ม ลีโอ พุฒ แทบใจสลายกันเลยทีเดียว เมื่อ น้องคีตะ ลูกชายสุดรัก เจออุบัติเหตุเพื่อนยิงปืนอัดลมและกระสุนปืนเข้าตา จนทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้นอยู่นานนับเดือน และตอนนี้การมองเห็นยังไม่กลับมาชัดเจนปกติ แต่มีโอกาสหายเป็นปกติ นักข่าวเลยให้พุฒเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นยังไงบ้าง รวมทั้งอัพเดตอาการล่าสุดของลูกชายด้วย
ถามถึงน้องคีตะ ลูกชาย หลายคนก็เป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น?
“เป็นอุบัติเหตุครับ เขาเล่นกับเพื่อน กระสุนปืนอัดลมเข้าตา แต่ตอนนี้คุณหมอช่วยแล้ว กลับมาบ้านพักฟื้น ไม่มีอะไรแล้วครับ (เพื่อนยิงมาโดนพอดี?) ใช่ครับ บังเอิญแม่นเหลือเกิน”
อาการของน้องตอนนี้เป็นไงบ้าง?
“พอรุนแรงก็ซีเรียสนะครับ มันต้องผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งในตาออก ตอนนี้ก็พักฟื้นเพื่อให้ประสาทตาได้พักฟื้น ตอนนี้หายเรียบร้อยแล้วครับ คุณหมอก็บอกว่าจะกลับมาเป็นปกติครับ”
...
แบบนี้ต้องติดตามอาการตลอดเวลามั้ย?
“แน่นอน เพราะคนที่มีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุที่ตาจะมีความเสี่ยงเป็นต้อหินมากกว่าคนปกติ ก็ต้องไปเช็กสุขภาพทุกปี”
ตอนแรกที่ทราบว่าน้องประสบอุบัติเหตุ เราตกใจมั้ย?
“มาก หมดแรง แต่สุดท้ายพอมันผ่านไปได้ก็ทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้นครับ มันก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไรแน่นอน ครั้งนี้เป็นอีกครั้งนึงที่ลูกได้สอนและให้บทเรียนเราอีกแล้วว่าควรจะมีสติ ระมัดระวังอะไรมากกว่านี้”
หลังเกิดเรื่อง เราห้ามน้องไม่ให้เล่นเลยมั้ย?
“มันคงจะเป็นไปได้ยากนะครับเด็กเนี่ย พอเขาไม่เจ็บแล้วก็ซนเหมือนเดิม ก็คงจะต้องอบรมแล้วสอนให้เขารักตัวเองมากยิ่งขึ้น ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น”
ตัวน้องเข็ดขยาดเลยมั้ย?
“ไม่นะ เห็นเขาซนแล้วอะ เด็กน่ะครับ”
ต้องพักฟื้นนานมั้ย?
“เป็นเดือนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ต้องเหมือนกับขอความเข้าใจจากทางโรงเรียนด้วยว่าตอนนี้เรายังไม่กล้าปล่อยให้ไปเรียนหนังสือจริงๆ เพราะถึงแม้คุณหมอจะผ่าตัดแล้วก็ยังห้ามให้มีการกระทบกระเทือน”
การมองเห็นตอนนี้เป็นระดับปกติแล้วรึยัง?
“ยังเห็นไม่ชัดหรอก เพราะว่ามันบวมครับ”
ก่อนผ่าตัด หมอมีบอกมั้ยว่าอาจจะเสี่ยงต่อการมองไม่เห็น?
“ไม่ครับ เขาบอกว่ามีโอกาสหาย”
มีโอกาสได้คุยกับคู่กรณีมั้ย?
“คุยครับ ตอนแรกโดยธรรมชาติของพ่อก็โกรธนะ โกรธมากด้วย คิดอะไรฟุ้งไปหมด แต่ลูกไม่บ่น ก็เป็นอีกอันนึงที่เขาสอนเราว่ามันก็ต้องรู้จักให้อภัย เรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นมาหรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกของตัวเอง คือถ้าเกิดเลือกได้ให้เกิดกับตัวผมเองจะดีซะกว่า แต่ในเมื่อมันเกิดแล้ว มันก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ให้มีสติและเรียบร้อยที่สุด สิ่งที่มันจะประเสริฐที่สุดที่คนสามารถทำได้คือการไม่ผูกใจเจ็บหรือการให้อภัย ผมยอมรับนะว่าเป็นทางแยกที่ยากมากๆ สำหรับผมที่ต้องเห็นลูกผมเจ็บ แต่ถ้าลูกทำได้ ผมก็ต้องทำได้”
ถ้าตอนนั้นควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จะเป็นยังไง?
“คงไม่มีไปทำร้ายร่างกายอะไรครับ แต่ถามว่าเคยคิดที่จะเอาเรื่องเอาราวตามกฎหมายมั้ยมันก็มีครับ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ครับ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น จริงๆ ผมควรใช้เหตุการณ์นี้ในการอบรมเขามากกว่า แสดงให้เขาเห็นถึงความเข้มแข็ง แสดงให้เขาเห็นถึงประโยชน์ของการให้อภัยมากกว่า และน่าจะใช้โอกาสนี้ในการสอนให้เขามีระดับจิตใจที่สูงขึ้น แทนที่จะไปอาฆาตเขา ไปโกรธเกลียดเขา มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ”
เขามีโอกาสมาขอโทษทางเรามั้ย?
“เขาก็มาขอโทษแหละ แต่ก็ผ่านไปหลายวัน จนเขารู้ว่าเรื่องมันซีเรียส เขาก็มาขอโทษ เราก็ให้อภัย ถามว่าเขาแสดงความรับผิดชอบยังไงบ้าง เขาก็ทำตามกำลังครับ คือคู่กรณีไม่ได้มีสตางค์อะไรมากมาย ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ก็แล้วแต่เขา”
คนที่ทำเป็นเพื่อนของน้องเลยใช่มั้ย?
“ใช่ แล้วพ่อก็เป็นเพื่อนกันด้วย ถามว่ามันง่ายมั้ยไม่ง่ายหรอกครับ อย่างที่บอกถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ มันง่าย แต่เรื่องนี้ผมยอมรับเลยว่ามันยากมาก”
...
ต่อไปต้องเข้มงวดกับการเล่นของน้องขนาดไหน?
“ก็มากๆ เลยครับ เพราะถ้าเล่นแบบนี้มันมีโอกาสที่จะทำให้ลูกคนอื่นเขาเจ็บเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่ตัวเขา อยากฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยว่าเลือกของเล่นให้ลูกเนี่ยต้องเลือกให้เหมาะสมกับวัย ความยั้งคิดของเขา สติในการที่จะเล่น เพราะเด็กเนี่ยมันไม่ได้คิดหรอก เด็กมันซนจริงๆ ครับ”.