เป็นภาพชัดของการทำความดี เมื่อนึกถึงสาว “ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ” ที่ช่วงหลังเจ้าตัวได้ช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆและยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากลุกขึ้นมาทำเพื่อคนอื่น แถม ก้อย ยังเป็นเพื่อนร่วมทาง “ก้าว” ไปกับ “ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย” แฟนหนุ่มร็อกเกอร์ อยู่ในโมเมนต์ทั้งทุกข์และสุขของชีวิตจนหลายคนลุ้นให้คู่นี้ลงเอย เลยชวน ก้อย มาเผยความในใจ...
เริ่มจากรู้สึกยังไงที่เราดูเป็นตัวแทนของการทำดี?
“จริงๆ ก้อยไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นตัวแทน ก้อยเชื่อว่ายังมีคนที่ทำแบบก้อยและทำมากกว่าก้อยในสังคมนี้อีกเยอะมาก แต่ก้อยอาจจะอยู่ในจุดที่สว่าง ก้อยว่าการให้มันมีหลายรูปแบบ เป้าหมายในการเป็นนักแสดงของเรามันอาจจะแตกต่างจากแต่ก่อน ความสุขที่เราได้ให้คนจากการดูผลงานของเรามันก็อีกแบบแต่พอเราได้ทำในมุมอื่นๆ มิติอื่นๆที่เราได้ให้ประโยชน์ มันก็เหมือนเป้าหมายในการใช้ชีวิตก้อยมันก็ชัดเจนมากขึ้น เราก็ยังเป็นนักแสดงแต่เราจะทำยังไงให้เราได้ทำประโยชน์จากสิ่งที่เรามีได้มากขึ้น แต่ก่อนเราก็ไม่เคยรู้ พอวันนึงที่เราตัดสินใจว่าเราลงมือทำ มันเหมือนเราได้ให้ไปโดยปริยายแต่อยากให้มองว่ามีคนที่ทำแบบนี้ในสังคมเยอะมาก บางคนไม่ได้มีชื่อเสียง ก้อยนับถือใจคนเหล่านี้ที่เป็นคนธรรมดาแต่อยู่เพื่อให้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น”
...
พอทำหลายอย่างมันเหนื่อยกว่าเมื่อก่อนมั้ย?
“ไม่เลย มันมีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำ มันเหมือนเราคิดถึงตัวเองน้อยลง นี่ล่ะมันคือชีวิต คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ มันคืออะไรแบบนี้ มันไม่ต้องยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงเยอะ ต้นทุนที่เรามี มันแค่ส่งต่อให้คนอื่นได้ไม่มากก็น้อย มันก็เป็นความสุข และการที่คนเห็นจากเราแล้วเอาไปทำต่อเราก็ยิ่งมีความสุขมาก”
หลายอย่างที่ก้อยทำเหมือนได้ข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เช่น วิ่งมาราธอน 42.195 กม. เราทำได้ยังไง?
“มันเป็นเรื่องของจิตใจของตัวเอง อย่าว่าแต่คนอื่นมองว่าเราทำได้ยังไง เราเองยังไม่เคยรู้เลยว่าเราสามารถทำอะไรได้จนเมื่อเราได้ลงมือทำจริงๆ ก้อยคงเป็นคนที่ค่อนข้างมีความอดทนพอสมควร เป็นผู้หญิงถึกคนนึง (ยิ้ม) แต่เราก็ไม่รู้ว่าขีดจำกัดของเราอยู่ตรงไหนจนวันที่เราได้ทำอะไรที่มันทะลุไป มันก็เปิดโลกก้อยมากเลย เพราะเราเป็นคนนึงที่เคยมองว่ามันยาก จะทำได้เหรอ แต่ไม่เคยคิดว่าทำไม่ได้ คิดแค่ว่าเราทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้และก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ พอถึงจุดนั้น เราจะไม่รู้สึกว่าเราต้องบังคับตัวเองหรือพยายามเพราะเมื่อเราเตรียมกายและใจพร้อมแล้วมันพาไปเอง ก้อยว่าทุกคนสามารถทำสิ่งที่เราคิดว่าเราไม่สามารถที่จะทำได้ ทุกคนมีพลังแฝงในตัว”
คนชื่นชม “ก้อย” เป็นผู้หญิงเคียงข้าง “ตูน” เป็นคู่รักลงตัวที่ใครๆก็อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดี?
“จริงๆ ก้อยว่าตัวก้อยเองก็รู้สึกขอบคุณพี่ตูน เพราะเค้าเป็นคนเริ่ม และทำให้ก้อยออกมาวิ่ง ซึ่งการที่ก้อยได้วิ่ง ทำให้ก้อยเห็นตัวเองมากขึ้น ทำให้ก้อยกล้าที่จะก้าวข้ามผ่าน ไม่ใช่แค่ก้าวเพื่อคนอื่น แต่ลึกๆคือเราได้ก้าวผ่านในจุดที่เราไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน เหมือนเราเป็นส่วนนึงที่ได้ช่วยเหลือในความตั้งใจของพี่ตูน ทุกอย่างมาจากเค้า พลังจากเค้ามันส่งต่อมาถึงก้อย การที่เราอยู่ข้างๆ มันก็เป็นมุมเล็กๆที่เราทำได้ถ้าเทียบกับความตั้งใจยิ่งใหญ่ที่เค้าทำ จะให้วิ่ง 2 พันกิโลอย่างเค้าเราทำไม่ได้ แต่เราอยากส่งพลังอยู่ข้างๆเค้าในวันที่เค้าหมดแรง เราไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วปลายทางมันจะเป็นยังไง แต่ ณ วันนี้ที่เรายังได้อยู่เคียงข้างเค้า ซัพพอร์ตเค้ามันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”
มีอะไรที่เค้าทำให้เรารู้มั้ยว่าซาบซึ้งใจที่มีเรา?
“ก้อยก็ไม่รู้ว่าพี่ตูนซาบซึ้งมั้ยแต่ก้อยซาบซึ้งเค้า ก้อยจะขอบคุณเค้าบ่อยมาก”
เค้าดูหวานขึ้น อัปรูปเราบ่อยขึ้น?
“อาจจะเป็นวิธีแสดงออกของเค้ารึเปล่าแต่โดยส่วนตัวเวลาอยู่กันสองคนเรารับรู้ได้อยู่แล้ว มันถึงจุดที่เราอาจจะไม่ได้ต้องพูดอะไรกันมากแล้วเหมือนรู้กันเองจากการกระทำทั้งคู่ สิ่งที่เค้าทำมาตลอด ความสม่ำเสมอก็ไม่ได้ลดน้อยลงจากวันแรก”
ปีหน้ามีโอกาสมีข่าวดีมั้ย?
“บางทีก้อยว่าคนรอบๆ ตัวรู้เยอะกว่าก้อยอีก เราไม่รู้เพราะเราก็ให้เกียรติเค้าทุกอย่างมันมีเวลาของมันแหละ พอถึงตอนนั้นเค้าก็คงมาคุยกับเราเอง แต่ก่อนมันก็คงรู้สึก เพราะเราไม่รู้ว่าเค้ายังไง”
...
ณ วันนี้ความรู้สึกมันลงตัว?
“มันค่อนข้างมั่นคง เราก็มองอนาคตร่วมกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น เราข้ามไปมองเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกัน เราไม่ได้มองแค่การแต่งงาน ก้อยรู้สึกว่าการแต่งงานมันก็คือพิธีการนึงให้คนรับรู้ ถ้าเราจะมีอนาคตร่วมกัน การแต่งงานมันก็คงต้องเกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อเราทั้งคู่พร้อม”.