ตั้งใจทำอะไรแล้วไม่ดี ไม่เวิร์ก ไม่ใช่ หญิง-รฐา โพธิ์งาม ลูกสาวแม่น้อย โพธิ์งาม หลังจากห่างหายจากการออกซิงเกิลไปพักใหญ่ ล่าสุดหวนกลับมาจับไมค์พร้อมผลงานในโปรเจกต์ Her จากการเขียนเพลงของ เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน หยิบอดีตแสนเศร้ามาเป็นบทเพลง “ไม่อยากเป็นแบบนี้” ส่วนนอกจอหัวใจกำลังแฮปปี้สุดๆ หลังจาก ตุลย์-ตุลยเทพ เอื้อวิทยา แฟนหนุ่ม เข้ามาเติมพลังเลิฟจน “คุณแม่น้อย” เริ่มเอ่ยปากถามเรื่องแต่ง? นั่นสิ เมื่อไหร่ดีจ๊ะ ใน“คนดังนั่งคุย” ห่างหายการออกซิงเกิลไปพักใหญ่เลย นึกว่าจะวางไมค์

“เกือบคิดว่าวางไมค์แล้วเหมือนกัน แต่เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้วได้กลับมาเล่นละครเวทีกับอ๊อฟ-ปองศักดิ์ แล้วอ๊อฟชวนกลับมาร้องเพลง ก็เลยกลับมา สำหรับหญิงเองตอนที่หญิงยังอยู่แกรมมี่ก็อยู่แกรมมี่แกรนด์ หลังจากนั้นหมดสัญญาก็ไม่ได้ต่อ พออ๊อฟชวนมา อ๊อฟเค้าอยู่มิวสิคครีม ก็เลยชวนให้มาคุยกับพี่ฉันดู ที่จริงตอนเข้ามาได้คุยกับพี่นิคก่อน ซึ่งพี่นิคก็มองว่าเราเหมาะกับมิวสิคครีม”

ทำไมถึงหยิบมุมนี้มาถ่ายทอดเป็นเพลง?

“จริงๆมันเป็นโจทย์ที่พี่ฉันมองของแต่ละนักร้องในโปรเจกต์ไว้ คือคนฟังหญิงเต้นมาเยอะแล้ว ถ้าย้อนกลับไปตอนที่เราเป็นเด็กๆเนี่ยเพลงที่มันยังทำงานอยู่จริงๆคือเพลงช้า เออกลับมาร้องเพลงช้าไหมล่ะ หญิงก็ยินดีอยู่แล้วนะ คือสำหรับตัวเราเองไม่ว่าเพลงเร็วเพลงช้าเราก็ทำได้อะ แต่ในมุมของเพลงช้าลองหยิบอะไรที่เป็นตัวเรามาเขียนดู โดยโจทย์ที่ให้มาก็คล้ายคลึงกับเราอยู่แล้วค่ะ”

หญิงจะบอกว่าตัวหญิงมีมุมอ่อนไหวอ่อนแอ?

“หญิงว่ามีทุกคนแหละ ทุกคนก็มีมุมตรงนี้อยู่”

มีมุมผิดหวัง เสียใจเรื่องอะไรที่ทำให้เรารู้สึกมันยังค้างคาใจ?

...

“มันก็มีเรื่องของการทำงาน ผิดหวังในเรื่องของอะไรที่เราอยากได้แล้วไม่ได้ มันก็มีอยู่เรื่อยๆ มันไม่ได้แบบตอนนี้ชีวิตดีมาก มันก็มีเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้บั่นทอนชีวิตเราขนาดนั้น บังเอิญเราก็ไม่ได้เป็นคนที่คาดหวังกับอะไรมาก ถ้าผิดหวังแล้วเราจะแบบผิดหวังโลกถล่มทลาย คือหญิงก็โตแล้ว อาจจะมีตอนเด็กๆอกหักทีแทบเป็นแทบตาย แต่ตอนนี้มันคงไม่เท่าเดิม มันคงไม่ได้หนักหนาเท่าเดิม เมื่อเราโตขึ้นเราก็จะเข้าใจว่าทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมัน”

ผ่านเรื่องราวต่างๆมาได้ยังไง?

“หญิงว่าจังหวะชีวิตแหละ ปัญหามันเกิดขึ้นมามันไม่สามารถแก้ไขได้ในวันเดียว บางปัญหามันอาจจะทำได้ บางปัญหาอาจจะต้องใช้เวลา หญิงอาจจะเป็นคนที่ค่อยๆแก้ ค่อยๆอดทนรอเวลา ไม่ได้เป็นคนที่ลุกขึ้นมาเสี่ยงกับอะไร เราต้องใช้เวลา เราก็เลยเข้าใจคำว่าช่วงเวลา ความอดทน ทั้งนี้ทั้งนั้นความตั้งใจสำคัญสุด”

จริงๆหญิงเป็นสาวสตรองเป็นไอดอลของใครต่อใครเลยนะ?

“ช่วงประมาณสัก 9-10 ปีนี้แหละที่หญิงรู้สึกว่าหลายๆคนรู้สึกชื่นชม หรือบอกว่าพี่หญิงเป็นต้นแบบของหนูเลย แต่ก่อนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นแบบของใคร ก็ดีใจนะ ที่หลายๆคนมีเราเป็นอีกต้นแบบ เป็นโรลโมเดลของผู้หญิงที่สู้ด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าย้อนกลับไปสัก 10-15 ปีที่แล้ว ผู้หญิงที่ยืนด้วยขาของตัวเองยังไม่มีมากเท่าปัจจุบัน เค้าเลยรู้สึกว่ามีเราเป็นต้นแบบ อะไรประมาณนี้”

ครั้งแรกที่เห็นเนื้อจากสิ่งที่พี่เจี๊ยบ-วรรธนา เขียนรู้สึกอย่างไร?

“ก็ยังนั่งคุยกับพี่เจี๊ยบอยู่ว่า เฮ้ย! นี่มันเพลงหญิงหรือเพลงพี่เนี่ย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นเพลงของคนทุกคนเนอะ เนื้อหามันตรงดี หญิงเป็นคนบอกพี่เจี๊ยบเองว่าวันนั้นหญิงเป็นยังไง นั่งอยู่คนเดียว อยู่ตรงไหน มุมห้อง รู้สึกอย่างไรมันก็เห็นภาพตัวเองวันนั้นเลยย้อนกลับมาก็ยังบอกพี่เจี๊ยบเลยว่าแต่งเพลงมาได้โดนความรู้สึกหญิง ก็น่าจะโดนใครหลายๆ คนเหมือนกัน”

ทำไมจะต้องเป็นพี่เจี๊ยบเขียนเพลงนี้?

“พี่เจี๊ยบเป็นโปรดิวเซอร์เพลงคนแรกในชีวิตหญิงเลย ตั้งแต่อัลบั้มแรก แล้วพอพี่ฉันยื่นมาว่าต้องเป็นนักแต่งเพลงผู้หญิง หญิงก็นึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากพี่เจี๊ยบ พี่เจี๊ยบเป็นชื่อแรกที่คิดออก แล้วก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าวันนึงมีโอกาสกลับมาทำเพลงก็คงอยากทำกับคนเดิมๆ”

ช่วงหลังงานหญิงจะหนักไปทางละครเหมือนกันนะ จริงๆ ชอบแนวไหน?

“แต่ก่อนรู้สึกว่าชอบดราม่า รู้สึกว่าดราม่าคือทางเรา หนักๆ ร้องห่ม ร้องไห้ หรือตัวร้ายที่ชีวิตหนักๆ แต่พอมาเล่นคอมเมดี้ก็สนุกดีนะ จริงๆตอนเรียนกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) เนี่ย หม่อมน้อยจะบอกว่าคอมเมดี้เล่นยากที่สุด มันใช้อีเนอร์จี้และใช้พรสวรรค์ด้วย คือบางคนเล่นให้ตายยังไงก็ไม่ขำ ถึงแม้เป็นคนเก่ง คอมเมดี้มันคือนอนเซ้นส์ การเล่นละครปกติมันจะมีเหตุและผลของตัวละคร คอมเมดี้ก็อาจจะมี แต่มันต้องใส่ ความแฟนตาซีบางอย่าง ความจินตนาการที่เหนือความคาดหมาย เพื่อดึงอารมณ์ของคนไปให้ถึงจุดที่หัวเราะออกมาได้ ซึ่งหม่อมบอกว่ามันยากมากนะหญิง ไม่ใช่ว่าใครๆก็ทำได้ หญิงเลยรู้สึกว่าคอมเมดี้มันก็เหนื่อยนะ มันใช้ทั้งตัวในการเล่น มันใช้หมดเลย แต่ว่ามันสนุก ยิ่งเราได้ทำงานกับเพื่อนหรือคนที่เราสนิท บางทีเราก็รู้สึกว่าเราได้ทำอะไรที่เราชอบจริงๆ และมันก็ไม่เครียด เราไม่ต้องแบกอะไรกลับไปบ้าน”

เสือ ชะนี เก้ง ที่เล่นกับอ๊อฟ นั่นคือตัวตนจริงๆ ของหญิงรึเปล่า?

“คือจริงตัวละครทุกตัว มันจะมีความเป็นหญิงเองใส่ลงไปอยู่ถ้าย้อนกลับไปดูงานหญิงไม่ว่าจะเป็นละครช่อง 3 ซิทคอม หรือภาพยนตร์ หญิงจะพยายามดึงความรู้สึกบางอย่างของตัวเองเข้าไปใส่ในตัวละคร อย่างเช่นตัวละครสูญเสียพ่อก็จะดึงโมเมนต์ของหญิงที่เป็นลูกที่อาจจะไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับพ่อ อย่างตัวละครตัวเจ๊ออย เป็นตัวละครที่บังเอิญได้ทำงานกับอ๊อฟด้วยมั้ง มันเลยเห็นความเข้าขากัน ความเป็นเพื่อนจริงๆของเราโดยไม่ต้องเฟกอะ มันเลยทำให้คนอิน หม่อมน้อยจะบอกตลอดว่าตัวละครมันไม่มีอะไรน้อย ไม่มีอะไรมาก เล่นไปเถอะ ถ้าเชื่อว่าเราเป็นแบบนั้น ฉะนั้นหญิงเลยเชื่อว่าหญิงเป็นเจ๊ออยโดยมีความเป็นหญิงอยู่ในนั้น ความเป็นเพื่อนกับอ๊อฟ ที่กล้าพูด กล้าเตือน กล้าด่า มันเลยทำให้ตัวละครตัวนี้เวลาด่าเวลาเตือน มันมีความเรียลบางอย่างอยู่ ซึ่งจริงๆ ถามว่าหญิงเป็นขนาดนั้นมั้ย หญิงไม่ใช่ผู้หญิงที่วี้ดว้ายตลอดเวลา แต่ก็จะมีบางมุมที่อยู่กับเพื่อน”

...

จะมีโอกาสโกอินเตอร์บ้างเปล่า?

“ยังไม่คิดเลย อย่างที่หญิงบอกแหละว่ามันเป็นเรื่องจังหวะชีวิต ช่วงนึงเราเคยไปได้แบบเต็มที่ของเราแล้ว แต่ว่าจังหวะชีวิตช่วงนี้เราอาจจะต้องอยู่ตรงนี้ก่อน อย่างเช่นซิทคอมใช้เวลา หญิงถ่ายทุกเดือน ฉะนั้นถ้าเราจะไปรับงานอินเตอร์เหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่มีซิทคอมเนี่ยมันจะยากขึ้น ถ้าไม่ใช่หนังที่มาถ่ายเมืองไทยเลยเนี่ยหญิงคงรับไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าอยากทำไหม ยังอยากทำ เพียงแต่ถ้ามีโอกาส หญิงเชื่อในเรื่องของเวลา มันคงยังไม่ใช่ตอนนี้ หญิงเชื่อว่าอะไรที่มันเป็นของเรา มันก็เป็นของเรา ถ้ามันมีก็มี ถ้ามันไม่มีมันก็มีสิ่งอื่นมาทดแทน ไม่ได้ไปยึดมั่นอะไรกับมันขนาดนั้น”

ธุรกิจอาหารเสริมที่ทำเป็นยังไงบ้าง?

“สำหรับ D24 ปีนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งภายในและภายนอกองค์กร หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ ก็พยายามพัฒนาไปเรื่อยๆ มันมีทั้งขึ้นและลงแหละการทำธุรกิจ ยิ่งปีนี้เนี่ยเทรนด์ของเรื่องอาหารเสริมมันมีปัญหามาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ความน่าเชื่อถือของเราก็ลดน้อยลง เราก็พยายามเอาวิกฤติตรงนั้นมาเป็นแรงผลักดันว่าจริงๆแบรนด์ที่มันยังอยู่ได้ในท้องตลาดมันคือตัวจริงทั้งนั้นเลยนะ ดังนั้นเราก็ยึดถือในความตั้งใจตั้งมั่นของเราต่อไป แล้วก็พัฒนาในสิ่งที่เรามีให้ดีขึ้น”

ความรักกับตุลย์ เท่าที่คบกันมีมุมความต่างกัน?

“คือหญิงกับพี่ตุลย์มีความแตกต่างกันในเรื่องของการถูกเลี้ยงดูมา ดังนั้นมันก็จะมีเรื่องของการปรับจูน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกยากเย็น โชคดีไป มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าคนที่ใช่มันจะมีล็อกบางอย่างที่ตรงกัน ถึงแม้มันจะไม่ตรงกันมันก็จะช่วยกันปรับ การเป็นคนที่เราพร้อมที่จะปรับทั้งคู่ เราบอก เค้าฟัง เค้าบอกเรา เราฟัง ไม่มีใครเถียงกัน ยอมรับในเหตุผลของกันและกันก็เลยทำให้หญิงรู้สึกว่า เพราะเราโตด้วยแหละ เราเป็นคนที่ไม่ได้มีทิฐิในเรื่องของความรักเยอะ แต่ก่อนอาจจะมี เป็นคนไม่ยอม แต่พอฟังเหตุผลเค้าแล้วโอเคเรารับได้ เค้าเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากในตัวเค้าจะไม่ใช่คนที่ไม่ยอม ดังนั้นในเวลาที่เราไม่พอใจ เราบอกเค้า แล้วเค้าก็จะทำความเข้าใจว่าโอเคมันเป็นแบบนี้ เค้าเข้าใจละ แต่เค้าจะอธิบายว่าเค้าคิดแบบนี้นะ แต่เพื่อความสบายใจของเราเค้าโอเค แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกนะ บางครั้งเรารู้สึกว่าวันนั้นเค้าเจออะไรมาเยอะแล้ว อาจจะมีปัญหานิดๆหน่อยๆ ที่ทำให้เราไม่สบายใจเราก็ยอมเค้าบ้าง”

...

เห็นว่าแม่น้อยอยากให้หญิงแต่งงานแล้ว?

“จริงๆแม่ก็อยาก เห็นเราโตแล้ว อยากเห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่ได้เร่งนะ แค่บอกว่าก็อย่าให้นานเกินไป เพราะเราก็อายุเยอะแล้ว ก็คงไม่เกินปีสองปีนี้แหละ ก็มีคุยกันตลอด ไม่กดดัน เราเห็นเพื่อนแต่งงานมาเยอะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอายุยี่สิบปลายๆ ที่มีความอยากแต่งงาน แต่พอเห็นเพื่อนแต่ง เพื่อนบางคนประสบความสำเร็จ เพื่อนบางคนไม่ประสบความสำเร็จก็มี ดังนั้นสำหรับหญิงการแต่งงานมันไม่ใช่ที่สุดของการเป็นคู่ ถ้าจะแต่งก็คงแต่งน่ารักๆ งานไม่ใหญ่โต คงแต่งให้ครอบครัว ให้พ่อแม่พี่ตุลย์ ให้แม่น้อย ก็คงเป็นงานเพื่อครอบครัว ไม่ได้คิดว่าที่สุด ต้องเลิศที่สุด เพราะมันเป็นวันเดียวในชีวิต ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่ามันก็ต้องมีเพื่อทั้งสองครอบครัวและให้คนได้เห็นว่าเราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันนะ”.