เป็นผู้ปลุกกระแสซีรีส์อินเดียในประเทศไทยจนได้ฉายา "เจ้าแม่ภารตะ" สำหรับนักธุรกิจคนเก่ง แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านคำพูดดูถูกมามากมาย ทั้งคนนอกบ้านและคนในบ้านของตัวเอง นั่นคือ "คุณแม่"

ซึ่ง แอน ได้เปิดใจเล่าเรื่องนี้ให้ฟังผ่านทางรายการ ตีสิบเดย์ โดยบอกว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ตนต้องพยายามทำตัวเป็นผู้ชายมาตลอด ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ แต่สุดท้ายแม่ก็รู้ และรับไม่ได้ เลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านมา พร้อมกับพิสูจน์ตัวเองให้ได้เห็นว่า จะทำให้เงินมันงอกเงย ทั้งๆ ที่อยู่ในร่างของผู้หญิง

"จริงๆ แล้วพ่อแม่แยกทางกัน แล้วพอเราย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนี้ แล้วเราก็เป็นกรรมการในการห้ามคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน ให้เค้าแยกกันอยู่ทีละห้อง ด้วยความที่เราเป็นลูกชายคนโตก็ต้องห้ามมวย เค้าเถียงกันทุกเรื่องเถียงกันได้หมด

คนเราถ้าไม่รักกัน ก็อย่าอยู่ด้วยกันดีกว่า นั่นคือบทเรียนที่เราเคยเห็นมา ทานข้าวก็ทานด้วยกันไม่ได้ สุดท้ายเราก็หนีออกจากบ้าน เพราะไม่ไหวแล้ว แต่ที่เราออกจากบ้านเพราะคุณแม่รับไม่ได้ที่เราเริ่มแต่งหญิง

...

คือก่อนหน้าเราแต่งผู้ชายอยู่ค่ะ เราแต่งแบบนี้จนอายุ 35 คือมันทำจนเริ่มสุดแล้ว เราทำเพื่อทุกคนให้เค้าอยู่ดีกินดี ธุรกิจก็ไปได้ดี คุณพ่อคุณแม่ก็ทะเลาะกันจนแยกทางกัน แล้วเราเป็นกรรมการทุกวันจนเหนื่อย

กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เราไม่ได้รับคือ ความเข้าใจ เค้าก็มองว่าเราผิดร่าง ผิดเพศ ซึ่งเราก็บอกว่า เราไม่ใช่นะ เราเป็นผู้หญิงที่อยู่ในร่างของผู้ชาย แต่คุณแม่จะรับไม่ได้ เพราะเราคือลูกชายคนโตของบ้าน

คือก่อนหน้านั้นตลอด 35 ปีที่ผ่านมา เราคีฟลุคมาก เพราะวันนั้นเราไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วมีแต่งแฟนซี เราก็แต่งหญิงจัดเต็ม แต่ตอนนั้นเราไม่มีเฟซบุ๊กคุณแม่นะคะ ปรากฏว่ามันเด้งขึ้นมา แม่เค้าก็เห็นเต็มๆ เลย นี่ลูกชายเหรอ ลูกทำอะไรผิดไป เข้าใจผิดใช่มั้ย

สุดท้ายเราก็หลุดหมดเลย ถามแม่เค้ากลับว่า ต้องรออีกนานเท่าไหร่ถึงจะรู้ความจริงสักที วันรุ่งขึ้นหนีออกจากบ้านเลย เราต้องการไปพิสูจน์ตัวเองว่า เกิดเป็นคนข้ามเพศ เราต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้นะ เราก็รวยได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้แม่ดู แล้วก็ออกจากคฤหาสน์ 300 ล้านเลย"

ออกไปกี่ปี แล้วแม่ยอมรับมั้ย?
"ออกไป 4 ปี แล้วกลับมาร้องไห้กลับมากราบแม่ ตอนนั้นเริ่มเปลี่ยนสภาพเพศแล้ว แล้วบอกว่าตอนนี้กำลังเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 7 พันล้าน รับลูกผู้หญิงคนนี้ได้มั้ยแม่ ซึ่งที่ผ่านมา 4 ปี เค้าเห็นเราผ่านสื่อต่างๆ ไปออกรายการต่างๆ แล้วเค้าก็รับได้ทุกอย่าง ให้กลับมาเป็นลูกของแม่นะ

วันนั้นเป็นวันที่ร้องไห้กันแบบที่ไม่เคยร้องมาก่อน กลับไปที่คฤหาสน์หลังนั้นแล้วบอกว่า เราย้ายออกกันเถอะ เพราะว่าคุณพ่อก็ย้ายออกไปแล้ว บ้านหลังนี้พอกลับมามันมีแต่อะไรที่ไม่อยากจดจำ ก็เลยไปซื้อบ้านหลังใหม่อีก 5 หลังในหมู่บ้านที่ใกล้ๆ กัน

...

3 หลังแรกก็มีบ้านของเรา น้องสาว และคุณแม่ คนละหลังเลย แต่อยู่ในละแวกเดียวกัน เพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนของคุณพ่อก็ห่างออกไปอีก 3-400 เมตร อีกหลังก็เป็นบ้านรับแขกค่ะ ทุกหลังอยู่คนเดียวกันหมด ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองค่ะ

...

ตอนนี้ทุกคนก็อยู่อย่างมีความสุขค่ะ อยู่แบบเห็นกัน แบบนี้ยิ่งรักกัน ดีกว่าอยู่หลังเดียวกัน ส่วนคฤหาสน์ 300 ล้านหลังนั้น คงเอาไปทำอย่างอื่น เช่น ถ่ายละคร"

...