ลูกศร ธนาภรณ์ มานั่งเปิดใจในรายการ คลับฟรายเดย์ ทางช่อง GMM25 ที่มีพี่อ้อย พี่ฉอด และอั๋น ภูนาท เป็นพิธีกร ซึ่งเธอได้เล่าเรื่องราวชีวิตเมื่อครั้งยังสาวจนถึงปัจจุบัน ที่มีคุณแม่เป็นตัวเดินเรื่องเกือบทั้งชีวิต โดย ลูกศร เล่าว่า
เรื่องความรักเหนื่อยมากๆ คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน อยู่กับคุณแม่ที่สู้ชีวิตมากๆ เค้าส่งเราเรียนทุกอย่าง เรารู้ว่าคุณแม่ทำงานหนักมาก เพราะเค้าทำงานไม่มีหลักแหล่ง แต่เค้าก็พยายามปั้นให้เราเป็นตามที่เค้าอยากให้เป็น คุณแม่ดีไซน์อะไรมา เราก็ตามคุณแม่หมดเลย
เป็นความคิดที่ว่า เราไม่ต้องรักใคร เดี๋ยวคุณแม่ตามให้ ลึกๆ แล้ว ความรู้สึกเราชีวิตเราไม่มีสิทธิ์ คุณแม่จัดสรรให้ แฟนคนแรกเป็นผู้ชายที่แก่กว่า 15 ปี ตอนนั้นเรายังเด็ก คบกันมา 1-2 ปี ค่ะ เป็นคนที่คุณแม่หาให้ เค้าเป็นคนดีค่ะ
ชีวิตตอนนั้นเหมือนตุ๊กตาไขลาน? "ใช่ค่ะ คุณแม่พูดเองนะคะ บอกว่า ลูกศร เธอเหมือนตุ๊กตาไขลาน ที่เอาไปตั้งไว้ แล้วเธอก็เต้นบัลเลต์ เต้นๆ พอแสดงเสร็จบนเวที ก็ลงจากเวทีมาแล้วมาหลบหลังชั้น"
เคยมีมั้ยที่เราไม่อยากทำ? "จริงๆ เกือบทั้งหมดที่เราไม่ได้ชอบ และไม่อยากทำ เพราะทุกอย่างเหนื่อยหมดเลย อย่างการเรียนบัลเลต์ที่เราต้องสอบให้ผ่าน ทุกอย่างที่ทำ อย่างเปียโน เราไม่มีพรสวรรค์เลย แต่เราต้องนั่งซ้อม 2-3 ชม. แต่มันเป็นการคาดหวังของคุณแม่ เรารู้เค้าไม่มีเงิน เค้าไปหาเงินให้เรา เราก็ต้องเรียน ต้องพยายามทำให้เค้า"
...
ความรักครั้งแรกดีมาตลอด เหตุที่เลิก เพราะเค้าเป็นผู้ใหญ่มาก เค้ามีอีโก้ เค้าเป็นจีเอ็มอยู่โรงแรมที่พัทยา วันนั้นเค้าขับรถมาเซอร์ไพรส์เรา ซึ่งวันนั้นเรามีเพื่อนอยู่ที่บ้านเป็นสิบ เค้าพยายามจะเอาตัวเราไป แต่เราไม่ไป เค้าเลยเสียเซลฟ์มาก แล้วหายไป 1 เดือน เราก็คิดว่า ทำแบบนี้มันไม่สมควร จากนั้น 3 อาทิตย์เค้าก็โทรกลับมา ศรไม่เอาแล้ว คุณแม่ก็เลยมองเห็นด้วย ว่ามันไม่เหมาะสม เราเลยเลิกได้
ครั้งที่สอง อันนี้เข้าวงการแล้ว เล่นเรื่องปัญญาชนก้นครัว แฟนคนที่ 2 ซึ่งก็คือสามีคนปัจจุบัน เค้าไม่เคยดูละครเลย แล้วแม่บ้านเปิดทีวีอยู่ เค้าก็เลยยืนดู บอกว่า หน้าตาน่ารักดี แม่บ้านเค้าก็ไปเม้าท์กัน เลขาอยากเอาใจเจ้านาย เลยเชิญดาราไปเอาใจเจ้านาย ซึ่งช่วงนั้นงานปีใหม่งานเราเยอะมาก คุณแม่ก็อยากให้เราไป เพราะคุยกับเลขาฯ สนุกดี
หลังเสร็จงานอื่นๆ คุณแม่บอกให้ไปงานนี้หน่อยได้มั้ย ตอนแรกเราไม่ไปเพราะมันเหนื่อยมาก คุณแม่คะยั้นคะยอให้ไป ก็เลยตกลงไป ตอนที่เข้าไป เราตกใจมากว่าเป็นตึกร้าง พอไปถึงเค้าก็ให้ขึ้นไปร้องเพลง ร้องเสร็จก็รอรับซอง แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาแบบตัวหงิกงอ
แวบแรกที่เราเห็น คือเรารู้สึกไม่ดีกับงานอยู่แล้วใช่มั้ยนะคะ จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็เอาของที่ระลึก นาฬิกามาให้คุณแม่ ศรก็ยืนมอง ไม่มีซองเหรอ เราก็โกรธมาก ทำไมไม่มีซอง โกรธก็โกรธ เหนื่อยก็เหนื่อย เรารู้สึกแย่ไปหมด เค้าก็เดินตามมาส่งที่รถ แล้วทีนี้ผ้าพันคอคุณแม่หลุด แต่เรากลับไปแล้ว เค้าก็เลยโทรนัดคุณแม่เอามาให้
หลังจากนั้นก็เจอหน้าผู้ชายคนนั้นยาวมาตลอด 3 เดือน ศรก็ไม่เคยคุยกับเค้าเลย เค้าคุยแต่กับคุณแม่ แม้กระทั่งไปไหนมาไหน เค้าก็คุยแต่กับคุณแม่ ซึ่ง คุณอู๊ด สามีคนปัจจุบันบอกว่า เค้าเห็นหน้าศรตั้งแต่แรก คือเค้าคิดว่าจะต้องแต่งงานกับคนนี้ให้ได้ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเราไม่ชอบเลย แต่เค้าเป็นคนซื่อๆ นะคะ
จนกระทั่งวันหนึ่งมันเป็นเหตุการณ์เล็กๆ แต่ไม่รู้ทำไมมันปลดล็อกในใจเรา เค้าเอาตุ๊กตาไปซ่อนหลังรถ แล้วที่ลานจอดรถเค้าก็บอกว่า อย่าเพิ่งกลับนะครับ ผมมีอะไรจะให้ เค้าก็พาไปหลังรถ แล้วเค้าทำตุ๊กตาหล่นก็ก้มเก็บ ณ วินาทีนั้นเราเพิ่งเห็นเลยว่า คนอายหน้าแดงเป็นยังไง คือการอายหน้าแดงมันทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่เค้าอายจนแดงทั้งหน้า แล้วเค้าก็หยิบมอบให้เรา
เลยตัดสินใจคุยกับเค้านิดๆ จากนั้นเลยทำให้รู้ว่า การตกหลุมรักเป็นยังไง คือรักมาก หลงมาก 6 เดือนที่คุยกัน เค้าดูแลเราดีมาก เราไปถ่ายละครเลิกกองตี 4 เค้าทำงานเลิก 6 โมงก็ไปรอรับเราที่กองละคร แต่นั่งรอในรถนะ ออกมาให้ใครเห็นไม่ได้ แล้วก็มีครั้งหนึ่งเค้าไปจอดรอศรถ่ายละคร รอ 15 นาทีเพื่อเอาขนมให้ 1 ชิ้น
เราก็เริ่มเห็นความใส่ใจของเค้า ใจก็เลยไปเต็มๆ แล้วอีกอย่างคุณแม่ก็ดันเต็มที่ โอ้โห รักมาก หลงมาก แต่แล้ววันหนึ่งก็เปลี่ยนไป เมื่อใจคุณแม่ไม่เหมือนเดิม เค้าสั่งให้ศรเลิกกัน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบไม่ติดเลยนะคะ อารมณ์เหมือนแม่ลูกที่ตัวติดกันมากๆ แล้วลูกเริ่มเห็นอีกคนสำคัญกว่า ศรมองว่า คุณแม่หมั่นไส้
...
ศรเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ได้ ทำไมตอนที่เราไม่ชอบ แม่ให้ชอบ แล้วตอนที่เราชอบ แม่ให้เลิก เค้าให้เหตุผลว่า เธอต้องเลิก เค้ามองว่า ผู้ชายคนนี้ทำให้เราแข็งกับเค้า ไม่เชื่อฟังเค้า พอเราเห็นแม่เราเป็นแบบนี้ เรารับไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นที่ตกหลุมรักคนนี้มา 6 เดือน บ้านกลายเป็นนรก ช่วงนั้นชีวิตตกต่ำมาก
ศรว่าที่พีคที่สุดคือไปถ่ายหนังที่เมืองนอก ทุกโอกาสที่เราว่าง เราต้องวิ่งไปหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาเค้า คุณแม่เริ่มไม่ชอบ เราเห็นพฤติกรรมเค้าที่เปลี่ยนไป นิ่ง ไม่พูด หลังจากที่กลับมา เค้าก็เปลี่ยนไปเลย เพราะทุกช่วงชีวิตเรามีแต่พี่อู๊ด เรากลับมาจากเมืองนอก กลับบ้าน เราก็เห็นแจกันดอกไม้วางอยู่กลางบ้าน เขียนว่า เวลคัมมายดาร์ลิ่ง เราก็โอ้โห เบิกบานมาก แฟนเราทำให้เราขนาดนี้
มีครั้งหนึ่งเรารู้สึกผิดมาก พอแม่เริ่มไม่ชอบแล้ว ทุกอย่างมันน่ากลัวไปหมด อย่างตอนที่พี่อู๊ดมาที่บ้านมานั่งดูทีวี เราก็นั่งคนละมุมโซฟา ทุกๆ 2-3 นาทีเค้าจะเปิดประตูดังปังมายืดกอดอกมองเรา ตอนนั้นแม่ทำหนักมาก ทั้งสาดน้ำไล่ ตะโกนไล่ ด่าไล่
มีครั้งหนึ่งแม่มายืนบังประตูบ้าน ไม่ให้ไป เราก็จะไป เราก็ขับชนประตูบ้านเพื่อให้มันเปิดออก แม่เค้าก็ยืนขวาง แล้วเค้าก็ไปนอนดิ้นบนพื้น ตอนนั้นมันเฟลมากนะคะ จนตอนหลังสามีไม่กล้ามาบ้านแล้ว เรารักสามีมาก ใช้วิธีการสื่อสารผ่านโทรเลขค่ะ เพราะคุณแม่ไม่รู้ ทุกวันศรจะไปยืนรอที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน
...
ช่วงเดียวที่ศรจะมีเวลาได้อยู่คนเดียวคือช่วงที่คุณแม่สวดมนต์ เพราะเค้าจะหายไปยาวที่สุด เราก็อัดคลิปเสียงผ่านเทป แล้วแอบเอาไปให้เค้า เค้าก็พูดใส่คลิปเสียงนั้นแล้วส่งกลับมาให้เรา เป็นอย่างนี้สักระยะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศร้ามากในชีวิตบ้านเป็นนรกมาก อยู่ไม่ได้เลย
ตอนนั้นศรกับแม่มองหน้าไม่ติดเลยนะคะ ร้องไห้ทุกวัน ชีวิตตกต่ำที่สุด จนพี่ชายที่อยู่ในบ้านเค้ามองว่า ชีวิตมันเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คุณแม่เป็นคนไม่ยอมใคร เค้าสู้มาก เค้าเลยเดินมาบอกว่า เค้ารู้ว่าคุณแม่ไม่มีเหตุผลนะ แต่ความกตัญญูอยู่เหนือเหตุผลนะ เลยทำให้คิดได้
...
ศรเลยเขียนจดหมายถึงพี่อู๊ด บอกว่า ศรต้องกตัญญูกับแม่ เราเลิกกันเถอะ จากนั้นมาพี่อู๊ดเค้าเลยหายไป 3 เดือน คุณแม่คุณอู๊ดก็มาบอกกับคุณอู๊ดว่า เค้าทนไม่ได้ที่เห็นลูกชายเค้าเป็นอย่างนี้ คุณอู๊ดเค้าก็คิดได้ แล้วก็หายจากชีวิตเราไปเลย
คุณแม่พอเห็นว่าเราเลิกแล้ว เค้าก็ดีใจมาก ทุกอย่างเป็นปกติ แล้วเค้าก็ดึงคนที่ 3 เข้ามา เลยเอาคนนี้มาช่วยให้เลิกกับคนนั้นได้สำเร็จ คนที่ 3 ก็เข้ามา ซึ่งผู้ชายคนที่ 3 นี้ คล้ายกับคุณอู๊ดมากๆ พอคนนี้เข้ามาปุ๊บคุณแม่ก็เห็นจังหวะเลยว่า เอาคนนี้เข้ามาเราจะได้ลืม แต่เราเกลียดคนนี้มากๆ
หลังจากงานมาเค้าก็มาหาที่บ้านเราทุกวัน คล้ายๆ คุณอู๊ด มาทุกวันๆ ตื๊อทุกวัน มาแล้วเราไม่คุยกันเลย ทะเลาะกันทุกวัน คนนี้เราเข้ากันไม่ได้เลย ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน ทะเลาะกันจนแบบว่า ไล่เค้าทุกวัน ตะโกนไล่เค้าทุกวัน
แต่เค้าไม่ไป มันแรงขึ้นเรื่อยๆ คือเค้าเป็นคนดีนะคะ เค้าน่ารัก แต่เค้ามาในจังหวะที่ไม่เหมาะสม เราหยิบหอยสังข์เขวี้ยงใส่เค้า มันไปเจาะหน้าผาก แล้วเลือดไหลเป็นทาง เค้าก็หยิบผ้ามาซับเลือด เค้าก็บอกว่า ลูกศร พี่ขออยู่ตรงนี้นะ เราก็อ่ะ โอเค เลยให้ผู้ชายคนนี้พาไปเจอพี่อู๊ด
ผู้ชายคนนี้เค้ารู้สถานการณ์ทุกอย่างว่าศรคบกับพี่อู๊ด แล้วรอให้เค้าเลิกกัน เราก็บอกว่า ช่วยหน่อยนะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน เค้าก็พาเราไปนะ ไปถึงบ้านพี่อู๊ดเราก็ขึ้นไปคุยกันร้องไห้ เสร็จพี่อู๊ดก็เดินมาส่งเราที่รถ แล้วกลับไปกินข้าวกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ
คนที่ 3 เค้าหลงเรามาก เราตัดสินใจคบ 5 ปี ส่วนกับพี่อู๊ดเราเลิกกัน ช่วงที่คบกันใน 5 ปีนั้น ศรได้ตัดสินใจไปเรียนเมืองนอก แต่ช่วงนั้นก็มีข่าวว่า แฟนศรไปมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ศรเลยบินกลับมาเมืองไทยทันที ปรากฏว่าป็นเรื่องจริง เค้ายอมรับกับศรตรงๆ ตอนนั้นเหมือนเราอกหัก ซึ่งเราไม่เคยอกหักเลย และเป็นครั้งแรกในชีวิต
อยู่ๆ เค้าก็พลิกจะไปแล้ว เลยใช้ความสามารถจากการเล่นละครมาใช้ เพราะเราคิดว่าเราควบคุมผู้ชายไว้ได้ทุกคน เลยไปพูดกับเค้าว่า พี่ อ. คะ ศรเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่พี่พยายามพรวนดิน ใส่ปุ๋ย จนเค้าออกดอกออกผลสวยงามที่พี่ อ. กำลังจะได้กินแล้ว แต่วันหนึ่งพี่ อ. เอามีดมาโค่นตัดลง จนเค้าหายไป 3 วัน หลังจากนั้นเค้ากลับมา เค้าเลือกเรา เรารู้สึกว่า แผนเราได้ผล เป็นสิ่งที่ศรเชื่อมาตลอดนะคะ ความรักใช้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้สมอง
แต่จากนั้นก็กลับมาเหมือนเดิม ทะเลาะกันตลอด ผ่านไป 5 ปี ศรอายุ 27 ปี ตอนนั้นผู้หญิงอายุขนาดนี้คือแก่แล้ว ศรเลยยื่นคำขาดให้แต่ง แต่เราทะเลาะกันทุกวัน กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมาก เราเลยตั้งจิตไม่ทะเลาะ แต่มันก็ไม่รอด ก็เป็นเหตุกาณณ์ที่ศรกลับมาจากเมืองนอกได้สักพัก เลยโทรศัพท์ไปหาพี่อู๊ดอัพเดตกัน
เลยได้มาเจอกันในที่ที่หนึ่ง พอได้เจอหน้าปุ๊บ รู้สึกมันคือคนนี้ สุดท้ายตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง เลยให้ 2 คนนี้มาคุยกันเอง เพราะเค้าดีทั้งคู่เลย เค้ารักกัน ไม่แอนตี้กัน ดีกันมาตลอด
ตอนนั้นเป็นการคบเรา 3 คนมาตลอด เคยขออนุญาตทั้ง 2 คนเลยว่า เราอยู่ด้วยกัน 3 คนเลยมั้ย เพราะเราไม่แคร์สังคมแล้ว แคร์แค่แม่กับคนรอบข้าง เราคิดว่า เราแต่งงานแล้วอยู่กัน 3 คนเลยมั้ย ซึ่งผู้ชายทั้ง 2 คนนั้นเค้าไม่ขัดนะคะ แต่เค้าแค่คิดไม่ออกเลยว่า จะทำกันยังไง ซึ่งผู้ชาย 2 คนนี้เค้าเข้าใจพี่นะคะ เค้าเปิดกว้างมาก และเราก็รักทั้ง 2 คน ยอมเป็นนางกากีก็ได้
เลยหาวิธีอะลุ่มอล่วยกัน ใช้สมองแล้ว เลยไปคุยกับแม่ เราก็บอกแม่ว่า ตอนนี้ศรกลับไปคุยกับแฟนเก่านะ แล้วที่ผ่านมาเราทะเลาะกับ พี่ อ. ทุกวันนี้ แม่รู้มั้ยคะ แฟนเก่านี้เค้าทำธุรกิจใหญ่โตแล้วนะ ถ้าแม่ด่าแฟนเก่า ศรก็ร่วมด่าด้วย วันต่อมาก็ทำแบบนี้อีก แล้วแม่เค้าก็เริ่มเห็นว่า เราทะเลาะกับ พี่ อ. เค้าเลยบอกว่า ถ้าไม่ไหวก็ให้เลิก
จนสุดท้ายเราก็เลิก แล้วเราก็กลับไปคบกับคุณอู๊ด จนกระทั่งแต่งงาน มันก็เลยเป็นที่มาของเรื่องสินสอด ที่เป็นข่าวดังมาก เลยไปปรึกษากับสามี (คุณอู๊ด) ว่า เค้าพอจะได้เท่าไหร่ เอาเป็นตัวเลขมา เค้าก็บอกมาเท่านี้ๆ เราก็ไปบอกแม่ แม่ตั้งมาสูงมาก แต่เราใช้จิตวิทยาในการต่อรองกับแม่
วันที่สู่ขอแม่ไม่ไป ให้เถ้าแก่มาสู่ขอ เค้าแอนตี้อยู่ในใจ สรุปคือสินสอดเป็นเช็คที่ไม่เขียนตัวเลขลงไป หลังจากนั้นเราก็จัดงานแต่งงานเลยภายใน 1 เดือน เพราะกลัวว่าแม่จะเปลี่ยนใจไม่ให้แต่ง
ก่อนแต่ง 3 สัปดาห์แม่มาบอกเราว่า ให้เรามายกเลิกงานแต่งให้หมด เพราะเค้ารู้สึกว่าไม่อยากขายลูกสาวกิน เราก็บอกว่า ไม่ได้แม่ ก็ต้องใช้จิตวิทยาคุยกับแม่อีกครั้ง แต่ถึงวันแต่งงาน แม่เค้าก็มางานแต่งนะคะ
ช่วงที่ต้องบอกเลิกกับอีกคน เป็นช่วงที่เสียใจมากที่สุด ชีวิตเศร้าจิตตกมากๆ เพราะก่อนหน้าเรายื้อเค้ามาสุดชีวิตจากนางงามคนนั้น แล้วเรามาไม่เลือกเค้า เพราะก่อนหน้าเราทะเลาะกันหนักมาก คือเรารู้ว่าเราแต่งไปไม่รอด
แต่เราเลิกกันไม่ได้ เพราะความผูกพัน พี่เลยพูดกับ พี่ อ. ตรงๆ เลยว่า ถ้าเรายื้อกันไปแล้วเลิกกันทีหลัง สุดท้ายแล้วครอบครัวต้องแตกไป แล้วเราก็มีทางโน้นอยู่ เราเคยบอกให้เค้าไปคุยกัน ซึ่งศรโชคดีมาก ที่ผู้ชาย 2 คนนี้รักเรามาก
หลังจากที่เราเลิกกันไป เค้าไปมีแฟนเป็นซุปตาร์หลายคนมาก ชีวิตมีสีสัน เราตามข่าวเค้า แฟนเค้าเริดกว่าเราหลายเท่า เด็กกว่าเราเยอะมาก ซึ่งเค้ามีชีวิตที่ดีขึ้นมาก
ความรักกับผู้ชายทั้ง 2 คน คนแรกพี่อู๊ดมันเกิดจากธรรมชาติ และความรักกับคนที่ 3 พี่ อ. นั้นมันเกิดจากความผูกพัน ซึ่งการที่เรากลับมาคบกับพี่อู๊ดอีกรอบนั้นมันยากมาก เพราะช่วงที่เราเลิกกันนั้น พี่อู๊ดเค้าไปเปิดโลกกว้าง สถานบันเทิงเริงรมย์ เค้าเจ้าชู้มาก จับอะไรก็เจอหมด จับได้ตลอด เราก็คิดว่า ไม่ใช่เล่นเลยนะ หายไป 8 ปี จับอะไรก็เจอตลอด
ส่วนเรื่องการเอาชนะมัดใจแฟนนั้น ลูกศร แนะนำว่า ผู้หญิงเราจะทำตัวเป็นแม่ตลอดไม่ได้ ต้องทำตัวเป็นภรรยาน้อยเพื่อมัดใจสามีด้วย อย่าเป็นเมียหลวงที่เป็นแม่อย่างเดียว ต้องเลือกให้ลูกกับสามีบาลานซ์ด้วยดีๆ อย่าเอาใจเทเป็นแม่เต็มตัว จนลืมเป็นภรรยา
อีกทั้งเราต้องตัวหอมอยู่ตลอดเวลา นี่คือเทคนิคภรรยาน้อยเลย ลองคิดดูว่า ถ้าเราเป็นเมียหลวง เราจะทำยังไง โดยให้คิดว่า มีเมียน้อยอยู่อีกคน เราจะคิดวิธีได้เลย เราต้องทำตัวให้สลับเป็นภรรยาน้อยบ้าง ภรรยาหลวงบ้าง
เราต้องมีศิลปะการครองเรือน ดังที่เค้าเคยบอกหลังแต่งงานไป 7 ปี ความรักมันค่อยๆ คลาย เราต้องรู้ว่าอะไรที่มัดใจสามี ซึ่งเราก็งัดมาหมดเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเค้าพูดออกมาว่า ไม่รู้ทำไม อยู่กับศรแล้วสนุกกว่าอยู่กับเพื่อนอีก
เหมือนการวางกลยุทธ์ที่ทำยังไงให้สามีมาติดเรา ชอบอะไร อย่าขายตรง ให้ทำเนียนๆ ผู้ชายของบ้านคือหัวเรือ แต่ผู้หญิงในบ้านคือหางเสือ บางครั้งเราบอกสามีเลยนะว่า ถ้าพี่อู๊ดไม่ไหว มาขออนุญาตเราตรงๆ ได้นะคะ จะได้ไม่ผิดศีล ส่วนคุณอู๊ดกับคุณแม่ ตอนนี้เค้ารักกันมาก เหมือนวันแรกที่เค้าเจอกันเลย.