หลังกล้อง - หลังไมค์ ผมรู้จักชายคนนี้ตั้งแต่เขายังไม่โด่งดัง จนถึงวันนี้วันที่เขาขึ้นหิ้งเป็น 'อะไรบางอย่าง' ไปแล้ว 

'มีวันนี้ได้แม่งไม่มีคำว่าฟลุกวะ น้าเน็กบอก! ...กูเนี้ยบหมด ถ้าเกิดมึงเป็นพิธีกรชุ่ยๆ มึงเป็นแค่โฆษก ส่งสคริปต์มาให้พูด อ่านไทยออกไม่ต้องเป็นมึงก็ได้เน็ก มันถึงเป็นกู ถึงมีงานไง จ้างมาร้อยทำหมื่น ไม่แปลก ต้องกูดิวะ'

วาระครบ 50 ปี น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ชายคนนี้ Thairath Talk มีโอกาสพูดคุยกับพิธีกรวงการบันเทิงอันดับหนึ่งของประเทศจากคนที่ 'เก็บก้นบุหรี่' เหลือดูด จนวันนี้ได้ทุกอย่างเท่าที่อยากได้ เป็นการพูดคุยแบบตกผลึกของวัย 

'...ข่าวบันเทิงมึงไม่ต้องรู้ก็ได้ ไม่ต้องดู 5 ปีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามึงไม่ดูข่าวสักอาทิตย์ฉิบหายมี พ.ร.บ.ตัวใหม่ มีการเมือง เหตุการณ์ไม่สงบ มึงไม่รู้ไม่ได้...' น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

วัย 50 ไม่ค่อยเห็นคุณเคลื่อนไหวอะไรกับสังคมบ้านเมืองเลยเพราะอะไร คำถามเหมือนจุดไฟในใจ - น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

'...เรื่องเสือดำกูมีอารมณ์ร่วมมาก เพราะการล่าสัตว์มันไม่ใช่กีฬา มึงล่ากู - กูล่ามึง ทั้ง 2 ฝ่ายรู้ว่าตัวเองอยู่ในเกมถือเป็นกีฬา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องรับไม่ได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไปในป่ายิงสัตว์ที่มันเหลือน้อย' - น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

...

บทสัมภาษณ์ทบทวนสิ่งต่างๆ ว่าด้วยเรื่องความคิด ชีวิตในวงการบันเทิง เรื่องส่วนตัว ที่ไม่เคยพูดที่ไหน แต่จะพูดใน Thairath Talk แบบดิบๆ กับคำถามตรงๆ แรงๆ น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

50 ปี น้าเน็ก 

Thairath Talk : ต้องบอกว่ายินดีด้วยที่คุณอายุ 50 ปี ที่ผ่านมามีอะไรผิดพลาดแล้วอยากกลับไปแก้ไขบ้าง

ไม่เคยอยากจะแก้ไขอะไรในอดีต เพราะมีความรู้สึกว่ามีทั้งเรื่องดี-เรื่องเลวทราม-มีเรื่องภูมิใจ เสียใจ แต่มันดันมันดุลให้กูมาอยู่ในจุดที่กูชอบมัน กูชอบปัจจุบันของกูเสมอ มันประกอบไปด้วยเรื่องดี-เหี้ยมากมาย แต่กูชอบ กูก็เลยมีความรู้สึกว่าโดยทฤษฎีของการข้ามเวลาบอกเลยว่า มึงข้ามไปอดีตอย่าได้แม้กระทั่งเด็ดต้นหญ้าต้นเล็กๆ ต้นเดียว ประวัติศาสตร์มันจะเปลี่ยน

Thairath Talk : เรื่องลาออกจากวงการ 

อธิบายที่นี่สุดท้ายละกันใครก็ตามที่ค่อนขอด และแซวผมมาตลอดย้อนไปปี 2555 แม่งครบ 20 ปีพอดีในการทำงานทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า-หลังหลายครั้งที่กูแม่ง auto pilot กับการทำงาน เล่นมุกเดิมๆ กินบุญเก่า ขอไป ไม่มีเหี้ยไรแปลกใหม่เลย คำตอบที่ได้คือแม่งหมดวะ เพราะเวลาในการทำงานของมึงคือการพ่นออก 

สิ่งที่เกิดขึ้นพบว่าตัวเองแม่งจอดรถในลานจอดรถ ไอ้เหี้ยหลับในรถ เพื่อนบ้านแม่งมาเคาะ ตี 4 เห็นสตาร์ตรถไว้ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นหลายครั้ง แม่งไม่ใช่ละ ตอนนั้นมีอยู่ 13 รายการ ลาออกหมด เหลือ 2 รายการลาไม่ได้ Thailand’s got talent กับ Take me out มันเป็นฟอร์แมตที่เซ็นสัญญากับต่างประเทศ มึงออกชุ่ยๆ มึงโดนปรับกันฉิบหายเลย ก็ทำอยู่แค่ 2 รายการ จาก 13 รายการ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนก็ตกอกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น สื่อแม่งมาขอสัมภาษณ์ ว่าทำไมถึงจะไม่ออกทีวี มันก็เลยกลายเป็นปีที่ออกทีวีเยอะฉิบหาย เพื่อจะเล่าให้ฟังว่าทำไมอะ ทำไมถึงไม่อยากออกทีวี ปรากฏว่าเหี้ยเห็นกูทั้งปีเหมือนเดิม แล้ว 2 รายการที่บอกเสือกดังด้วย คนมันไม่ดูทุกรายการหรอก แต่มันเห็นกู เขายังคิดว่ากูยังอยู่ ไม่เห็นจะออกเลย นู่นนี่ แล้วไม่ได้พูดว่าจะออกบอกว่าพักอย่างไม่มีกำหนด

ในปีนั้นก็ไปทำเรื่องอื่นที่ไม่ใช่งานทีวีเลย ทำแค่ 2 รายการมีเวลาเหลือมาก ไปเป็นโปรดิวเซอร์ ไปทำเอเจนซี่ ไปตามที่ที่ไม่เคยไป ก็คือไอ้พวกงานประกาศรางวัลต่างๆ ไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ไปเป็นแขกรับเชิญให้กับรายการคนอื่น ทว่าที่ผ่านมาเราเป็นพิธีกรไง พอเราว่าง เขาชวนมาไป ไปเป็นแขกรับเชิญมันไม่ต้องใช้สติปัญญาเลยนิหว่า แค่ไปตอบคำถามไง ก็ไปไง ชวนมาทั้งปีกูว่างกูเลยไป โอ้เหี้ย! ออกทีวีเหมือนเดิม คนไม่เคลียร์ไง การออกทีวีมันไม่ใช่การทำงานนะ มันเป็นการไปเที่ยวนะเว้ย

Thairath Talk : ไม่ใช่การตลาด

การตลาดเพราะว่าไม่ได้เหี้ยอะไรเลย เงินแม่งหายไปเป็น 10 ล้านนะมึง การตลาดเหี้ยไร แล้วกลับมาก็กลับมาทำงานเท่าเดิม ไม่ได้กำเนิดใหม่ ไม่ได้ไปทำจมูก ไม่ได้กลายเป็นอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่พบอย่างนึงคือสดขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น ไปเก็บของกลับมาแล้วจี๊ดขึ้น ส่งผลดีต่องานอย่างเห็นได้ชัด

...

มึงดู Take me out ปี 55 กับ ปี 56 ดูกันเทปต่อเทปมันมีความแตกต่างกัน มาปี 56 แม่งจี๊ด ได้ผลโว้ย มันได้พัก ไม่เคยพูดว่าลาออกเลย แต่เชื่อมั้ยคนรับสารเขาไม่ได้อยากฟังทั้งหมด กูเล่าให้สรยุทธฟังนะ 1 ชั่วโมงเต็ม คนดูจบ อ้าวทำไมลาออกอะ แถลงข่าวด้วยนะกูพูดอยู่ชั่วโมงครึ่งพูดเสร็จปุ๊บ นักข่าวจ่อไมค์อะไรอีกวะ กูเพิ่งพูดไป จ่อไมค์ถามทำไมลาออกคะ เฮ้ยก็กูเพิ่งเล่าไปเมื่อกี้อยู่ชั่วโมงครึ่ง หรือคนไม่ได้ฟังว่ากูพูดอะไร

สิ่งที่เรียนรู้ก็คือหนึ่งอย่าพูดอะไรยาวเพราะคนจะไม่ได้ฟัง คนจะสรุปเอาสิ่งที่เขาเข้าใจ ดูเลยนี่คือสิ่งที่สะท้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตกูนะเว้ยกูพูดอยู่ชั่วโมงครึ่ง เพื่อต้องการความเข้าอกเข้าใจเพราะอะไร เพราะรายการ 11 รายการ เดือดร้อนนะมึง ลูกค้าเขาเซนะมึง วันนั้นกูเสือกติสต์ขึ้นมาอยากพักขึ้นมา เดือดร้อนกันหมดนะมึง กูเลยพูดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ ทั้ง 11 รายการผมไม่ได้ไม่พอใจคุณ นี่ไม่ได้ดราม่า ผมไม่ได้งอนไม่ได้อะไร แต่ผมรู้สึกว่าแล้วผมจะกลับมาเป็นพิธีกรที่ดีรับใช้พวกคุณอีก พักแป๊บแบบไม่มีกำหนด อ้าวทำไมลาออกอ่ะคะ

Thairath Talk : ย้อนกลับไปวันนั้นที่เราแถลงข่าวว่าจะลาออก จะพูดว่าอะไร

ก็คงจะต้องพูดสั้นๆ แต่เดี๋ยวนะสิ่งที่กูพูดไปชั่วโมงครึ่ง กูจะบีบอัดให้เหลือสั้นๆ ได้ไงวะ อ่า..เหนื่อยครับ พักแป๊บ ไม่มีกำหนด แล้วจะรีบกลับมา ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนครับ

Thairath Talk :  แถลงเสร็จนักข่าวบันเทิงยื่นไมค์ คุณเดาว่าพวกเขาจะถามว่า?

ลาออกเหรอคะ (หัวเราะลั่น) แล้วก็ต้องเล่าใหม่อีก แล้วก็จะกลายเป็นคนกวนตีน คนชอบให้เราเล่ายาวๆ แต่ไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ งงไหมล่ะ

Thairath Talk : ประเทศนี้มันเป็นแบบนี้

...

ผมไม่โทษผู้คนในประเทศนี้ เหมือนเราไปแอฟริกาแล้วทุกคนดำปี๋หมดอะ มันไม่ใช่ความผิดเขา เขาเป็นอย่างงั้น เราเป็นนักสื่อสารมวลชนที่ดีต้องเข้าใจธรรมชาติของคนรับสารในประเทศเรา แล้วปรับตัวให้เข้ากับเขา คนไทยเนี่ยต้องการอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ส่วนตัว ร้านอาหารเราจะเข้าไปในร้านที่คนเต็มเท่านั้น แต่กูเข้าไปกูไม่อยากคุยกับใครนะ

รถไฟฟ้าแม่งมาปุ๊บ ถ้าไม่มีคนเลยมีนั่งอยู่คนเดียว กูเข้าไป กูเหวอนะ แต่ถ้าเห็นรถไฟฟ้ามีคนเต็มคันกูสบายใจนะ แต่กูก็ไม่ได้อยากคุยกับใคร กูเข้าไปรูดมือถือ กูเข้าไปทำเหี้ยอะไรสักอย่างเพราะกูไม่อยากคุยกับมึง แต่กูอุ่นใจที่มีมึงอยู่นั่งข้างๆ นะ

เราอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ต้องมีความเป็นส่วนตัว เหมือนกับคนไทยชอบให้เล่ายาวๆ แต่ไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ ชอบให้เราอธิบายยาวๆ แต่ไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ เราต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้ให้ได้ มันก็เลยทำให้เทคนิคการฟีดเฟซบุ๊กที่ประสบความสำเร็จคือใส่คำว่า Read more ไง มีเอกสารหนึ่งหน้า A4 มึงฟีดไปทั้งหน้า A4 เลยคนไม่อ่านหรอก ใส่สัก 2 บรรทัดก่อนแล้วกด Read more ให้เขาได้เปิดโอกาสก่อน ถ้าสนใจอยากฟังต่อไป Read more เผลอๆ อาจจะต้องมี Read more อีกไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของคนในประเทศนี้

Thairath Talk : : มันอยู่ที่หน้าที่พวกเรา

หน้าที่พวกเรา เว้ย เราเองเหมือนกัน โอเคพี่น้องในประเทศเรามีพฤติกรรมการรับสารแบบนี้ต้องเข้าใจ มันไม่ใช่ความผิดเขา ถ้าเกิดมึงมีความรู้สึกว่ามึงตั้งคำถามนู่นนี่ เฮ้ย อันนี้มึงไม่ใช่นักสื่อสารมวลชน มึงก็แค่เป็นคนเอาแต่ใจคนนึง มึงสื่อสารกับมวลชนไม่ได้

Thairath Talk :  อายุ 50 ปี อยู่ในวงการมาเกือบ 30 ปีวันนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยัง

ดีที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตมา ถาม 5 ปี หรือ 10 ปีที่แล้วก็จะตอบแบบนี้ กูรู้สึกว่า ไม่ได้ร่ำรวยมาก มีในระดับที่กำลังดี หรือเราอาจจะไม่ได้มีความต้องการเชิงวัตถุมากมาย มีคนที่มีบริษัทใหญ่กว่านี้ ขับรถแพงกว่านี้ มีคนที่บ้านใหญ่กว่านี้ มีเงินสดในบัญชีมากกว่านี้ นั้นเป็นเพราะเขามีความต้องการแบบนั้น

...

แต่เรามีความรู้สึกว่าเราโคตรจะพอใจเท่าที่มี เหมือนการถามว่าเราก็มีเงินมีทองมีรายได้ให้ไล่ตามทันภาวะเงินเฟ้อได้ละกัน อย่างวันที่ทอง 4 พันบาทก็ขอให้กูมีปัญญาซื้อมันเถอะวะ อย่างวันเนี่ยในตอนที่ทอง 2 หมื่นบาทขอให้มีปัญญาซื้อ กูเคยมีวันที่ไม่มีปัญญาซื้อบุหรี่ซองละ 60 ใช้เก็บหน้าลิฟต์ดูดเอา วันนี้แม่งซองละ 150 ละโอเคมีปัญญาซื้อ ก็โอเควะ

Thairath Talk : เป้าหมายตอนที่คิดว่าจะก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ เป้าหมายวันนั้น อายุ 50 ปีนี้ทบทวนว่ายังไง

ช่วงหนุ่มคือหาเลี้ยงชีพ การหาเลี้ยงชีพแล้วตั้งคำถามเสมอว่า อีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไงวะ จากอาชีพนี้ ถ้าแม่งไม่ใช่เปลี่ยนเลย จนไปอยู่ในแกรมมี่แล้วพบว่าบริษัทนี้อยู่ยาวได้ บางที่อยู่ยาวไม่ได้ กูเคยเป็นเด็กปั๊ม ล้างรถ อยู่ยาวไม่ได้ Ultimate gold ของเด็กปั๊มคือไร เจ้าของปั๊ม มันเป็นไปไม่ได้ ก็อย่าเลย ซึ่ง ณ วันนั้นเราไปทำเพราะว่าหนึ่ง Passion ชอบรถ มีอาชีพอะไรที่มึงจะได้ขับรถวันละ 100 คัน คิดแค่นี้ ตอนนั้นอยู่เชียงใหม่ เฟอร์รารี่ที่นี่กูได้ขับหมด จากที่ล้างไปที่เช็ด 15 เมตร แต่ล้างซะจนแม่งหลับตามาเลยยี่ห้ออะไร จำได้เลยว่านี่รถพี่คนนี้ กูว่ากูเป็นเด็กล้างรถที่เก่งที่สุดในเชียงใหม่ ก็พอ ย้ายมากรุงเทพฯแจกใบปลิว

เราเรียนสื่อสารมวลชนมาทำอะไรดีวะ ก็แจกใบปลิวดิ ถ้าเป็นแรงงานพม่าหน้าที่คือทำไงให้ปึกนี้หมดเร็วสุด แต่ถ้าคิดจากนักสื่อสารฯไม่ใช่ หน้าที่เราคือเรียกคนไปงานกูนั่งอ่านเลย ถูกที่สุดในงาน 3,500 บาท คือเก้าอี้โต๊ะกินข้าวไร คนมีปัญญาซื้อเก้าอี้ตัวนี้ต้องเป็นใครวะ ใบปลิวกูต้องไปอยู่ในมือคนแบบนั้น แม่งเอากูมาปล่อยลงตรงบางกะปิ ไอ้เหี้ยยังไม่ได้แจก ดูก็รู้ กูไม่แจก คนจ่ายงานด่ากูฉิบหาย แต่ไปสีลมแม่งหมดปึก สีลมนี่แม่งก็ต้องคัด ใส่เพชรพรึ่บ ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์แจกเลย เพราะกูรู้ว่าเขามีปัญญาซื้อของในใบปลิวกูไง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กูไปยืนหน้างานแสดงสินค้าวันงาน กูจำได้ทุกคนที่รับใบปลิวจากกู เขาไปทักผมไงที่แจกใบปลิว ถือว่าฟินละ ก็เปลี่ยนงาน นี่คือวิธีและการทำงานของเราแต่ละยุค-สมัย ไม่ว่ามันจะเป็นงานที่ภาพผิวเผินดูกระจอกงอกง่อยก็ตาม มันต้องมีเจตนาจริงๆ ของงานนั้น เป็นพ่อครัวอะไรคือเจตนา ไอ้เหี้ยต้องอร่อย เคยกินหมูสะเต๊ะที่ไม่อร่อยเลย จนสงสัยว่าไอ้คนทำหมูสะเต๊ะไม่เคยแดกหมูสะเต๊ะท่าดินแดงรึไงวะ ถึงกล้าทำแบบนี้ออกมาขาย เคยแดกก๋วยเตี๋ยวที่เหี้ยมากเลย ไอ้เหี้ยมึงแม่งไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยววัฒนพาณิชณ์เลยเหรอ เคยปะ แม่งก็คือพวกทำชุ่ยๆ ไง ซึ่งพี่ไม่เอา

Thairath Talk :  ไม่ฟลุก..กว่าจะมีวันนี้ได้

ไม่เอา ไม่ฟลุก ต้องเนี้ยบหมด ถ้าเกิดมึงเป็นพิธีกรชุ่ยๆ อะมึงก็เป็นแค่โฆษก มึงก็เป็นแค่ mc แต่ถ้าสมมติว่ามึงเนี้ยบกับงานมึง ฝรั่งจะเรียกมึงว่าโฮสต์ ไม่ใช่ mc มึงไม่ใช่โฆษกเขาส่งสคริปต์มาให้ก็พูดๆ ไป ไม่ต้องเป็นมึงก็ได้มั้งเน็ก ใครก็ได้ที่อ่านภาษาไทยออก แต่ถ้ามึงเป็นพิธีกรแบบโฮสต์ต้องอีกแบบนะมึง มันถึงต้องเป็นกูไง ถึงทุกวันนี้มันถึงมีงานไง มันต้องเป็นกู ไม่ตื่นเต้น ไม่แปลกใจ หรือดีใจกับคำชมเลยเพราะอะไร ใช่ซิครับ ก็จ้างมาร้อย กูทำหมื่น ไม่เห็นแปลกเลยมันต้องดีดิวะ ไม่ดี ถึงแปลก

ประเทศที่เต็มไปด้วยความบันเทิง

Thairath Talk :  คุณอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนาน และความบันเทิงยังขายได้ดีเสมอๆ คำถามก็คือประเทศต้องการความบันเทิงมากขนาดนี้เลยหรอ

ย้อนกลับไปคือว่า เราเป็นนักสื่อสารมวลชนในประเทศนี้ เราจะต้องเข้าใจความต้องการของผู้รับสารในประเทศนี้ แล้วสื่อสารในแบบที่เค้าเข้าใจ แต่ถ้าเกิดเพิ่มคำว่าบันเทิงมา ก็ต้องเติมคำว่าเข้าใจและชื่นชอบด้วย จะมานั่งด่าละครทำไม ก็ในเมื่อเราชอบดูแบบเนี่ย

Thairath Talk : ประเทศมันถึงเป็นแบบนี้ไง คิดอย่างนี้ ถ้าคนถามแบบนี้คุณจะบอกว่าไง

เอางี้แล้วกัน ข่าวกับข่าวบันเทิงต่างกันตรงไหนรู้ไหม ข่าวบันเทิงคือความบันเทิงที่ปลอมตัวมาเป็นข่าว มันไม่ใช่ข่าว เหมือนร้านกาแฟของกูข้างล่างมันคือห้องรับแขกนะเว้ย ที่ปลอมตัวเป็นร้านกาแฟ ไม่ใช่ร้านกาแฟจริงๆ มันคือห้องรับแขก แต่กูมีความรู้สึกว่าห้องรับแขกของกูแม่งควรจะเป็นร้านกาแฟวะ ถ้าเกิดนั่งเฉยๆ จะเหงามาก พอเป็นร้านกาแฟผู้คนก็ไปมา ทำให้มันมีชีวิตชีวา คนแม่งรอกู รอคุยงานเหงาๆ ซื้อกาแฟกูแดก อ้าวเหี้ยได้ตังค์ เหมือนกันแต่มันมีร้านกาแฟจริงๆ

แต่ข่าวจริงๆ ที่มึงต้องรู้ ราคาน้ำมัน สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ฯลฯ เพราะมันกระทบหมด การเมืองต้องรู้ เรื่องสุขภาพมียาตัวใหม่ต้องรู้ อากาศเหี้ยไร มีมรสุมเข้ามาไหม ต้องรู้ 'แต่ข่าวบันเทิงมึงไม่ต้องรู้ก็ได้ มึงไม่ต้องดูข่าวบันเทิง 5 ปี ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามึงไม่ดูข่าวสักอาทิตย์นึงมึงฉิบหาย' มีพ.ร.บ.ตัวใหม่ออกมา มีเรื่องการเมือง มีเหตุการณ์ไม่สงบในที่ไหนมา มึงไม่รู้ไม่ได้ แปลว่าอะไรเรื่องบันเทิงมันไม่สำคัญหรอกมันก็คือความบันเทิง

ฉะนั้นถ้าเขาจะชอบดูละครแบบนี้ ชอบรายการฟังเพลง ถ้าเขาจะชอบอย่างที่บันเทิงแบบนี้ก็ไม่เห็นเสียหายนี่หว่า

Thairath Talk : ไม่เห็นเสียหายหนิหว่า

ไม่เห็นเสียหายเลย มันแค่ความบันเทิง แต่เรื่องอื่นที่มันเป็นสาระ ที่มันซีเรียส นั่นไปตั้งคำถามแบบนั้นดีกว่า 'ไปตั้งคำถามว่าสื่อทำไมเสนอข่าวชอบเล่นแต่เรื่องพวกนี้ๆ เอะอะพาดหัวข่าวทำไมต้องมีเรื่องข่าวร้ายตลอดวะ แต่ก่อนเปิดหนังสือพิมพ์มาหน้าหนึ่งแม่งมีแต่ ศพ ศพ ศพ ไอ้เชี้ยแม่งไม่มีเรื่องดีๆ เลยอะ ข่าวเรื่องสำคัญอะคนทำดีทำไมไม่มีเลย อย่างงี้กูตั้งคำถาม' แต่ทำไมละครน้ำเน่า มีแต่รายการประกวดร้องเพลง ก็ไม่เป็นไรมันเป็นเรื่องบันเทิง เพราะไม่ต้องดูก็ได้

กูจะไม่ตอบว่าไม่ชอบก็ไม่ต้องดูนะ มันเป็นคำตอบที่ไม่มีความรับผิดชอบ กูแค่มีความรู้สึกว่าเรื่องบันเทิงมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันจึงเป็นอะไรก็ได้ มันเหมือนในยามมึงบันเทิง อาจจะเป็นไอ้ติงต๊องคนหนึ่งที่แดกเหล้าเมาแล้วก็เต้นรั่วๆ ไม่เป็นไร คือ After work แต่ในยามที่มึงทำงานเห็นไหม มึงสัมภาษณ์กู มึงจ้องตา มึงทำการบ้านมา แม่งมีคำถามดีๆ เออกูแคร์มึงตรงนี้ ในยามทำงานมึงต้องเป๊ะ แต่ในยามบันเทิงมึงจะเป็นไอ้ตัวบ้าอะไรเรื่องของมึงเหมือนกัน

บันเทิงอะไรก็ได้ไม่เป็นไร เพราะมันคือความบันเทิง แต่เรื่องสำคัญเรื่องซีเรียสต่างหากที่กูจะให้น้ำหนัก เข้าใจความหมายมั้ย กูจึงไม่ได้สนใจว่าละครน้ำเน่าแล้วไงอะ ก็สนุกดีหนิ แต่ไม่ชอบจริงๆ ก็ไม่เป็นไรหนิ กูเป็นคนนึงที่ไม่เคยดูออเจ้าเลย กูเป็นคนนึงที่กูไม่ดูละครหลังข่าวเลย เพราะกูไม่ชอบ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าไม่ดี คนที่เขาดูเขาชอบแบบนั้น

Thairath Talk : ประเทศนี้เวลาคนชอบอะไรจะสะท้อนบุคลิกของคนในประเทศ

เป็นวิธีการดูแบบง่ายที่ Stereotype ที่เหมารวมไปหน่อย จริงๆ แล้วมีคนรู้จักไปเรียนเมืองนอก หลานไปเรียนเมืองนอก ก็พบว่าคนเข้าใจคนไทยผิดๆ เยอะมาก นี่เป็นปี 2018 มีโซเชียลฯนะมึง ยังคิดว่าบ้านเราขี่ช้าง คิดว่าบ้านเราใส่ชุดไทย ไม่รู้ว่าไปดูจากอะไร ทำไมไม่ไปดูทวิตเตอร์คนไทยสักคนวะ ประเทศกูก็พอๆ กับมึงอะแหละ ก็ศิวิไลซ์ เหมือนกูถาม 'โจอี การ์น่า' ว่าที่บ้านมึงมีสิงโตป่าววะ ก็มีดิไปดูในป่าดิ แต่มันก็มีเมืองแบบบ้านเรา นึกออกปะ คนก็เข้าใจคนไทยผิดๆ เยอะ

ซึ่งในความเป็นจริงถ้าจะถามว่าคนในชาติเราเป็นยังไง เหี้ยเป็นคำถามที่ใครกล้าตอบอะ ไม่ใช่เพราะกลัวผลกระทบหลังจากตอบนะ แต่เราไม่รู้จริงๆ แต่เท่าที่พอจะเข้าใจนะว่าไล่เรียงไปตามประวัติศาสตร์ บ้านเรามีระบบศักดินาชนชั้นที่เข้มแข็ง รวยกระจุกจนกระจาย อันนี้คือพูดตามข้อมูล สิ้นปีมารายนามครอบครัวมหาเศรษฐี มีไม่กี่ตระกูลหน้าซ้ำๆ กัน รวยก็กระจุก คนจนก็กระจาย

ประเทศเรายังมีบ้านบางบ้านที่ไม่มีทีวีด้วยนะเว้ย เออบ้าหรอ ใครจะเชื่อ ถ้าเกิดพูดกับวัยรุ่นนะใครยังใช้โทรศัพท์มือถือไม่เป็น ใครจะเชื่อ เพราะรอบตัวกู กูเห็นแต่คนแบบนี้ เราเห็นแค่นี้แล้วก็สรุปเอาเองอะ รอบข้าง อย่างบางคนยังไม่มีรองเท้าใส่นะ กูเคยไปทำสกู๊ปให้กับมูลนิธิศุภนิมิตเป็นจังหวัดที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ มีนเด็กเขาให้ทุนอยู่ บ้านไม่มีเครื่องไฟฟ้าอะไรเลย อาหารคือไปจับหอยเชอร์รี่มาแล้วก็มายำ กลางคืนก็นอนก่อไฟ เหี้ยบ้า! แม่งไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯเลยแต่ทำไมถอยหลังจากกูไปเกือบ 20 ปีวะ เนี่ยมึงจะบอกว่าประเทศเราเป็นยังไงที่แท้จริงอะ

ยังมีคนที่เชื่อว่าการซิ่งมอเตอร์ไซค์บนถนนเป็นเรื่องเจ๋งอะ ยังมีคนเชื่อว่าการตีกันเพราะใส่เสื้อสีไม่เหมือนกันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะ ยังมีคนไม่ใส่หมวกกันน็อกเพียงเพราะร้อนหัว โดยที่มึงไม่ได้กลัวอ่อวะว่าหัวมึงจะไปกระแทกพื้น ยังมีคนที่แม่งเหนือชั้นกว่าเราจนเราเอื้อมไม่ถึง เพราะเรามีระดับชั้น และแต่ละคนก็จะอยู่ในระดับชั้นของต้นเสมอ

'กูสามารถคบคนที่จนกว่ากูลงไปได้มากเท่าที่กูต้องการ แต่กูไม่สามารถคบคนที่รวยกว่ากูได้ ระดับชั้นมันบังคับไม่ให้กูขึ้นกว่านี้' มหาเศรษฐีพันล้านเขาก็ไม่อยากคบคนอย่างกูหรอก แต่ในขณะที่ชาวบ้านกูลงไปได้ สุดท้ายภาพรวมของประเทศเราเป็นยังไงไม่กล้าตอบเพราะไม่รู้จริง

Thairath Talk :  ในวัย 50 เงินทองยังสำคัญอยู่ไหม

เงินทองสำคัญเสมอน้อง ไม่ว่าอายุจะเท่าไหร่ แต่มันถูกใช้ไปในการใดต่างหาก ในหมู่บ้านที่กูอยู่ เราจะมีแก๊งกินเหล้าเว้ย แก๊งคนแก่ แก๊งที่ทุกคนใส่เสื้อกล้ามเกงวอร์ม มีทนายความ ผู้บริหาร ผู้พิพากษา ประเด็นคุยกันคืออะไรรู้ไหม จะอยู่กันถึงเมื่อไหร่ ตายเมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะอะไรรู้ไหมเพราะอยากรู้ว่าเราต้องมีเงินกันเท่าไหร่ ต้องหาเงินเก็บไว้เท่าไหร่ จนถึงตอนนั้นที่จะอยู่อย่างไม่ลำบาก เดือนละ 5 หมื่น สมมติปีละ 6 แสน 10 ปี 6 ล้าน 20 ปี 12 ล้าน ยังไม่รวมค่ารักษาพยาบาลนะ ไอ้เหี้ยมันต้องมี 20 ล้าน แล้วยังไงมีถึงรึยังวะ มีแนวโน้มที่จะมีถึงยัง เราอยากรู้ว่าเราจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ ไม่ได้กลัวตายนะ กลัวไม่ตาย

พอตั้งคำถามนี้ทุกคนก็จะได้คำตอบต่างกันไป แต่กูมีความรู้สึกว่าอย่าอยู่นานเลยแล้วกันวะ ทุกวันนี้ฝันถึงเรื่องการตาย 3 แบบ

1.ฆ่าตัวตาย ล่าสุดที่มีข่าวลุงที่ไปตายที่สวิสที่ไปเมอร์ซี่คิลเลอร์ เขาอนุญาตให้ทุกคนตายได้ แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขอันนี้ยาก ประเด็นนี้น่าสนใจ คนตั้งคำถามว่ามึงก็ผูกคอตายก็จบไมต้องถ่อไปถึงสวิส หมดไปหลายแสนนะ ลุงคนนี้ตอบว่าไงรู้มั้ย มันไม่มีเกียรติ เขาอยากจบชีวิตตัวเองอย่างมีเกียรติ

2.เครื่องบินตก นี่ขอโทษทุกคนที่เห็นบทสัมภาษณ์นี้นะแล้วขึ้นไฟลต์เดียวกับกู ทุกครั้งที่กูขึ้นเครื่องบินนะกูจะบอกกับตัวเองเสมอเลย ถ้าจะต้องเป็นครั้งนี้ก็ครั้งนี้แหละวะ และไม่เคยสั่งเสียไม่เคยลาใครด้วย เพราะว่าทุกวันนี้ดีสุดละ ถ้าตายเพราะแบบนี้ก็โอเค สมศักดิ์ศรี

3.ตายในรถ Mustang ซิ่งรถ อันนี้ขอเท่ๆ อันนี้เป็นปัญญาอ่อน เหมือนเจมส์ ดีน ตายในรถพอร์ช ประสบอุบัติเหตุในรถที่เรารักแล้วก็ตาย คิดงี้เลย

Thairath Talk :  พูดเหมือนเขียนพินัยกรรมเอาไว้

เขียน ก็จัดการเรื่องทรัพย์สินผลประโยชน์ทั้งหมดไปในทางที่เหมาะสม ไม่ได้พูดเล่นตายได้ทันทีทุกวันนี้ 

Thairath Talk :  ความรัก หัวข้อนี้ไม่อยากให้ถาม

กูมีความรู้สึกว่าในการเป็นบุคคลสาธารณะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรามันจะมีความเป็นสาธารณะอยู่แล้วแหละ แต่กูเชื่อว่าหลักของมนุษย์ปุถุชนเนี่ย มันจะต้องมีมุมที่มันเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่สมควรรู้ มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเผยแพร่ ไม่ต่างอะไรจากการที่มึงจะต้องใส่เสื้อผ้า กูไม่ได้ปิดบังเรื่องความรักเพราะกูเขิน แต่กูมีความรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องต้องใส่เสื้อผ้าว่ะ มันน่ากลัวมากถ้าทุกคนรู้เรื่องเราหมดเลยอะ เข้าใจความหมายไหม

การมีชื่อเสียงมึงฟังดีๆ แม่งน่ากลัวนะมึง การเป็นที่รู้จักทุกคนเห็นข้อดี อยากมีตัวตน อยากดัง แต่พอมึงลองมี แม่งโคตรน่ากลัว ถามทุกคนที่มีชื่อเสียงได้ มึงเดินไปแล้วทุกคนรู้จักมึง น่ากลัวนะ อันดับแรกมึงต้องคิดละว่ามึงจะทำตัวยังไง หรือเขาอาจจะไม่รู้จักกูก็ได้ แต่มึงต้อง Nice ไปก่อนแล้ว วันนี้กูไปล้างรถ มีอยู่คนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องกระจก เหี้ยเค้าอาจจะรู้จักกูก็ได้ สวัสดีฮะ ต้องตีไว้ก่อน เป็นมึงมึงต้องสนไหม มึงไม่ใช่เซเลบ มึงไม่ต้องสน ถูโทรศัพท์ไปก็ได้

Thairath Talk : คนมีชื่อเสียงทำไม่ได้

ไม่ได้ มึงจะทำเหมือนเขาเป็นมนุษย์ปกติคนหนึ่งไม่ได้ เพราะเรารับผิดชอบความเป็นบุคคลสาธารณะไง เราต้องรับผิดชอบนะมึง

'บางคนชอบพูดว่าใครจะมายิ้มตลอดเวลา แม่งคนยิ้มตลอดเวลาก็คนบ้าสิ กูถึงบอกไง ใช่มึงเป็นคนมีชื่อเสียงมึงคนบ้า เพราะราคาของการมีชื่อเสียงของมึงมันมีมูลค่ามหาศาล น้องอย่ามาเรียกหา ความเป็นส่วนตัว ไม่มี เพราะน้องขายมันกินไปแล้ว'

กูคิดอย่างงี้เสมอ และกูก็รับผิดชอบอาชีพของกู นั้นจึงมีความรู้สึกว่าเหี้ยชีวิตกูน่ากลัวมากพอแล้ว อย่าให้กูต้องแก้ผ้าหมดเลยมีเรื่องที่คนไม่ต้องรู้จักกูบ้างก็ได้

Thairath Talk :  คิดจะแต่งงานไหมชีวิตนี้

ผมมีคนที่ผมรัก ผมมีคนที่ผมกอดเขาได้ โอเคเรามาคุยเรื่องงานแต่งงานกัน ผมพูดในฐานะที่เคยทำอาชีพ Wedding planner งานแต่งงานแม่งเป็นพิธีกรรม เป็นองค์ประกอบ ไม่จัดก็กลัวไม่สมหน้าตา กลัวคนอื่นครหา กูถามหน่อยเถอะเวลามึงไปงานคนอื่น ไปด้วยความรู้สึกนี้ไหม

ไหนดูสิว่ามึงจัดงานสมหน้าสมตาเปล่า มันก็ไม่เคยอยู่แล้ว แต่ทำไมมึงเชื่อวะว่าไม่จัดงานคนจะคิดอย่างงั้นกับมึง มึงเคยไปงานแต่งงานใครโดยแบบว่า อ่อมึงจัดงานแต่งงานโอเค กูอนุญาตให้มึมีชีวิตคู่ได้ ตรวจดูสิว่างานมึงโอเคไหม ถ้าไม่ดีกูจะได้ด่ามึง ไม่มีใครไปงานแต่งงานใครด้วยความรู้สึกเหล่านั้นหนิหว่า หรืออาจจะมีคนคิดอย่างงั้นวะ เพราะงั้นคนที่เรารัก คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ พ่อแม่เขาก็ไม่ได้ให้ราคาเรื่องพวกนี้เหมือนๆ กับเราไม่ต้องจัดก็ได้นี่หว่า กูไม่ได้รณรงค์ให้ทุกคนคิดแบบนี้ เผอิญคนรอบข้างกู คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เค้าไม่ได้ให้ราคากับเรื่องพวกนี้ ไม่ต้องจัดก็ได้

ที่สำคัญก็คือว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ได้แปลว่าแฟนเราจะต้องเป็นบุคคลสาธารณะด้วย รับแต่ข้อเสีย เราเป็นบุคคลสาธารณะเรารับทั้งดี-เสีย แต่คนเป็นแฟนเราเขาจะไม่ได้ข้อดีเลย จะได้รับแต่ข้อเสีย มันไม่คุ้ม ไม่แฟร์ อย่าว่าแต่แฟนเลยแม่น้าเน็กยังเหนื่อย

เป็นแม่น้าเน็กนะซื้อของแพงตลอด เดินตลาดจะเป็นปลากะพงธรรมดาไม่ได้ ไอ้เหี้ยแม่งแพงกว่าปลากะพงธรรมดาอีก แดกของแพงตลอด เพราะเป็นแม่น้าเน็ก ซองผ้าป่ามาไม่หยุดเพราะเป็นแม่น้าเน็ก ถามว่าข้อดีของเขาคือไรวะ คือการเป็นแม่น้าเน็ก แต่ข้อเสียเพียบ เหมือนกันต้องปกป้องเขา

Thairath Talk : อีก 3-5 ปีเราจะเห็นคุณรูปแบบไหน

นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งคุยกันไม่กี่วันเลย เป็นฝันโง่ๆ ที่สนุกมาก อยากเปิดร้านที่วงเจ๋ง อาหารอร่อย บาร์ปัง และอบอุ่นสุดๆ เพื่อเอาไว้แฮงค์เอาต์กับเพื่อน ลูกค้าหรือคนที่ชอบเรา number5 bar เป็นที่ซ้อมนะ อยากเปิดร้าน อยากเป็นเจ้าของร้าน ณ วันนั้นร้านมันคงจะเป็นสไตล์แบบ 90’s 

Thairath Talk : ถามตรงๆ ที่ผ่านจนอายุ 50 ปีเราไม่ค่อยเห็นคุณเคลื่อนไหวอะไรกับสถานการณ์สังคมบ้านเมืองเลย เพราะอะไร

อันนี้สะท้อนความแก่เหมือนกัน จากไม่สนใจ เปลี่ยนเป็นโคตรสนใจ การเมืองคือข่าวที่แม่งมีผลกระทบไปหมด

'อย่างเรื่องเสือดำ เป็นเรื่องที่มีอารมณ์ร่วมมาก เพราะมีความรู้สึกว่าการล่าสัตว์มันไม่ใช่กีฬา เพราะกีฬาเนี่ยทุกคนต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในเกม มึงล่ากู กูล่ามึงนี่คือกีฬา ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในเกมนั้นถือว่าเป็นกีฬา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องรับไม่ได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าไปในป่ายิงสัตว์ที่มันเหลือน้อยแล้ว นี่ไม่ใช่ไม่ดี มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ มันเป็นเรื่องเหี้ย'

'โอ้! อย่าบอกว่าเรื่องเหี้ย สงสารเหี้ย บอกว่าคนที่ทำอย่างงั้นเป็นคนเหี้ยอีก ก็สงสารเหี้ย เดี๋ยวเหี้ยแม่งเสียชื่อ' มันเป็นเรื่องไม่สมควร และเรามีความรู้สึกว่าเราอยู่ในสื่อ ถ้าเรามีส่วนผลักดันเรื่องนี้ได้ก็ทำ กูเป็นคนเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องในสังคมน้อยมากที่เป็นดราม่า เสือดำน่าจะเป็นเรื่องแรกเลย

Thairath Talk : มีเรื่องอะไรอีกไหมที่กระทบใจและไม่เคยแสดงออก

เคยมีเรื่องที่เราตั้งคำถามมาเยอะแยะมากมาย แต่พอเราแก่แม่งเข้าใจเฉยเลยวะ เคยตั้งคำถามกับคนที่ติดโซเชียลสังคมก้มหน้า สุดท้ายแล้วที่สุดเข้าใจ ก็มันเป็นยุคสมัยเขา เราก็จะกลายเป็นคนแก่ที่บ่นวัยรุ่นเหมือนกันอะ วัยรุ่นในยุค 80 ทุกคนแม่งเล่นรูบิกกัน งานการไม่ทำ จนในที่สุดเขาโตมาพร้อมเครื่องมือ เขาก็เห็นแล้ว ก็เอาชีวิตไปผสมกับมัน ก็เข้าใจก็เลยไม่มีประเด็น เรื่องการเมือง เรื่องขั้วการเมือง เรื่องอะไรก็ตามแต่ ขอใช้คำว่าเข้าใจ เพราะสุดท้ายท้ายสุด เราถูกปกครองอยู่ เราทำอะไร เราก็แค่ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองและวิธีที่เราถูกปกครอง

Thairath Talk : มีคำถามที่ไม่อยากตอบไหม เวลาคนถาม

กูคิดกลับกันแล้ว เพราะว่ากูไม่อยากที่จะตอบคำถามอะไรก็ไม่รู้ที่กูอาจจะไม่ชอบ หรือรู้สึกไม่โอเค กูก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์ซะเลย น้อยมากที่มึงจะเห็นกูโดนจ่อไมค์ จะบอกเขาอย่างสุภาพว่าไม่สะดวก ติดธุระครับ ในความจริงคือหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์เลย

ท้ายที่สุดเราก็จะกลายเป็นข่าวบันเทิง ที่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องดูก็ได้ ข่าวบันเทิงมันไม่ให้อะไรอะ วิธีที่ถูกสร้างข่าวบันเทิงมันก็เลยเป็นวิธีไม่มีอะไร จ่อไมค์มา และที่สำคัญทำไมกูถึงรู้ รู้ไหม เพราะกูก็เคยทำกูเป็นนักข่าวบันเทิง.