ผมตั้งใจให้การคุยครั้งนี้เป็นเหมือนบันทึกหน้าหนึ่งของชีวิต ต๊ะ พิภู พุ่มแก้วกล้า,

ไม่ว่าจะด้วยวัย จุดยืน ความมั่นใจ กระทั่งวิชาชีพหน้ากล้องเรียกได้ว่า 'เจนจัด' ตลอดระยะเวลาที่ผม Thahrath Talk คุย ต๊ะ พิภู เป็นคนหนึ่งมีบุคลิกชัดเจน 

'ชัดเจน' เหมือน 'พูดคำ' คำจาที่ ฉะฉาน แม้จะออกตัวว่าบางจังหวะชีวิตที่ต้องตัดสินใจตัวเองเป็นคนขี้เกรงใจ

'ผมตอบได้ทุกคำถามนะ แค่ไม่เสี้ยม ทำให้ผมมีปัญหากับใครก็พอ' เขาพูดเพราะเป็นห่วงคำถามเซนซิทีฟเรื่องการเดินออกมาจากรายการเล่าข่าวชื่อดังที่เคยพูดไป 

ถามว่าถ้าย้อนกลับไปแก้อดีต คุณอยากไปแก้อะไรไหม ผมถามคนวัยหนุ่ม เขาพูดชัดถ้อยชัดคำว่า 'รู้แบบนี้น่าจะกล้ามากกว่านี้ ยังมีบางอย่างที่รู้สึกว่าน่าจะดีกว่านี้' 

นี่คือบทสัมภาษณ์ นี่คือบันทึกรอยทาง รอยเท้า และข้อผิดพลาดของชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 35 ปี ต๊ะ พิภู พุ่มแก้วกล้า ผู้ประกาศ พิธีกร ฝีปากกล้าฉะฉาน เป็นการถามตรงๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

แม้จะเป็นการสัมภาษณ์เมื่อหลายเดือนก่อน แต่แน่นอน เมื่อมีจุดยืน พูดกี่ทีก็ชัดเจน  

...

Thairath Talk ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง

ทุกวันนี้เป็นพนักงานประจำ THE STANDARD เป็นที่เดียวที่ผมมีเงินเดือนและต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน และเดอะสแตนดาร์ดก็ใจกว้างพอให้ผมสามารถรับงานอื่นๆ ได้ เพื่อดีต่อตัวผมเอง ก็ต้องยอมรับว่าเงินเดือนมันก็ไม่เยอะ ดังนั้นก็ต้องหางานอื่นๆ เพื่อให้ได้ในจำนวนที่เราเคยหามาได้

Thairath Talk คุณเกิดในครอบครัวแบบไหน

ผมเกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง ฐานะค่อนข้างมีกิน แต่ก็ไม่ถึงกับอยากได้อะไรก็ต้องได้ ผมถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่ 8 ขวบ อยู่จนจบ ม.6 แล้วก็มาต่อที่ธรรมศาสตร์ อีก 4 ปี อยู่หอพัก หลังจากนั้นก็ไปอังกฤษปีกว่า ผมใช้ชีวิตคนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่ และเนื่องด้วยครอบครัวก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร พ่อแม่ก็แยกกันอยู่ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นเด็กมีปัญหา และสิ่งนั้นก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า การที่เราได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ เราต้องเป็นผู้นำที่ดี ต้องเลี้ยงดูคุณแม่ได้ ต้องรีบหาเงินให้ได้เร็วที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระ และมันก็ทำให้เราได้เติบโตและเข้มแข็ง

Thairath Talk ช่วงที่พ่อแม่เลิกกัน เรามีวิธีคิดอย่างไงเพื่อไม่ให้เราเป็นเด็กมีปัญหา?

ปัญหามันอยู่รอบตัวเรา ไม่นานไม่ช้าปัญหามันก็จะเกิดขึ้น แต่เราเลือกที่จะไม่ทำตัวเองให้เป็นปัญหา เราไม่สามารถห้ามปัญหาภายนอกได้ แต่เราสามารถห้ามปัญหาที่เกิดจากตัวเราเองได้ วิธีคิดก็คือปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเราก่อน ถ้าเรามัวแต่คิดน้อยใจ ตั้งคำถามในเชิงลบ นั้นจะทำให้คุณเกิดปัญหา แต่ถ้าคุณคิดว่าถึงจะมีปัญหาจากปัจจัยอื่น แต่ถ้าเราคิดดี ทำดี ไม่เดือดร้อนใคร ตั้งใจเรียนหางาน หาเงิน คิดแบบนี้เราก็จะไม่มีปัญหา

หรือถ้าใครยังคิดไม่ได้ พยายามหาคนดีๆ สักคน ที่เราคิดว่าเขาจะเป็นแบบอย่างที่ดีได้ เพื่อนำเขามาเป็นแบบอย่างให้กับเรา และคิดว่า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกด้อยค่า ให้คิดว่ายังมีคนอื่นอีกมากที่ยังมีปัญหามากกว่าเรา สุดท้ายมันอยู่ที่วิธีคิดของเรา ค่อยๆ คิด...มันอาจจะทำไม่ได้ในทันดี ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ พอเราผ่านมันมาได้เราก็จะรู้สึกว่าเราแข็งแกร่ง

Thairath Talk คุณมีใครเป็นไอดอล?

ผมไม่ได้มีไอดอล ผมอาศัยการจำจากคนรอบข้างๆ รอบๆ ตัว เช่น รุ่นพี่บ้าง อาจารย์บ้าง บุคคลที่ดังบ้าง เป็นต้น ผมไปดูประวัติของคนที่ประสบความสำ เร็จ กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ ชีวิตเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง เขาถึงกลายเป็นนักแก้ปัญหาที่เก่ง และนั่นก็ทำให้เขาสามารถอยู่เหนือคนอื่นได้เพราะเขารู้จักจัด การปัญหาได้อย่างดี

Thairath Talk เป็นคนช่างพูด ช่างเจรจามาตั้งแต่เด็กไหม?

คิดว่าครับ เพราะแม่ผมบอกว่าไม่รู้ได้ใครมา แต่คิดว่าน่าจะเหมาะเป็นนักการทูตได้

Thairath Talk เคยคิดว่าวันหนึ่งจะเป็นนักข่าว

ไม่เคยเลยครับ ผมก็มีความฝันมากมายเหมือนเด็กทั่วไป ที่จำได้เด็กๆ คืออยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักดับเพลิง นักบิน นักฟุตบอลอาชีพ กระเป๋ารถเมล์ก็เคยอยากเป็นเพราะคิดว่ามันเท่ (หัวเราะ) แต่ไม่เคยคิดจะเป็นนักข่าว อาจจะมีช่วงนึงที่อยากเป็นนักข่าว แต่ก็จะเจาะจงว่าอยากจะเป็นนักข่าวสายสงคราม เพราะคิดว่ามันเท่ มันเสียสละ และได้เดินทางไปในประเทศที่คนไปไม่ถึง แต่พอโตมาก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงความฝันที่ถูกกระตุ้นจากภาพยนตร์ มันชั่วคราว แต่ในชีวิตจริงไม่รู้สึกว่าอยากจะเป็นเลย

Thairath Talk เริ่มทำงานข่าวตั้งแต่อายุเท่าไร

ช่วงอายุ 23, 24 หลังจากที่กลับมาจากอังกฤษ มาทำวิทยานิพนธ์ เพื่อให้จบ ป.โท ก็เริ่มหางาน จัดรายการวิทยุไปด้วย ระหว่างนั้นคนรอบข้างก็แนะนำให้ไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าว ก็เลยลองดู ก็ไม่ได้เสียหายอะไร และสุดท้ายเราก็ได้ ช่อง 9

...

Thairath Talk ทำงานช่อง 9 มา พักใหญ่เป็นอย่างไร

สนุกดีครับ ที่นั่นเป็นโรงเรียนชั้นดี สำนักข่าวไทยเป็นสำนักข่าวอันดับต้นๆ ที่คงแบบจาก BBC CNN มีการแบ่งแผนกแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ได้เรียนรู้วิธีการทำงานอย่างแท้จริง เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ครับ

Thairath Talk ในสายตาคุณอ่านข่าวเป็นผู้ประกาศที่นั่นถือว่าประสบความสำเร็จไหม

สำหรับผม ผมว่าเกินคาดครับ เพราะผมก็ได้อ่านข่าวช่วงหลัก เช้า เที่ยง ค่ำ อ่านมาทุกช่วงละ ช่อง 9 เป็นโรงเรียนที่ดี แต่สำหรับผม แต่ระยะยาวอาจจะยังไม่ใช่ ใครๆ ก็ชอบถามผมว่า ออกจากช่อง 9 ทำไม ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่คนเราก็ต้องการความมั่นคง มีหลักประกันในชีวิต

ตลอดที่ผมอยู่ช่อง 9 สัญญาของผมคือ ผู้ประกาศฝึกหัดซึ่งไม่มีสวัสดิการใดๆ ดังนั้นผมได้รายได้ตั้งแต่เริ่มจนจบสัญญา 5 ปี เท่าเดิม จริงอยู่ในช่วงแรกเราอายุน้อย เงินที่ได้ก็เพียงพอ แต่เมื่อเข้า 30 ก็ต้องการความมั่นคง และเงินที่เคยได้ก็จะไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ผมก็ยังอยู่ต่ออีกปีกว่าเลยนะ

จนมาคิดว่าจะไม่เป็นผู้ประกาศแล้ว คิดว่าตัวเองเลือกทางผิด ถ้าเลือกสายการเงิน ทำงานธนาคาร วันนี้ผมอาจจะเจริญและมั่นคงกว่านี้ และจังหวะนั้นผมได้เจอรุ่นน้องและได้ไปเทสงานที่ ทรู4ยู ระหว่างที่ผมออก ผมหยุดงาน 1 เดือน ระหว่างที่หยุดงานก็มีคนติดต่อมาเยอะ แต่ผมก็ปฏิเสธ มีคนจากเรื่องเล่าฯโทรมา เขาต้องการคนไปเสริมทัพ เรื่องเล่าเช้านี้ คือไม่ได้ไปแทนใคร ซึ่งตอนแรกผมก็จะปฏิเสธ แต่พอผมได้ลองไปปรึกษาคนรอบตัว เขาก็แนะนำว่าควรจะไป

สุดท้ายผมก็ได้ไปอยู่เรื่องเล่าฯ ถ้าถามว่าเคยคิดมั้ยว่าที่นี่จะเป็นแสงทองให้ ตอบเลยว่าไม่เคยคิดครับ แค่ได้เข้าไปก็เจ๋งมากแล้ว และผมก็ยังเชื่อว่าเรื่องเล่าฯ ที่คุณสรยุทธ สร้างมาเป็นรายการข่าวที่เปลี่ยนรูปแบบวงการข่าวของไทย ซึ่งเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ และผมได้เข้าไปนั่งตรงนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ ผมว่าก็เป็นความภูมิใจ เป็นที่ประสบการณ์ที่ดีครับ

...

Thairath Talk  จำได้ไหม ทำงานกับเรื่องเล่าฯวันแรกในฐานะผู้ประกาศข่าวเป็นอย่างไร

ตื่นเต้น รู้สึกสนุกดีครับ ถ้าถามว่าปรับตัวยากมั้ย ก็ถือว่ายากพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากจนถึงขั้นอยู่ไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้ดีพอหรือเปล่าต้องให้คนอื่นประเมิน แต่ส่วนตัวผมก็มองว่าช่วง 3-6 เดือนแรก ยังทำได้ไม่มีพอตามที่ตัวเองคาดหวังไว้ แต่ผมก็สามารถอยู่ได้นานเกินที่เขาคาดหมายไว้ด้วยซ้ำ

Thairath Talk ทำงานหนักแค่ไหน

ถ้าเทียบกับที่อื่นก็หนักที่สุด เป็นรูปแบบที่เฉพาะตัว อย่างที่ทราบว่าเป็นรายเกิดที่เกิดขึ้นจากคุณสรยุทธ (สุทัศนะจินดา) ดังนั้นก็จะมีความเป็นคุณสรยุทธ และคิดว่าไม่มีใครแทนเขาได้

Thairath Talk ในตอนนั้นหน้าฉากเราพอเห็น ในหน้าฉากหน้าที่คุณคือ

ผมทำหน้าที่แค่เป็นคนเสริม ให้งานมันสมบูรณ์มากขึ้น แต่ผมไม่ได้ไปเป็นผู้นำ หรือ ตัวแทน

Thairath Talk ที่นี่รู้สึกเกินกำลังตัวเองไหม

ผมรู้สึกว่าผมปรับตัวได้ ไม่ได้เกินกำลังอะไร ถ้าถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย หนักไหมก็หนัก กดดันไหม กดดัน กรณีของผมคือ ผมออกมาเอง

...

Thairath Talk  ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้คุณอยากจะแก้ไขอะไรไหมที่นั่น

รู้งี้น่าจะกล้ามากกว่านี้ ยังมีบางอย่างที่รู้สึกว่าน่าจะดีกว่านี้ แต่ผมเป็นคนค่อนข้างเกรงใจคน

Thairath Talk จำวันที่ออกจากเรื่องเล่าฯ ได้ไหม

จำได้ครับ วันนั้นมีพี่คนหนึ่งเรียกผมไปคุย ซึ่งนั่นเป็นก็สัญญาณแล้วว่า จะต้องมีอะไรเกิดขึ้น เขาบอกว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมก็เข้าใจ ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งถ้าในกรณีที่เป็นแฟนกัน ผมก็คงอยากจะแก้ตัว แต่นี่คือธุรกิจผมเข้าใจครับ

Thairath Talk คุณกับ "โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์" (ผู้ก่อตั้ง The Standard) รู้จักกันมาก่อน

ผมรู้จักเขา แต่เขาน่าจะไม่รู้จักผม แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

Thairath Talk จุดยืนการทำงานของคุณคือ ไม่มีไม่ขายข่าวดราม่า

มันก็มีบ้าง แต่จะพยายามนำเสนออย่างอื่นให้กับผู้ชม เราจะไม่นำเสนอตามที่คนอื่นเสนอ คอนเซปต์รายการของผมคือนำเสนอในสิ่งที่ต่างจากคนอื่นเพราะ สื่อมีบทบาทสำคัญมาก เด็กที่เกิดมารุ่นใหม่ก็ได้รับแต่ในสิ่งที่สื่อนำเสนอ ก็เกิดการเลียนแบบ

Thairath Talk ให้เวลาตัวเองในการสร้างคอนเทนต์ที่นี่นานแค่ไหน

ผมให้แค่ 6 เดือนถึง 1 ปีครับ ถ้ามันไม่รอด ผมก็พอ



Thairath Talk มีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้รู้สึกไม่อยากอยู่ที่นี่ไหม ?

ผมเป็นคนอดทนไม่เรื่องมาก และผมก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ผมไม่คิดถึงอะไรในแง่ร้าย ถ้าถามถึงที่เก่าผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดจนต้องออก แต่มันเป็นช่วงเวลาที่แค่รู้สึกว่าพอแล้ว

Thairath Talk คุณมีความเป็นนักธุรกิจหรือความเป็นอาร์ตมากกว่ากัน?

ผมว่าพอๆ กัน แต่อันหลังจะมากกว่า ถ้าผมเป็นนักธุรกิจผมก็อาจจะไม่มาที่นี่

Thairath Talk มองอย่างไรกับการเล่าข่าวในปัจจุบัน

ผมว่ามันเป็นเทรนด์ เพราะมันเข้ากับนิสัยคนไทยที่ไม่ชอบอ่าน คุณก็จะเลือกฟังคนที่คุณคิดว่าน่าเชื่อถือ คุณจะชอบฟังคนที่พูดเก่ง ดังนั้นผมมองว่าการเล่าข่าวก็น่าจะอยู่ได้อีกสักพักใหญ่ๆ

Thairath Talk สื่อมวลชนที่ดีในมุมคุณต้องเป็นยังไง

ไม่เลือกข้าง เป็นกลาง ยึดถือความจริง ความถูกต้อง รวมถึงมีจริยธรรมในการนำเสนอเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เดี๋ยวนี้ผู้ร้ายหรือผู้ต้องสงสัย หรือเป็นคนที่ถูกสังคมประณามหยามเหยียด ผมก็จะพยายาม ไม่ซ้ำเติมเขาเพราะผมรู้ว่าคนเราทุกคน ควรได้รับโอกาส บางทีเขาอาจจะไม่ผิดก็ได้ คดีอาจจะพลิกก็ได้ แต่สังคมรุมประณามเขาไปแล้วแบบนี้เป็นต้น

Thairath Talk คุณปรับตัวเก่งไหม

ผมว่าผมปรับตัวเก่งนะ พยายามไม่มีปัญหากับใคร พยายามเข้าใจทุกคน เพราะเราต่างก็โตมาไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราพยายามหันส่วนดีๆเข้าหากัน เราก็อยู่ร่วมกันได้

Thairath Talk มีคำถามไหนที่รู้สึกไม่ชอบบ้างมั้ย? อย่างเช่นคำถามออกจากเรื่องเล่า

ทุกวันนี้ก็ไม่มี แค่อยากพยายามเสี้ยมให้ผมมีปัญหากับใครก็พอ ซึ่งมาถามผมก็พูดตรงๆ มันอาจจะไม่ถูกใจบางคน หรือมันอาจจะเป็นมุมที่บางคนคิดว่าไม่จริง แต่ผมก็จะบอกว่าทุกอย่างที่ผมพูดออกมา คือความจริงไม่ได้โกหก ไม่ได้ปั้นแต่ง แต่มันคือมุมในสิ่งที่ผมคิด อะไรที่ไม่ดีผมขอเก็บไว้คนเดียว อะไรที่ผมรู้สึกว่าไม่ดีจริงๆ ถ้าพูดออกมาแล้วใครเสีย ผมก็ไว้ กระสุนที่ผมพูดออกมา ผมพูดในส่วนที่ ผมคิดว่าผมพูดได้ มันคือความจริง ไม่ได้เลวร้ายอะไร

Thairath Talk คุณคิดว่าเงินหรืองานสำคัญกว่า?

ผมคิดว่าทุกอย่างสำคัญหมดครับ มีความสำคัญเท่าๆ กัน