“วันพ่อ” ปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกๆครั้ง สำหรับ เอ-ไชยา มิตรชัย พระเอกลิเกเงินล้าน-นักแสดง-พิธีกร “ครัวลั่นทุ่ง” ช่อง 8 สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเป็น “มนุษย์พ่อ” หลังจากต้องปกปิด “ลูกเมีย” ต่อสาธารณชน เมื่อความจริงปรากฏทำให้เสียงลือ ข่าวเม้าท์ “ซุกลูก” คลี่คลาย “คนดังนั่งคุย” จึงถือโอกาสคว้าคุณพ่อหน้าหวาน เอ–ไชยา มาเปิดใจวินาทีที่เปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้รับรู้ ทำให้ลูกสาว น้องแป้ง หรือน้องพลอย-พรภัสร์ชนก และน้องแชมป์–ชุติพันธ์ ดีใจสุดชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนี้ เป็น 24 ปีแห่งความทรมานไม่น้อยเลย
ปีนี้เต็มปากเต็มคำว่าเป็น “คุณพ่อ” เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยมั้ย
“ใช่ครับ เป็นอะไรที่สบายใจทั้งครอบครัว ทั้งคุณพ่อคุณแม่ผม ทั้งภรรยาและลูก และพี่น้องแฮปปี้หมดเลย ตรงนี้ต้องขอบคุณสื่อสิ่งพิมพ์สำนักนึงที่ให้ข่าวนี้มา ถ้าเค้าไม่ขุดเรื่องนี้ยังไม่ได้เปิดเผยความจริงและขอบคุณอีกคน น้องแอน ผมปรึกษาเลยว่ามีข่าวมาแบบนี้พี่จะเปิดเผยได้มั้ย? เพราะว่าด้วยอายุอานาม หน้าที่การงานก็มั่นคงแล้ว แอนบอกได้เลยพี่เอ ตอนแรกผมไม่กล้าปรึกษาผู้ใหญ่ พ่อไม่สบาย แม่ก็ป่วยมีข่าวหน้า 1 ขึ้นมาท่านจะตกใจเลยถามน้อง ซึ่งน้องบอกได้เลยเดี๋ยวเค้าจะพูดกับพ่อแม่ให้เอง เพราะผมทำงานทุกวันไม่มีเวลาไปอธิบาย เค้ารับหน้าที่หมดเลย”
...
ย้อนความรู้สึกตั้งแต่วันที่รู้ว่าจะเป็นพ่อแต่พูดไม่ได้บอกไม่ได้
“ตอนที่ภรรยาท้อง มีลูกคือดีใจมากและเราไม่คิดอะไรเลย ตอนนั้นเราพร้อมหมด หน้าที่การงานแต่ด้วยอาชีพลิเกเท่านั้นเอง เข้าใจได้แฟนๆจะรับไม่ได้ เราเลยต้องอยู่เฉยๆก่อน พ่อแม่ฝ่ายภรรยาเค้าแฮปปี้กับเรา พอได้ลูกดีใจมาก เมียท้องไม่ได้อะไรแต่วันที่ลูกคลอดตรงนั้นต่างหากความรู้สึกของความเป็นพ่อ ซึ่งวัย 19 ดีใจมาก เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรับมาก่อน ยิ่งวันนึงมีเด็กตัวน้อยๆจะมาเรียกเราว่าพ่อ เฝ้ารอวันเมื่อไหร่เค้าจะพูดได้” วัยขนาดนั้นถือว่ามีลูกเร็วเหมือนกันนะ “เร็วครับ แต่ด้วยเราทำงานตั้งแต่เด็ก ทำงานตั้งแต่ 10 ขวบ วิ่งรอกเหมือนเป็น ศิลปินดัง วิ่งงานวันละ 3-4 ที่ เลยไม่รู้สึกว่าดัง พอมีลูกก็ชื่นใจ พอคนที่ 2 บอกภรรยาว่าคนที่สองอยากได้ลูกชาย แล้วก็ได้จริงๆ ไม่ได้บนอะไรมาเลยเลี้ยงกันมาก็ไม่ได้ขาด ถึงวันพ่อเราจะไม่ได้ไปโรงเรียนลูกจะมีแม่เค้าไปแทน ลูกผมสองคนทำให้ผมชื่นใจมาก ได้อย่างใจหมดทุกอย่าง แต่ไม่เคยคิดนะเค้าจะมาเล่นลิเกกับพ่อ บอกตรงๆ เค้าเหมือนคุณหนู คุณชายมาก ยายตามใจตั้งแต่เล็กๆ พอมีแป้งและแชมป์ขึ้นมามีงานลิเกทุกคืน พอเพลงกระทงหลงทาง ยิ่งดัง ทำให้ไม่มีเวลาอยู่กับลูก ยายยิ่งสงสารเลยยิ่งรักใหญ่เลยใครแตะไม่ได้ ยายปกป้องทุกอย่าง”
งานวันพ่อโรงเรียนลูกเราไปไม่ได้เพราะติดงานหรือสถานการณ์ที่เราปกปิด
“สถานะครับ โรงเรียนน้องแป้ง จริงๆชื่อเล่นน้องพลอย เดินเตาะแตะไปบอกครู ครูอย่าบอกใครนะพ่อหนู เอ-ไชยา มิตรชัย เค้าไปบอกปั๊บ ทางบ้านก็มาเล่าให้ฟังเราก็ย้ายโรงเรียนเลย ย้ายหลายโรงเรียนมาก จนต้องขึ้นไปอยู่บนเขา ย้ายจนลูกน่าสงสารมาก เรียนไม่ทัน พอย้ายมาเรียนโรงเรียนสุวาวรรณ คลองสาน เรียน ก.ไก่ เรียนเอบีซี เรียนตามไม่ทันกลับมาชักเลย สงสารลูกแต่ผ่านตรงนั้นมาได้” คนที่ใช้ชีวิตยากลำบากจริงๆ “ลูกและเมียครับ ผมรู้ว่าตรงไหนที่อยู่ได้ เราเป็นลิเกจะระวังแค่กลุ่มหนึ่ง พอเป็นนักร้องแฟนๆก็อีกกลุ่มนึง ดาราก็จะอีกกลุ่ม เพราะ ฉะนั้นผมไปไหนคนก็จะแตกตื่น” ลูกบ่นหรือฟ้องใช้ชีวิตลำบากบ้างมั้ย “มีครั้งเดียวที่ลำบาก คือพาลูกไปอยู่บนเขาสัตหีบ ตอนนั้นน้องแชมป์ขวบเดียว เพราะตอนนั้นเริ่มมีนิตยสารลงข่าว น้องพลอย น้องเพชร ซึ่งเค้าไม่รู้ว่าเป็นน้องแชมป์ พอมีข่าวก็เลยหนี ต้องพาอยู่บนเขาแล้วเมียก็ขับรถไม่เป็น เวลาจะซื้ออะไรกินก็ต้องนั่งรถประจำเมือง เจอฝนตกน้ำท่วม หน้าหนาวเครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่มี น้ำเย็นลูกก็ไม่อาบ ตอนนั้นสงสารลูกที่สุด” มองย้อนเหตุการณ์วันเก่าๆรู้สึกยังไงบ้าง “เหมือนเราเห็นแก่ตัว โดยเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย ผมถึงพยายามบอก เวลาคอมเมนต์ในรายการก็จะพูดอ้อมๆ ตอนที่ยังไม่เปิดข่าว ถ้าใครเป็นลูก หรือใครมีพ่อมีแม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน อย่าปล่อยเอาไว้เพราะเวลาเรียกคืนไม่ได้ ถ้าลูกโตไปแล้วเค้าจะมีสังคมนึง แต่เวลาผมอยู่บ้านจะไม่ไปไหน จะขลุกอยู่กับลูกกับเมีย ให้เวลากับเค้าเต็มที่ เหมือนแชมป์เป็นเด็กคนเดียวภายในบ้าน ไปซื้อบ้านก็อยู่ตามลำพัง เวลาผมกลับไป น้องแชมป์จะขึ้นมาบนเตียงชอบเล่นมวยปล้ำกัน เราเหนื่อยแต่ต้องเล่นกับลูก ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าเรารักน้องแป้งฝ่ายเดียว”
วันที่จะเปิดเผยมีลูกแล้วคำแรกที่ลูกพูดกับเรา
“เค้าร้องไห้ แล้วบอกว่ามีวันนี้ด้วยเหรอพ่อ ฟังแล้วนั้นเราจะกลั้นได้ยังไงแต่ก็ปลอบลูกว่าไม่ต้องร้องนะลูก เป็นข่าวดีลูกเราต้องดีใจ อันนั้นดอกนึง ดอกที่สองเปิดข่าวแล้ว ไปฟิตติ้งเสื้อผ้าลิเกธรรมะประวัติ ลูกขึ้นมาบนรถเพิ่งได้เจอกันเค้าขึ้นมาบนรถแล้วเค้าเขามากอดผม เสียงสะอึกสะอื้น พอเงยหน้าน้ำตานอง น้องแป้งพูดคิดว่าเราต้องปิดบังคนไปตลอดชีวิตแล้วพ่อ ฟังแล้วเป็นอะไรที่จุกและสะท้านใจมาก เค้าเข้าใจในความจำเป็นของพ่อแม่ ไม่ได้เรียกร้องแต่วันนี้ได้ระบายออกมา” ลูกชายล่ะว่ายังไงบ้างหลังเปิดข่าวเป็นลูกเอ–ไชยา “ตั้งแต่มีข่าวแชมป์ไม่ว่าแต่ไปให้สัมภาษณ์รายการกลับบ้านเรารักรออยู่ แชมป์พูดมาคำนึง ก็ดีครับแต่มาเรียกพ่อนอกบ้านผมไม่ชิน แล้วเค้าก็ร้องไห้ เค้าไม่เคยเรียกพ่อเวลาอยู่ข้างนอก ทั้งๆที่รู้ว่าเราเป็นพ่อ แต่แป้งเวลาข้างนอกยังเรียกพี่เอ แต่แชมป์ไม่เรียกพี่จะไม่ ครอบครัวผมนิสัยน้ำเน่าดีๆนี่เอง เคยเขียนหนังสือแล้วเปิดเผยไม่ได้ว่าทำไมเคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะช่วงนั้นผมสงสารลูกเมียจับใจ หนีหัวซุกหัวซุน ขนาดซื้อบ้านแต่อยู่ไม่ได้ เด็กข้างบ้านมาเล่นในบ้านก็เห็นรู้อีกเป็นบ้านเอ-ไชยา ก็ต้องย้ายบ้านหนี จนต้องเช่าคอนโดฯ อยู่กัน เราเห็นสภาพแล้วคุณภาพชีวิตลูกเมีย ความรู้สึกมันแย่มาก”
...
หากย้อนเวลากลับไปได้จะเปลี่ยนใจเปิดเผยชีวิตครอบครัวตั้งแต่แรกมั้ย
“เคยคิด ถ้าเปิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้น พยายามมองโลกแง่บวก เปิดตอนนั้นชีวิตเราครอบครัวเรามีความสุขแต่พี่น้องเรา ลิเกเรากำลังพีกๆ ถ้าดรอปไปปั๊บ แล้วผมมาจากลิเกโดยตรง อย่าลืมว่าแฟนลิเกแรงกว่าทุกวงการ เปิดความจริงไชยามีกิน มีเพลงหล่อเลี้ยงได้ แต่ลิเกอาจจะตกไปเลยไม่มีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมา ไหนจะญาติพี่น้องผม เพื่อนลิเก ถ้าไม่มีงานลิเกเลยเค้าไม่ตกระกำยิ่งกว่าผม อันนี้ผู้ใหญ่พูดก็มีเหตุผล เราต้องเชื่อ เราก็อยู่ตามประสาพ่อแม่ลูกไป แต่ที่มันลำบาก แต่ต้องหลบกระแส หลบข่าวต่างๆ ที่มันสาหัส ถ้าใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ตอนมีข่าวรถผมไปคว่ำ ข้อมูลที่ถูกจริงๆ จะกลับบ้านไปหาเมียหาลูกแล้วรีบเพราะไม่มีโอกาสได้กลับไปหาเลย แล้วเชื่อมั้ยว่านอน รพ. ลูกเมียก็มาเยี่ยมไม่ได้เลยสักวัน มันเป็นสาเหตุที่น่าฆ่าตัวตายมั้ย? เวลาที่ไชยาขึ้นเวทีคนแทบแห่ ห้อมล้อม แต่พอลงจากเวทีเป็นตัวเรามันทุกข์ เวลาเราทุกข์อยากเห็นหน้าลูกสักนิดลูกมาหาเราไม่ได้ เป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์แต่ไม่เป็นไร”
วิธีการเลี้ยงลูกสไตล์พ่อเอ
“ตั้งแต่เล็กๆจะไม่ให้ลูกรู้สึกว่าขาดอะไร ส่วนนึงความเป็นพ่อเป็นแม่อย่าได้ขาด อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ปู่ย่าตายายสอนแบบนี้ต้องกรอกหูลูกพ่อไม่อยู่ไปไหนล่ะพ่อไปทำงาน พ่อหาเงินมาให้หนูนะ ข้าวที่กินไปพ่อหามาให้นะ ที่แม่ส่งเรียนเป็นเงินของพ่อนะลูก พ่อรักหนูนะ ลูกจะไม่มีความรู้สึกว่าพ่อไม่รัก มีแต่พ่อรักใครมากกว่ากัน (หัวเราะ) สารภาพเลยห่วงลูกสาวมาก ก็เรียกแชมป์มาคุย ทำไมพ่อรักพี่เค้ามาก หนูต้องรักพี่ให้มาก เป็นน้องต้องปกป้องพี่ เพราะพี่เป็นผู้หญิงอันตรายรอบด้าน จะสอนด้วยเหตุผล ตอนเล็กๆแป้งเรียนบัลเล่ต์ เรียนจนได้ขึ้นนิตยสารรักลูก เราก็เอารูปอวดใครไม่ได้ว่าลูกเรา ส่วนแชมป์ใจจริงอยากเรียนสายสามัญเหมือนพี่แต่เค้าไม่เอาจะเรียนสายวิชาชีพ รู้เรียนตามเพื่อนก็ไม่เป็นไร ขอแค่ต้องเรียนจบ” เคยตีลูกมั้ย “ตั้งแต่ลูกเกิดมาไม่เคยตีลูกเลย มีดุบ้าง ดุแค่ 2-3 คำ รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนก็จะลุกหนีเลยจะไม่พูด พอพ่อไม่พูดลูกจะรู้ว่าพ่อโมโห พ่อไม่โอเค เวลานั่งทานข้าวมีอาหารการกินเราซื้ออะไรมาลูกต้องกินได้ ลูกจะรู้ถือจานข้าวแล้วเดินออก ผมก็จะมานี่เลย ผักอะไรยัดใส่ปาก (หัวเราะ) จะไม่ดุลูกแต่จะสอนด้วยเหตุผล แม้กระทั่งหมอน ต้องกราบหมอนเวลานอนและห้ามนอนสูงกว่าพ่อแม่”
...
ความภูมิใจในตัวลูกๆ
“สำหรับเด็กสองคนนี้ถึงต้องขอบคุณภรรยาที่มีลูกที่ดีให้กับผม ไม่นอกลู่นอกทาง อย่างการ์ดอวยพรวันพ่อวันแม่ เหมือนของคนอื่นเค้าก็เขียนให้ผม พ่อจ๋า พ่อครับ รักพ่อ เราหอมกัน กอดกันจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่เคอะไม่เขิน ถึงบอกอยากให้ครอบครัวทำกันแบบนี้จนเกิดความเคยชินเพราะมาทำตอนลูกโต ผมมากราบพ่อตอนไหนรู้มั้ย? ตอนที่นักข่าวให้ป้อนเค้กวันเกิดให้พ่อศักดิ์ตอนวันเกิดผม หอมพ่อหน่อยตอนนั้นอายมาก ยิ่งกอดพ่อ หอมพ่อยิ่งเป็นวันพ่อด้วย น้ำตาร่วงทั้งพ่อทั้งลูก ตั้งแต่นั้นมาผมทำ ผมเลยเป็นจุดที่ทำกับลูกๆ” ตอนนี้แป้งสืบสานเล่นลิเกตามพ่อด้วย “เป็นอีกเรื่องที่ภูมิใจมากๆ ต้องย้อนกลับไปตอนเด็กๆ เค้าดูลิเกที่พ่อแสดง นอนดูดขวดนม เป็นม้วนวีดิโอลิเกที่ลูกดูบ่อยจนลูกชอบ วันนึงไม่เคยคิดลูกจะมาเป็นลิเกเพราะคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสพาลูกเข้ามาเวทีลิเกแล้วล่ะ เพราะเราไม่สามารถเปิดตัวได้ แต่มีอยู่ครั้งทำลิเกเด็ก เราเลยเปิดสอนลิเกเด็กขึ้นมา มิตร มิตรชัย เป็นพระเอก เหลือนางเอกเลยเอาแป้งดีกว่าจะได้เข้ามาอยู่ครอบครัวเราได้ เอาลูกมาหัดลิเก มาซึมซับแต่ก็ไม่ได้บอกใครว่าเป็นลูก แชมป์ก็มาหัดด้วย พอแอน มิตรชัย ไปอินเดีย ต้องให้แป้งมาเล่นกับพ่อ หน้าเวทีจะมีกระแสว่าแป้งเด็กเกินไปไม่น่ามาเล่นกับเรา ลูกก็ร้องไห้ เราก็ปลอบลูก เราต้องพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราทำได้ ผิดถูกไม่มีใครดีมาตั้งแต่เกิดแม้กระทั่งพ่อเองกว่าจะมาดังได้ถูกด่ามาก็เยอะ ลูกก็เข้าใจ นี่เป็นหนึ่งเรื่องที่ภาคภูมิใจมาก ไม่เคยคิดเลยว่า ลูกกลับมาสืบสานการแสดงลิเกและช่วยทางนี้ได้อีก งานที่แล้วจากแฟนคลับที่เคยแอนตี้แป้งลูกมาให้รางวัลดูแล้วก็ยิ้ม เราก็สังเกตนะกลายเป็นคนดูแฮปปี้ครอบครัวเรา เท่ากับเราประสบความสำเร็จชื่นใจที่สุด”
...
ถือว่าเปิดตัวในเวลาที่ใช่กระแสเลยไม่โดนโจมตีมาก
“ถูกครับ แค่รอมานานมาก เป็น 24 ปีที่ทรมานนะ มีหลายครอบครัวเพื่อนศิลปินที่เจอผมแล้วร้องไห้กับผมเลยนะ ร้องว่าเค้ายังไม่สามารถเปิดตัว ผมถึงเห็นใจเพื่อน พอเปิดเผยเรื่องครอบครัวพ่อผมจะรีบพูดอย่าดีใจจนเหมือนออกนอกหน้านะ เรานึกในใจพ่อไม่ต้องห่วงผมรู้ว่ามันยังไง ยังเป็นไชยาเหมือนเดิม พ่อผมเป็นเหมือนครูที่ดีที่สุดสำหรับผม เค้ากลัวว่าเปิดแล้วเดี๋ยวจะเต็มที่ อยากจะบอกไม่ต้องกลัวเราอยู่แบบนี้ แต่สิ่งนึงที่ดีใจลูกเรียกพ่อได้ ลูกกลายเป็นมีพ่อมีแม่ที่สมควรจะต้องมีแล้ว เราสมควรจะเป็นพ่อ ปกป้องลูกในฐานะพ่อ” จากที่เป็นลูกและวันนี้กลายเป็นพ่อลูกสองความรู้สึก ความคิดเปลี่ยนแปลงขนาดไหน “สิ่งที่พ่อสอนผมมา ผมนำมาใช้กับลูกต่อ เหมือน กงเกวียนกำเกวียน ไม่ต้องชาติไหนชาตินี้เลยและผมได้ลูกที่ดี พ่อผมกอดผมแล้วร้องไห้ บอกผมว่าเค้าภูมิใจมากในตัวผม พ่อเป็นครูที่สอนผมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งลิเก หัดเด็กพร้อมกัน กินข้าวให้กินพร้อมกันทุกคน หนูไม่ใช่ลูกพ่อแต่เป็นลูกศิษย์ ต้องกินอย่างศิษย์ ผมใช้กับลูกๆ เพราะพ่อของพ่อสอนมาแบบนี้ การสอนลูกไม่ใช่สอนวันสองวันจะดี เราต้องสอนทุกวันให้ข้อมูล ไม่ใช่โตขึ้นมาเราเปลี่ยนเค้าได้ มันเปลี่ยนไม่ได้ สิ่งนึงเราต้องแข็งแรงในบ้านให้เค้าศรัทธาในตัวเราให้ได้ เหมือนให้เค้ารักและเห็นใจเรา ทำไมเราทำงานเพื่อเค้า โอเค ผมมีกินมีใช้แต่ไม่ได้ให้เค้ากินใช้ฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ลูกไปห้างจิ้มอันนี้ได้เลยก็ไม่ใช่ เอาเหตุผลมาคุยกัน”.
ทีมข่าวบันเทิง