แม่นางเอกสาวช่อง 7 “กุญแจซอล ป่านทอทอง” ร่ำไห้ยอมรับลูกสาวท้องกับแฟนนายทหาร เผยไม่เคยเจอลูกมาเกือบปีแล้ว หลังการมาเจรจาสู่ขอของฝ่ายชายล้มเหลว จากนั้นลูกก็หายไปจากครอบครัวไม่ยอมติดต่อกลับมา จนสืบรู้ว่าไปจดทะเบียนสมรสและท้องใกล้คลอดแล้ว
หลังจากที่มีภาพผู้หญิงหน้าคล้ายนักแสดงสาว “กุญแจซอล-ป่านทอทอง” นางเอกช่อง 7 ลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่ นึกคิด บุญทอง ที่หายหน้าไปจากครอบครัว มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับคนตั้งครรภ์ ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับแฟนหนุ่ม นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ เลิศพัฒนาไทย ปรากฏออกมา จนเป็นที่สงสัยของแฟนๆ ละครนั้น เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ทีมข่าวบันเทิงไทยรัฐโทรศัพท์ไปสอบถามนางมุกดา บุญทอง มารดานางเอกสาว ถึงเรื่องดังกล่าวว่าจริงหรือไม่ นางมุกดาได้ยอมรับและเล่าเรื่องราวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้พ่อเขาเพิ่งรักษาโรคหัวใจเพิ่งหาย และทำงานละครหลายเรื่อง ไม่อยากให้เขาเครียดกับตรงนี้ อีกอย่างมันเลยจุดนั้นมาแล้วเพราะ 8 เดือนไม่ได้เจอกับลูกสาว พ่อก็ทำใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กุญแจซอลได้ติดต่อมาหรือไม่ หลังจากที่มีข่าวออกมา นางมุกดากล่าวว่า ไม่เลย ส่วนที่ตัดสินใจพูดเรื่องนี้ เพราะมันจะได้จบไป เขาจะได้ไม่ต้องมาโกหกสังคมว่าไม่ได้ท้อง แม่เห็นรูปที่ออกมาถึงรู้ว่าเขาท้อง เห็นในคอมเม้นต์ เห็นภาพนั้นพร้อมกับทุกคนก็ตกใจ ว่าทำไมเขาทำกับลูกเราขนาดนี้ แฟนลูกสาวพาลูกไปยกเลิกสัญญากับทางช่อง 7 ไม่ให้ลูกรับงาน ใครโทร.ไปก็กีดกัน ลูกอ่านไลน์ที่แม่ส่งไปแต่ไม่เคยตอบ ยิ่งเห็นรูปลูกล่าสุดโทรมมาก ทำไมต้องทำอย่างนี้กับครอบครัวเรา ฝ่ายชายไม่ให้เกียรติกันเลย ทั้งๆ ที่เราให้เกียรติเขา เข้าออกบ้านเราได้เห็นว่าเป็นทหาร ทำงานขนาดนี้น่าจะเป็นคนที่เราฝากลูกไว้กับเขาได้ แต่พอทำอย่างนี้รู้สึกผิดหวังมาก
...
เมื่อถามถึงเรื่องที่ฝ่ายชายเคยมาขอแต่งงานว่าทั้งสองคนคบกันนานหรือไม่ นางมุกดากล่าวว่า ไม่นาน คบกันตอนเขาไปเที่ยวที่ย่านถนนข้าวสาร มันไวเกินไป พ่อพูดคำเดียวว่า มันไวไปหรือไม่ ถ้ายังไม่พร้อมก็ดูกันไปก่อน แล้วฝ่ายชายโกรธเลยเอาลูกเราไป ตอนนั้นยังไม่คิดว่าลูกท้อง เพิ่งเห็นว่าท้องขนาดนี้ ก่อนหน้านี้คิดว่าเค้าเพิ่งเรียนจบคงไปหางานทำ ไปเรียนรู้ด้านทนายความ เพราะผู้ชายเคยพูดว่าเขาสามารถฝากน้องไปเป็นทหารได้ สามารถให้น้องไปเป็นนักบินได้ คิดว่าลูกอยู่กับเขาคงรอให้ได้ดีแล้วกลับมา ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะท้องและมีอะไรกันก่อนจะมาสู่ขอ
นางมุกดายังกล่าวอีกว่า ไม่ได้กีดกันความรัก เขาทั้งคู่ เพราะไปคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว แต่ยอมรับว่าตอนนั้นเครียด แต่หลังจากนั้นเขา 2 คนกลับมากรุงเทพฯ พอพ่อเขาถามว่า ได้ข่าวยังไม่ค่อยพร้อมเหรอ เพิ่งคบกัน ดูๆกันไปก่อนดีไหม ผู้ชายก็ฉุนขึ้นมาเลย วันนั้นทั้งวันผู้ชายนั่งรอคุยกับตนเลยเดินไปบอกว่าวันนี้เหนื่อย ค่อยคุยกันวันหลังได้ไหม ผู้ชายบอกครับๆ แล้วเขาก็เรียกกุญแจซอล ไป ปิดประตูดังมาก ตอนนั้นคิดว่าเขาจะไปนอน อีกบ้าน เพราะมีบ้าน 2 หลังใกล้ๆกัน แต่ลูกไม่ได้เอาข้าวของออกจากบ้านไปสักชิ้น จากนั้นก็ไม่เคยเจอลูก
เมื่อถามว่า ได้ตามหาลูกสาวหรือไม่ นางมุกดากล่าวว่า คืนวันนั้นก็ไปตามที่คอนโดผู้ชาย เลยได้รู้ว่าเขาเช่าเป็นรายวัน แล้วไปแจ้งความที่ โรงพักสุวรรณภูมิ ตำรวจเชิญฝ่ายชายมา แต่เขาไม่มา ทำหนังสือไปที่ทำงานของผู้ชาย ลูกเราก็ปกป้องเขา ตามหาลูกจนรู้ว่าทั้งคู่ได้ไปจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่สำนักงานเขตสายไหม มีผู้ใหญ่คนหนึ่งโทร.ไปหาลูก ถามว่าจะกลับมาหาพ่อแม่ไหม แต่ลูกบอกว่าต้องปรึกษาผู้ชายก่อน แล้วยังถามว่าท้องหรือเปล่า เขาก็ยอมรับว่าท้องใกล้คลอดแล้ว บอกว่าจะคลอดเองด้วย แม่เป็นห่วงมาก กลัวเขาจะเป็นอันตราย
นางมุกดากล่าวว่า เป็นห่วงลูก ก่อนหน้านี้ไม่พูด ไม่ให้ข่าวเพราะกลัวลูกเป็นอันตราย แต่วันนี้ต้องพูด เพราะแค่ไม่อยากให้ลูกต้องโกหกใครอีกต่อไป อยากให้ลูกทำให้ถูกต้อง ถ้ากุญแจซอลคลอดลูกเสร็จ พาหลานกลับมาขอโทษพ่อแม่ ต้องดูนะว่าเขายังมีสามัญสำนึกไหม ไม่ใช่ทำตาม กระแส คนเราต้องคิดเองได้ มีสามัญสำนึก ไม่ใช่สร้างภาพโกหกกัน เขาคงคิดว่าแม่ไปจู้จี้กับเขามากเกินไป แต่จริงๆแล้วมันคือความรักความห่วงใยที่แม่มีให้ลูก ไม่ให้ห่วงลูกแล้วจะให้ไปห่วงใคร แต่เขาคงไม่ได้คิดหรอกว่าเป็นห่วงเขา