ถือเป็นการประเดิมผลงานแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศครั้งแรกแบบสุดปัง!! เมื่อนักแสดงสุดฮอต “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ได้ประกบคู่กับนักแสดงสาวชื่อดังชาวฟิลิปปินส์ “จาเนลลา ซัลวาดอร์” (Janella Salvador) ร่วมถ่ายทอดภาพยนตร์รักโรแมนติกดราม่า “Under Parallel Skies-รักใต้ฟ้าคู่ขนาน” โดยบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ 28 Squared Studios จับมือกับ Warner Bros. Pictures ในการจัดจำหน่าย มีบริษัท Two Infinity Entertainment จากฮ่องกงร่วมอำนวยการสร้าง
เล่าเรื่องราวของ ปริญ หนุ่มไทย รับบทโดย “วิน–เมธวิน” ที่ออกเดินทางไปยังฮ่องกงเพื่อตามหาแม่ที่หายตัวไป เขาได้พบ ไอริส พนักงานโรงแรมสาวชาวฟิลิปปินส์ รับบทโดย “จาเนลลา ซัลวาดอร์” ซึ่งคอยช่วยเหลือเค้าผ่านเส้นทางแห่งความรัก ความโศกเศร้า และการเยียวยาจิตใจในต่างแดน ท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรมและตัวตนของทั้งสองคน ซึ่งในวันฉายรอบปฐมทัศน์โลก วิน–เมธวิน ก็ได้รับรางวัลดาราดาวรุ่ง (Rising Star Award) จากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์เอเชีย (Asian Film Awards) ครั้งที่ 17 อันทรงเกียรติที่ฮ่องกงอีกด้วย
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายมาแล้วทั้งใน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และรวมทั้งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตอนนี้ ทีมข่าวบันเทิงจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วิน–จาเนลลา” รวมทั้งทีมผู้สร้างหนังทั้ง “ซิกริด เบอร์นาโด” ผู้กำกับ-เขียนบท และ “ริชาร์ด ฮวน” ผู้อำนวยการสร้าง
...
เริ่มจากถาม ริชาร์ด ฮวน ว่าทำไมถึงอยากหยิบเรื่องราวนี้มาทำเป็นหนัง? ริชาร์ด “ในปัจจุบันมีความสัมพันธ์ที่เป็นรักข้ามประเทศเยอะมากขึ้น มีการคบหากันจากคนที่มาจากหลากหลายพื้นฐาน เรื่องราวนี้อาจจะเป็นเรื่องราวที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยๆในหนังจึงถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจในการเอามาทำหนัง แน่นอนว่ามันสามารถสื่อสารกับคนหลากหลายประเทศ และกลุ่มคนดูได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น”
ความเหมือนและแตกต่างของ จาเนลลา กับบทบาท ไอริส? จาเนลลา “ความเหมือนคือ เรามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ทำเต็มที่ที่สุดในการทำความฝันให้สำเร็จ ความแตกต่างคือ ฉันไม่เคยเป็น OFW (overseas Filipino workers) และไม่เคยเป็นพนักงานต้อนรับมาก่อน”
วินล่ะ ความเหมือนและแตกต่างของ วิน กับ ปริญ? วิน “ความเหมือนคือเราเป็นลูกคนรวยเหมือนกัน เป็นคนที่ให้คุณค่ากับความสุข ในเรื่องปริญเป็นลูกคนที่รวยมากๆแต่พอมาเจอความสุขจริงๆเจอคนที่ทำให้เค้ามีความสุข เค้าก็ยอมทิ้งทุกอย่าง ความแตกต่างคือ ปริญอาจจะเป็นเด็กที่โดนสปอยล์มากๆไม่สนใจใครเท่าไร”
การร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างวินกับจาเนลลาเป็นยังไงบ้าง? วิน “เรายังไม่เคยร่วมงานในด้านของภาพยนตร์หรือว่าซีรีส์กับศิลปินต่างชาติเลยอันนี้เป็นโปรเจกต์แรก ตื่นเต้นมากๆ ก่อนหน้าที่จะเจอกันก็รู้สึกเกร็งมากๆ แต่พอได้มาเจอกันจริงๆ รู้สึกว่าเรามีหลายอย่างที่วัฒนธรรมเหมือนกัน จูนติดกันง่าย รู้สึกว่าเค้าเป็นคนเฟรนด์ลี”
จาเนลลา “ครั้งแรกที่เจอวินคือตอนบินมาเวิร์กช็อปที่กรุงเทพฯ เลยได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เจอกันครั้งแรกรู้สึกได้เลยว่าเค้าน่ารัก นิสัยดีแล้วก็ดีจริงๆพวกเราเป็นคนค่อนข้างเงียบเหมือนกันแต่พอผ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกสบายใจ ทำงานด้วยกันได้ง่ายมากขึ้น”
ถามถึงความประทับใจหลังจากได้ร่วมงานกัน? วิน “หลายเรื่องครับ พอได้ร่วมทำงานกับเค้าจริงๆผมรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพของเค้า เค้าเก่งมาก เวลาเข้าฉากเค้าสามารถเปลี่ยนเป็นอีกคนนึงได้เลย”
จาเนลลา “จริงๆวินเป็นคนตลก”
จากที่บอกว่าเป็นคนเงียบทั้งคู่แล้วใช้วิธีอะไรในการละลายพฤติกรรมซึ่งกันและ กัน? จาเนลลา “อย่างเดียวเลยคือเรื่องอาหาร ฉันชอบกินอาหารเยอะมากๆ แล้วก็มีการนำอาหารมาแบ่งกับเพื่อนๆในกองด้วย ทำให้คุยกันมากขึ้น”
ทำไมบทนำถึงต้องเป็น วิน และ จาเนลลา? ซิกริด “จาเนลลาเองผลงานเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว อย่างภาพยนตร์ล่าสุดที่แสดงเป็นวายร้ายเห็นได้เลยว่าการแสดงเปลี่ยนบทบาทจากตัวดีไปเป็นตัวร้ายทำได้อย่างดี ส่วนวิน ในช่วงโควิดที่เริ่มมีกระแสของซีรีส์เรื่อง เพราะเราคู่กันโด่งดังมากๆตอนได้ยินชื่อก็เลยสนใจ และซีรีส์เรื่องเพราะเราคู่กันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้เริ่มต้นกำกับหนังที่เป็นประเด็นของ LGBTQ ด้วย”
...
ในเรื่องเป็นความรักคู่ขนาน ถ้าในชีวิตจริงเจอเหตุการณ์แบบในหนังจะทำยังไง? จาเนลลา “ฉันอาจจะไม่ได้เคยสัมผัสประสบการณ์ตรงขนาดนั้น แต่โดยความรู้สึกคือเราทุกคนอาศัยอยู่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมาจากคนละประเทศ แต่จริงๆความรักไม่ได้กำหนดแบบนั้น ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีกรอบ เราสามารถรักกันได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศ”
วิน “ผมไม่เคยมีประสบการณ์เหมือนกัน แต่จริงๆผมมองเรื่องความรักเป็นเรื่องที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร เชื้อชาติอะไร อยู่ที่ไหน เรามีความรัก มีความสุขที่มีกัน ผมว่าความรักแบบนี้ดำเนินต่อไปได้”
ได้อะไรจากการมาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้? จาเนลลา “มันไม่มีอะไรที่สายเกินไปสำหรับการตามหา หรือการจะไปทำตามความฝันให้สำเร็จ และความรักไม่มีพรมแดน”
วิน “เรื่องความสุข ในเรื่องคือต่อให้ตัวละครนี้จะเป็นลูกคนรวย แต่ไม่ได้แปลว่าเค้าจะมีความสุข เค้ายังต้องตามหาความสุขอยู่เลย คนที่ได้มาดูเรื่องนี้จะรู้สึกว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร”.