หากเปรียบการปะทะกันระหว่าง ก็อดซิลล่า และ คิงคอง เหมือนมวย ก็คงไม่เกินเลยที่จะบอกว่า นี่คือมวยคู่หยุดโลกที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอคอยมาเนิ่นนาน ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบการดูหนังแนวสัตว์ประหลาดยักษ์หรือไม่ แต่เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม น่าจะเคยได้ยินชื่อทั้ง 2 โลดแล่นอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อันยาวนาน หรืออาจได้ผ่านตาผลงานเวอร์ชันต่างๆ มาบ้างสักครั้งในชีวิต จะว่าไปทั้ง 2 ก็เหมือนเป็นตัวแทนของ 2 ฝั่งทวีปของโลก โดย ก็อดซิลล่า ของฝั่งเอเชีย และคิงคอง คือฝั่งอเมริกา การมาปะทะกันใน Godzilla vs Kong จึงเป็นศึกที่สมศักดิ์ศรี สมน้ำสมเนื้อ ที่สุดในปี 2021


จักรวาลหนังสัตว์ประหลาดยักษ์

ในยุคที่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะกับ Marvel ที่สร้างจักรวาลหนังซุปเปอร์ฮีโร่ของตัวเองขึ้นมาจนปลายเป็นปรากฏการณ์ โดยมีปลายทางความสำเร็จสูงสุดคือ The Avengers ที่กลายเป็นตำนานไปแล้วเรียบร้อย Warner Bros และ Legendary Entertainment จึงได้สร้าง จักรวาลหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ (MonsterVerse) ขึ้นมาบ้าง

เริ่มจาก Godzilla เมื่อปี 2014 ที่มาในโทนจริงจังเน้นความสมจริง และเปิดจักรวาลที่ชัดเจนขึ้นใน Kong: Skull Island ปี 2017 ที่ครั้งนี้มาเล่าเรื่องของคิงคอง พร้อมเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกมากมาย กระทั่งการมาของ Godzilla: King of the Monsters ในปี 2019 มาเดินเรื่องฝั่งก็อดซิลล่าอีกครั้ง ที่เริ่มจัดเต็มความมันด้วยแอ็กชั่นของสัตว์ประหลาดยักษ์ในตำนานมากมาย

...

ปัญหาของ MonsterVerse

ปลายทาง? ของการปูเรื่องราวของจักรวาลหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ก็มาถึงเสียที ความพยายามจะจริงจังตั้งแต่ Godzilla และใน Kong: Skull Island แม้จะทำให้จักรวาลหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ มีความเป็นเหตุเป็นผล มีมิติความลึกซึ้งเพียงพอในการขับเคลื่อนเรื่องราวต่อไป ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นความเคลื่อนไหวของฝั่งมนุษย์ที่เป็นส่วนของสมการ นำไปอันสู่ผลลัพธ์ที่ทำให้สัตว์ประหลาดต้องมาต่อสู้กัน

แต่นั่นอาจโดนใจฝั่งคนดูที่นิยมความดราม่าเท่านั้น แต่นั่นกลับขัดใจคนดูสายบันเทิง ซึ่งจะว่าไปแล้วมีจำนวนมากกว่า และอาจรวมถึงคนดูวัยเด็กที่ดูเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของหนังแนวนี้ ที่หวังจะให้หนังไปโฟกัสกับการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดมากกว่าเรื่องของดราม่า แม้ฉากแอ็กชั่นโดยรวมจะนำเสนอออกมาได้ดีแค่ก็ตาม แต่ตัวเลข 386 ล้านเหรียญฯ รายได้ทั่วโลกของ Godzilla: King of the Monsters ที่น้อยกว่า Godzilla และ Kong: Skull Island ลงกว่าครึ่ง อาจเป็นสิ่งสะท้อนว่าทางที่ MonsterVerse กำลังเดินอยู่นั้น อาจเป็นเส้นทางที่ผิดพลาด!

ก็อดซิลล่า ปะทะ คิงคอง

จากความพยายามจะจริงจังใส่เหตุใส่ผล ถึงจุดหนึ่ง Warner Bros และ Legendary Entertainment ก็รู้แล้วว่าหนังแนวนี้หากจะทำให้ตอบโจทย์ทั้งด้านบันเทิง (เพื่อนำไปสู่รายได้) ต้องทำอย่างไร ความคาดหวังของคนดูหนังแนวนี้ ที่แท้คืออะไร

Godzilla vs Kong จึงเป็นการปรับทิศทางการนำเสนอครั้งใหญ่ เน้นใส่สุด เอามัน ลดดราม่าของพาร์ตมนุษย์ที่ไม่จำเป็นออก แม้จะยังคงมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์ไว้อยู่ แต่ก็เป็นเพียงการอ้างอิง เพื่อให้พาร์ทแอ็กชั่นการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดยักษ์ทั้ง 2 นั้นยังเดินต่อได้สะดวก

...

แอ็กชั่นสุดมัน ตอบโจทย์ด้านบันเทิง

งานออกแบบฉากแอ็กชั่นใน Godzilla vs Kong ทำออกมาได้ถึงใจ สำหรับหนังบางเรื่อง ตัวอย่างหนังที่ออกมาให้เราได้ดู มักจะตัดมาจากฉากไฮไลต์สำคัญของเรื่อง แต่ใน ก็อดซิลล่า ปะทะ คิงคอง ตัวอย่างหนังที่ทุกคนได้ดูนั้นอยู่ในสถานะเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะในหนังจริงๆ มีมากกว่านั้นเยอะ แบ่งพาร์ตการต่อสู้เป็นหลายยก พร้อมยกพิเศษ? คอมโบแถมให้คนดูได้จุใจ.. แอบชอบเป็นพิเศษกับการออกแบบวิธีการต่อสู้ที่นำจุดเด่น และความสามารถของทั้งก็อดซิลล่าและคิงคอง มาออกหมัดออกเขี้ยวกันได้สนุก สะใจ จนอยากจะส่งเสียงเชียร์

แม้จะดูเป็นมวยวัดที่อัดกันบ้านเมืองพังพินาศ แต่ก็ยังแอบมีชั้นเชิงการต่อสู้ใส่เข้ามาเป็นเซอร์ไพรส์ไม่ให้คนดูเดาทางมวยได้ง่ายจนเกินไป พร้อมยกระดับฉากแอ็กชั่นขึ้นไปอีก ด้วยงานภาพและงานเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะการเนรมิตฉากต่อสู้บนเกาะฮ่องกงยามค่ำคืน ที่ดีงามมากจนอาจเป็นหนึ่งในฉากการต่อสู้ที่น่าจดจำฉากหนึ่งในโลกภาพยนตร์ในปี 2021

...

สิ่งที่สูญเสียไปใน MonsterVerse

แม้จะตอบโจทย์ในด้านความบันเทิง แต่สิ่งที่แอบเสียดายก็คือ การดำเนินเรื่องของฝั่งมนุษย์ ที่แม้จะไม่ถึงขั้นย่ำแย่ แต่ก็กลับโทนไปเยอะ เมื่อเทียบกับความจริงจังต่างๆ ที่ปูมาตั้งแต่ Godzilla ภาคแรกเมื่อปี 2014 (ซึ่งตอนนั้นทำได้ดี จนมองว่านี่คือจุดแข็งในการสร้าง MonsterVerse ด้วยซ้ำ)

แต่ใน Godzilla vs Kong จุดนี้คือ พังทลาย! ฝั่งมนุษย์กลายสภาพเป็นตัวประกอบในแบบที่เอาใครมาเล่นก็ได้ เมื่อลดถอนเรื่องของมนุษย์ มิติมุมมองที่มีต่อการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดยักษ์ต่างๆ เลยหายไป ซึ่งสะท้อนไปถึงฉากแอ็กชั่น ที่มุมกล้องที่ถูกใช้มากที่สุด คือ ฉายภาพกว้างในลักษณะการเผชิญหน้า ในรูปแบบที่ไม่ต่างจากฉากในเกม Fighting ไม่มีอีกแล้วมุมกล้องแปลกๆ ใหม่ๆ มุมมองผ่านมนุษย์ที่เงยหน้าเห็นการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดยักษ์ ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวสัตว์ประหลาดยักษ์ ความน่ากลัวของการต่อสู้ พลังอำนาจที่มนุษย์เกินจะควบคุม..

สรุปสุดท้าย

หากใครเป็นสายจริงจัง แล้วคิดจะไปดู อาจทำใจสักนิดกับเนื้อเรื่องและความเป็นเหตุเป็นผลของหนัง แต่สำหรับคนดูสายบันเทิง Godzilla vs Kong คืองานที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิง เพื่อคนดูสายบันเทิงอย่างแท้จริง เป็นหนังอีกเรื่องที่คู่ควรกับการออกจากบ้าน ไปตีตั๋วดูในโรงภาพยนตร์ และหากใครพอไม่ติดขัดทางด้านทุนทรัพย์ ขอแนะนำให้จัดตั๋ว IMAX เพื่อประสบการณ์ความบันเทิงที่คู่ควรกับมวยคู่ยักษ์หยุดโลกแห่งปี 2021

...


อ่านรีวิวหนัง ตีตั๋วชนโรง เรื่องอื่นๆ
ชา ตีตั๋วชนโรง
Twitter @Chamanz13
Facebook: ตีตั๋วชนโรง