หวังว่าผู้อ่านทุกคนที่ไม่ว่าจะติดตามมาตลอดหรือเข้าอ่านเป็นครั้งแรกจะสบายดีและมีพลังในการต่อสู้กับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ชีวิตเราต้องเปลี่ยนไป ตัวผู้เขียนเองก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกับทุกคน กว่าจะกลับมามีงานเขียนเรื่องนี้ก็ใช้เวลามากพอสมควรเลย

ตีตั๋วชนโรงในครั้งนี้แปลกแตกต่างกว่าที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่การรีวิวหรือแนะนำหนังชนโรง แต่เป็นการแนะนำซีรีส์ที่อยู่ในช่องทางออนไลน์ ที่จะขอเรียกสั้นๆ ว่า “ตีตั๋วซีรีส์” ซึ่งจริงๆ แล้วก็อยากที่จะเขียนรีวิวแนะนำซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังเข้ามาให้ติดตามกัน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นก็อยากที่จะเขียนถึงซีรีส์เรื่องหนึ่ง ที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่อาจจะยังไม่เคยได้ดู กับซีรีส์แอนิเมชัน Love, Death & Robots หรือในชื่อไทยว่า กลไก หัวใจ ดับสูญ

...

แอนิเมชัน 18 ตอน ความยาวเฉลี่ยตอนละ 10 กว่านาที เป็นเรื่องขนาดสั้นจบในตอนที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน สามารถดูตอนใดก่อนก็ได้ ถ้าจะมีอะไรที่ยึดโยงทั้ง 18 เรื่องเข้าด้วยกัน ก็คงเป็นธีมของซีรีส์ก็คือ ประเด็นความรัก (Love) ความตาย (Death) และหุ่นยนต์ (Robots) ที่ทั้ง 18 เรื่องถูกสร้างขึ้นมาโดยสตูดิโอแอนิเมชันที่แตกต่างกัน ที่ในด้านเทคนิคการสร้างอาจเรียกได้ว่า เป็นการรวมเทคนิคการสร้างแอนิเมชันที่ครบถ้วนที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยมีมา ตั้งแต่การวาดมือ วาดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานภาพโมเดล 3 มิติ ที่ผสมผสานกับงานถ่ายทำด้วย Motion Capture ที่ต่างก็เลือกใช้ได้เหมาะกับเรื่องราวที่จะเล่า ที่เมื่อดูแต่ละเรื่องก็จะเห็นถึงพัฒนาการในด้านการสร้างแอนิเมชันที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ด้านเนื้อเรื่อง อาจต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า เรื่องราวในบางตอนนั้นอาจจะจับต้องได้ยากเสียหน่อย ด้วยเวลาที่จำกัดจากการเป็นแอนิเมชันขนาดสั้น ทำให้ทุกเรื่องมุ่งเข้าใจสู่ใจกลางความสำคัญทั้งหมด รายละเอียดความเป็นมาต่างๆ ต้องละไว้ให้เป็นหน้าที่ของจินตนาการแต่ละคน แต่เรื่องราวส่วนใหญ่ก็ไปในทิศทางวิทยาศาสตร์ผสมผสาน ที่บางเรื่องก็สอดแทรกปรัชญาเข้าไปได้อย่างลงตัวจนน่าทึ่ง ใครที่ชื่นชอบหรือคุ้นเคยกับการอ่านนิยายวิทยาศาสตร์จะปรับตัวในการดูซีรีส์นี้ได้ง่ายเป็นพิเศษ

อ่านมากันถึงตรงนี้ ก็ถึงเวลาต้องลงรายละเอียดในแต่ละตอน แต่หากจะเอาให้ครบทั้ง 18 ตอน บทความชิ้นนี้คงจะยืดยาวจนไม่มีใครอ่านจบแน่ๆ เลยจะขอยกตอนเด่นๆ ที่คิดว่าไม่ควรพลาดของซีรีส์นี้มาแนะนำละกัน

Beyond the Aquila Rift
Beyond the Aquila Rift

เริ่มจาก Beyond the Aquila Rift นี่คืองานแนวนิยายวิทยาศาสตร์ขนานแท้ กับเรื่องราวของยานขนส่งที่ออกนอกวงโคจรไปไกลหลายปีแสง แต่ก็ได้รับความช่วยจากมิตรสหายเก่า ที่นำไปสู่เหตุการณ์สุดช็อกในภายหลัง! เรื่องนี้โดดเด่นที่งานภาพอันน่าทึ่ง งานภาพ 3 มิติ กับงาน Motion Capture ที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำให้การแยกให้ออกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือแอนิเมชันหรือคนแสดงทำได้ลำบากมากขึ้น รายละเอียดของสีหน้า กล้ามเนื้อ แสงเงา สมจริงมากๆ และความสมจริงนี้ก็ถูกนำมาใช้ในฉากเซ็กซ์ซีนอันเร่าร้อน ที่มาพร้อมกับเพลง Living in the Shadows ของ แมทธิว เพอร์รีแมน โจนส์ ที่เข้ากันอย่างลงตัว

...

The Witness
The Witness

The Witness เป็นตอนที่โดดเด่นในงานภาพสีสันฉูดฉาดและการตัดต่ออันฉับไว ที่เอาสไตล์ของงานคอมมิกอเมริกันมาใส่ไว้ในเรื่อง ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงสไตล์ในหนัง Spider-Man: Into the Spider-Verse แบบนั้นเลย กับเรื่องของหญิงสาวนางโชว์ที่บังเอิญเห็นคดีฆาตกรรม จนต้องหนีตายกับการไล่ล่าของฆาตกร ที่เราจะได้เห็นฉากไล่ล่าบนฉากหลังของฮ่องกงในยุคโมเดิร์น ที่ตื่นเต้น วาบหวิว และลุ้นไปตลอดเรื่อง การันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัล Emmy Awards ปี 2019 และรางวัล Annie Awards ปี 2020

Sonnie's Edge
Sonnie's Edge

...

มาถึงเรื่องที่ถูกวางให้เป็นตอนแรกของซีรีส์นี้อย่าง Sonnie's Edge ที่ส่วนตัวเริ่มดูตอนนี้เป็นเรื่องแรกและก็โดนจับอยู่หมัด และดูตอนอื่นๆ ในซีรีส์นี้ไปเรื่อยๆ จนครบ โดยเป็นเรื่องของยุคอนาคตแดนเถื่อนที่มีการต่อสู้ใต้ดินที่คนจะเชื่อมจิตเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่ลักษณะคล้ายกับเอเลี่ยน เข้าต่อสู้กันให้ตายไปข้าง เรื่องนี้สนุกมากทั้งฉากแอ็กชั่นเดือดสุดมันและการหักมุมที่คาดเดาไม่ได้ ที่เรื่องมีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปเป็นซีรีส์ยาวได้เลย

Good Hunting
Good Hunting

Good Hunting นี่คือการผสมผสานระหว่างตำนานจีน เรื่องของปิศาจจิ้งจอกที่ต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธนักล่าปิศาจผ่านยุคสมัยปลายราชวงศ์ชิงไปสู่ฮ่องกงที่เทคโนโลยีค่อยๆ ก้าวไปสู่ยุค Steampunk ที่เต็มไปด้วยกลไก เครื่องจักรไอน้ำ ถ่านหิน ฟันเฟือง ซึ่งเป็นมุมมองการต่อยอดอนาคตที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าด้วยไฟฟ้าและน้ำมัน ที่เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดด้วยงานภาพวาดมือที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและสวยงาม เช่นเดียวกับเรื่องที่ซาบซึ้งสะเทือนใจ

...

Zima Blue
Zima Blue

มาถึงเรื่องสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ กับเรื่อง Zima Blue ในด้านงานภาพอาจไม่ได้มีอะไรหวือหวานัก แต่กับด้านเนื้อเรื่องจัดว่าเป็นเรื่องที่ก้าวเข้าไปในขอบเขตของปรัชญา ที่การเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ระดับจักรวาล ก่อนจะค่อยๆ สูงสุดคืนสู่สามัญ ที่มีบทสรุปที่ลึกซึ้งคมคายให้ขบคิดตีความเป็นอาหารสมองหลังดูจบ

ทั้งหมดคือบางส่วนจาก 18 ตอน ของ Love, Death & Robots กลไก หัวใจ ดับสูญ ยังมีตอนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย แน่นอนว่ามันผสมปนเปกันไประหว่างตอนที่ยอดเยี่ยมกับตอนที่ชวนสงสัย หรืออาจซับซ้อนจนเราเข้าใจได้ยาก แต่มันก็ไม่ใช่งานที่ไม่ดีหรือไม่มีมุมที่น่าสนใจแต่อย่างใด ลองดูครับอาจจะมีตอนที่คุณดูแล้วชอบเป็นพิเศษก็ได้

ชา ตีตั๋วชนโรง