บู๊ดุมาก เป็นอีกครั้งที่เราเกือบเสียน้ำตาให้หุ่นยนต์
ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่เห็นตัวอย่างหนัง เราก็แอบคิด...ยังจะมีเรื่องอีกหรือ? (ฮ่าๆ)
เอาจริงๆ เรารู้สึกว่าเรื่องมันจบด้วยตัวเองได้แล้ว นับตั้งแต่การจากไปของ “The Terminator” (Arnold Schwarzenegger) เมื่อปี 1991 (Terminator 2: Judgment Day) แต่หลังจากนั้นก็ตามกันมาอีกเยอะ สารพัด spin-off หรือสารพัด “คนเหล็ก” หลากหลายสายพันธุ์แวะเวียนมาให้เห็นเป็นระยะๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับภาคนี้ “Terminator: Dark Fate” จะพิเศษกว่านิดหน่อยเพราะใช้ตัวละครเดียวกับเมื่อเกือบๆ 30 ปีก่อน
นอกจากความพิเศษที่จะนำเส้นเรื่องนั้นกลับมาอีกครั้ง เรายังจะได้เห็นตัวละครหน้าเดิมที่เคยโด่งดังไปพร้อมกับความสำเร็จของหนังด้วย เริ่มด้วย “Linda Hamilton” ที่กลับมารับบท “Sarah Cornor” คุณแม่สุดแกร่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชาย “John Cornor” (Edward Furlong) จากการตามล่าของเหล่าหุ่นยนต์ Terminator
...
และที่ขาดไม่ได้คือการกลับมาของ “The Terminator” นักฆ่าหุ่นยนต์ในตำนานที่รับบทโดย “Arnold Schwarzenegger” คนเดิม ซึ่งครั้งนี้เขาก็ยังเป็นนักฆ่าหุ่นยนต์นี่แหละค่ะ แต่จะสังกัดไหนและภารกิจหลักคืออะไร อันนี้ถือเป็นซีเคร็ทไฮไลต์ คุณผู้อ่านต้องไปเกาะขอบจอดูกันเอง
...
นอกจากสองนักแสดงนำจากภาคเดิมแล้ว เรื่องนี้ยังเปิดตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ทั้งฝ่ายร้ายและฝ่ายดี โดยฝ่ายดีหรือหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์นั้น ได้นักแสดงสาว “Mackenzie Davis” มารับบท “Grace” มนุษย์ดัดแปลงที่มีพลังเหนือมนุษย์ทั่วไป ส่วนฝ่ายร้าย หุ่นยนต์นักฆ่ารุ่นใหม่ที่ตายยากกว่าเดิมมาก (ก.ไก่ล้านตัว) ก็ได้นักแสดงหนุ่ม “Gabriel Luna” มารับบทนี้
...
เรียกได้ว่าตัวช่วยมาเพียบ ทั้งตัวละครเก่าตัวละครใหม่ น่าทำให้พอลุ้นว่าหนังจะไปรอดหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่สาแก่ใจ ภาคนี้เรามี “John Cornor” คนที่สอง ที่เรียกแบบนี้เพราะชะตากรรมของเธอแทบไม่ต่างจากจอห์น และใช่ค่ะ “เธอ” คนนี้เป็นผู้หญิง ภาคนี้เป้าหมายหลักของเหล่าหุ่นยนต์ทั้งแท้และเทียมก็คือ “Dani Ramos” รับบทโดยนักแสดงซีรีส์สาวคนดังอย่าง “Natalia Reyes”
เอาละ...จัดว่าหนังมีความพร้อมมาก ทั้งแนวแอ็กชั่นไซไฟที่เป็นแนวยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก ดาราและนักแสดงนำที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ไหนจะเนื้อเรื่องที่ผู้ชมค่อนโลกรู้เรื่องดีอยู่แล้ว ฉะนั้น...จึงไม่น่าแปลกที่หนังจะได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งเอาจริงๆ หนังก็ดูสนุก คิวบู๊ดุดันมาก เต็มเปี่ยมไปด้วยความโม้ที่เราคุ้นเคย แต่ก็ทำให้หัวใจเราเต้นแรงและตรึงสายตาเราไว้ได้จนจบ
...
อย่างไรก็ดี...ในส่วนของเนื้อหา ส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไรหวือหวา น่าจะคล้ายของเดิมด้วยซ้ำ อาจจะมีจุดไฮไลต์นิดหน่อย รวมถึงจุด Twist อัปเดตแนวคิดและจุดจบของตัวละครเล็กๆ น้อยๆ แต่รวมๆ เราว่าหนังมีเนื้อเรื่องเหมือนเดิมทุกอย่าง เรียกว่ากลับมาให้พอหายคิดถึง และอาจจะเรียกน้ำตาซึมๆ ได้บ้างเพราะอาลัยวีรกรรมหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์
สายแอ็กชั่นบู๊แหลกต้องไม่พลาด รวมถึงคนที่เป็นแฟนคนเหล็กจากภาคที่แล้วก็ไม่ควรพลาดด้วย จะได้รู้จริงๆ ซะทีในภาคนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซาร่าห์และจอห์น คอร์นอร์กันแน่...
Madam’ll be back next week!
มาดามอองทัวร์
@MadamAutuer