หากพูดถึงภาพยนตร์ “นางนาก” นำแสดงโดยนักแสดงสาวมากฝีมือ ทราย เจริญปุระ และนักแสดงหนุ่มเข้ม เมฆ วินัย ไกรบุตร กำกับโดย อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ที่เคยกวาดรายได้ถล่มทลายถึง 150 ล้านมาแล้ว หลายคนคงยังจำความหลอนน่ากลัวจากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในโอกาสที่ภาพยนตร์นางนากจะครบรอบ 20 ปี และ Mono Film จะนำกลับมาฉายอีกครั้งทั่วประเทศในวันที่ 25-31 ก.ค. 2562 งานนี้นางเอกของเรื่องอย่างทราย ผู้รับบทนางนาก ได้เล่าถึงเบื้องหลังการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ทำให้หลายๆ คนอึ้งและขนลุกไปตามๆ กัน เพราะแค่การแคสติ้งผู้รับบทนางนากก็ชวนขนหัวลุกกันเลยทีเดียว
โดย ทราย ได้โพสต์ภาพบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่องนี้และเขียนข้อความว่า “ภาคลี้ลับ การแคสติ้ง เรื่องนี้แคสนางนากกันมาเป็นปี จนพี่อุ๋ย (ผกก.) เซ็ง เลยบ่นว่า 'ย่าอยากได้แบบไหนก็บอกมาสิคร้าบบบบ' (กองเราเรียกนางนากว่าย่า) ปรากฏคืนนั้นแกฝันว่ามีผู้หญิง นุ่งโจงเขียว ห่มสีกลีบบัวมาหา แต่ไม่มีหัว พี่อุ๋ยเลยกลับมาตั้งสติหาใหม่ โดยยึดหุ่นในฝันเป็นหลัก
...
เราไปแคสช่วงท้ายๆ แล้ว วันนึงเค้าแคสกันซัก 4-5 คน โดยใช้กล้องวิดีโอแฮนดี้แคมเล็กๆ ก่อนหน้าเราก็มีคนแคสไปแล้ว พอถึงตาเรา ก็เกิดจะฝนตกฟ้าร้องขึ้นมาพอดี ทีมเอาทรีทเมนต์ให้อ่าน ซึ่งพี่ศิษฐ์ (ศาสนเที่ยง) เขียนแบบภาษาโบราณ เป็นตอนนางนากรู้แล้ว ว่าผัวรู้ความจริงทั้งหมด ตอนนั้นฝนตก ลมพัด หมาหอน ปกติเสียงพวกนี้ไม่เข้าไมค์หัวกล้องนะ ด้วยคุณภาพกล้องยุคนั้น แต่นี่อัดติดหมด คนที่เราแคสต์คู่ด้วยคือพี่เมฆ ซึ่งก็อวยพรกันว่าขอให้ได้เล่นนะพี่นะ/นะน้องนะ
วันรุ่งขึ้น ทีมงานเอาเทปแคสต์มาดู คนก่อนหน้าเราคือมีแต่ภาพ ไม่มีเสียง แล้วก็เป็นเรา มีภาพมีเสียงมาครบ คนหลังจากเรามีแต่เสียง ไม่มีภาพ พี่อุ๋ยรายงานย่าไปว่า เข้าใจแล้วครับ โอเคคนนี้เล่น ตอนแรกคนที่เราเล่นด้วยไม่ใช่พี่เมฆ ถ่ายไปนิดหน่อยแล้วพี่อุ๋ยรู้สึกว่าไม่ใช่ ก็เลยเรียกพี่เมฆกลับมา สุดท้ายคนที่แคสคู่กันก็ได้เล่นกันจริงๆตามที่อวยพรกันเอง”
ส่วนเบื้องหลังการถ่ายทำก็โหดและทรหดเอามากๆ โดยเจ้าตัวได้เล่าไว้ว่า "ที่ทุกคนคิดว่าทาฟันดำ จริงๆ แล้วคือสีแดงเข้ม เพราะทีมงานค้นคว้ามาว่า คนที่กินหมากไปนานๆ ต้องคอยขัดฟันให้เรียบ เพื่อให้ฟันจะเป็นสีแดงก่ำ ด้วยความเชื่อว่า (ในสมัยนั้น) ฟันขาวคือฟันหมาหรือฟันผี ตอนนั้นต้องไปหาหมอฟันเพื่อพิมพ์ฟัน หล่อออกมาด้วยพลาสติกบางๆ แล้วครอบฟันไปอีกที ปัญหาของครอบฟันนี้ คือจะกินอะไรแทบไม่ได้เลย มันจะแตก และเพราะความบางมาก ถ้าใส่ไปนานๆ มันจะดูดติดกับเหงือก เวลาจะถอดคือบีบให้แตกจากในปาก แล้วคายออกมา เรื่องนี้ใช้กันคนละหลายอัน
หมากที่ใช้ในเรื่องมาจากดอกคำฝอยแห้ง เรากับพี่เมฆเคยลองกินหมากจริงแล้ว ยันหมากกันพินาศ เหงื่อแตกวิงเวียน เลยมาลงตัวที่ดอกคำฝอยแห้ง ซึ่งมีสรรพคุณการลดน้ำตาลในเลือด กองนี้เลยต้องคอยเสิร์ฟน้ำแดงให้เราสองคนเรื่อยๆ กันวูบ
บ้านในหนังคือสร้างขึ้นมาจริงๆโดยทีมอาร์ต และเผาทิ้งจริงๆ ในฉากท้ายเรื่อง ศาลาท่าน้ำที่ยืนรอคือเซตขึ้นมาที่คลองบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา แต่ถ่ายเสร็จก็เอาไว้งั้นเลย
ห้อยหัวจริง ในหอฉันโบราณที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันนี้รื้อไปแล้ว อุปสรรคในการถ่ายฉากนี้คือ, วันถ่ายทำ เสาตกน้ำมันหนักมาก น้อนเหี้_ในเรื่องจริงๆ คือน้อนเป็นมังสวิรัต แต่เราเอาน้องมาขืนใจให้กินเนื้อวัวให้ดูสมจริง น้อนจึงพากันตายใส่ กว่าน้อนจะฝึกให้กินเนื้อได้ ก็ตายไปหลาย
ฉากพี่เมฆอาบน้ำคลองและมีหนูลอยผ่าน คือทำการฆาตกรรมหนูจริง ลอยในน้ำจริง แต่หนูจม เลยทำการยัดโฟมในท้องหนูที่เพิ่งฆาตกรรมไป ให้หนูลอย จบเรื่องนี้ ทีมเซ็ตทุกคน รวมถึงพี่อุ๋ย บวชกันหมด"
"หน้ากอง เราเวิร์คชอปกันสามเดือน อาบแดด หัดเกี่ยวข้าว เจียนหมาก อาบน้ำคลอง พายเรือ ระหว่างนั้นก็รอให้บ้านที่สร้างไว้เก่าสมจริง ทุกคนโดนสั่งให้ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่ากับดิน ไม่งั้นถ้าอยู่ๆถอดรองเท้ามาเดินเลย จะดูแหยงๆเดินไม่เต็มเท้า และเรามีรอยขอบถุงเท้าเพราะใส่ผ้าใบ+รองเท้านักเรียนมาตลอดชีวิต ต้องเปลี่ยนมาใส่แตะไปไหนมาไหนแทน
ฉากมัดตราสังคือมัดจริง ลงคาถาจริงทุกเปลาะ ทุกห่วง เสียงฮัมเพลงอันหลอนหูนั้น ไม่ใช่เสียงเรา เสียงเราร้องเฉพาะตอนเพลงกล่อมลูกในหนัง พี่เมฆทรมานกับฉากวิ่งฝ่าป่าหญ้าคามาก เพราะไม่มีใครเคลียร์ทางให้ก่อนได้เลย ไม่งั้นหญ้าจะล้ม ไม่สวย แกเลยต้องถอดเสื้อวิ่งฝ่าป่าหญ้าสูงท่วมหัวไปอย่างมืดมน
...
ฉากที่เล่นด้วยกันและพี่เมฆหลายเทคมาก คือฉากที่ด่าเพื่อนให้เราฟัง’ไอ้พวกปากบอนพรรค์นี้’ แกจะติดเป็น’ปากบอล’ตามสำเนียง พอเกร็งมาก พูดชัด แอคติ้งก็ไม่ได้ พอแอคติ้งได้ ก็พูดไม่ชัด วนไปค่ะ ฉากโกนหนวดให้พี่เมฆ ฝ่ายอาร์ตลับมีดมาคมขาววับ แต่เราต้องโกนทั้งที่ไม่เห็น เพราะไม่งั้นมุมกล้องไม่ได้ พี่เมฆใจกล้า บอกโกนเลย ถ้ารู้สึกเปียกๆ ก็หยุดละกัน
ถ่ายป่าช้าจริง ชาวบ้านมาบอกว่าผีดุมาก แล้วไปรอฟังผลนอกกอง น้าหมอผีมีคัทเดียวแล้วตาย แต่ด้วยสปิริต แกเลยนอนตายเงยหน้า เลยต้องนอนคาฉากนั้นไปทั้งคืน ซึ่งฉากนั้นถ่ายกัน 4 คืน
ฉากเผาบ้านคือเผาจริง แต่ไฟรอบแรกไม่สวย ซึ่งก็ได้อีกแค่รอบเดียวเพราะจากมุงหลังคากับไม้ไผ่ทำบ้านมันจะไปหมดแล้ว ทุกคนเลยเร่งไฟแก๊สและโถมกาวยางลงไปทุกอณู คราวนี้ไฟพุ่งถึงหลังเราเลย แต่เราเล่นเป็นผี ห้ามร้อง เลยกลั้นใจเล่นจนจบ พี่อุ๋ยก็ไม่สั่งคัทซักที จนฟิล์มรันเอาท์ เดินลงมา หน่วยดับเพลิงเอาเจลเย็นโปะหลังช่วยผีที่ประสบภัยทันที วันรุ่งขึ้นเป็นวันสงกรานต์ กองหยุด เราเข้าไปทำงาน โดนคนสาดน้ำใส่หลังอันพุพอง อีเวง อยากหักคอ ทีมงาน 80% ของเรื่องนี้ตัดผมทรงเดียวกับเรา คือใช้ปัตตาเลี่ยนตั้งเบอร์ 3 แล้วไถถถถถถถถ"
นอกจากนี้ ทรายยังได้เล่าถึงเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้ รวมไปถึงวันที่เปิดตัวภาพยนตร์ที่เจอเรื่องราวชวนขนลุกว่า “ดิ เอกซ์ไฟล์ ความจากร่างติดต่อวิญญาณแจ้งมาว่า จริงๆ แล้วไอ้แดงนี่เป็นเด็กผู้หญิง เวลาจะทำบุญให้ย่ากับน้อง จึงต้องเลือกของใช้เด็กผู้หญิง แต่ในเรื่องเรียกไอ้แดงให้ไม่ฝืนหูคนดู ย่าชอบสีชมพู กับ ข้าวหมาก ตอนไปไหว้ย่า บอกย่าว่าถ้าย่าต้องการอะไร อยากถ่ายทอดแบบไหน ให้ไปบอกพี่อุ๋ย พี่เค้าเป็นผู้กำกับ หนูเป็นดารา พี่อุ๋ยเลยฝันถึงย่าตลอด
ทุกครั้งที่เราเข้ากอง หมาจะหอนรับเป็นทอดๆ ทั้งคุ้งน้ำ จนทีมครัวสามารถเตรียมข้าวให้เรากินได้อย่างทันท่วงที ฉากส่วนใหญ่จะเป็นฉากกลางคืน และเราก็นอนตอนกลางวันกัน แต่มีวันนึงเราต้องกลับมาสอบ แม่ก็สตาร์ทรถไม่ติด น้ารถตู้มาช่วยจั๊มแบตให้ก็ไม่ติด แม่เลยหันมาถามว่า’บอกย่าหรือยัง’ เราก็บอกว่ายัง เพราะเย็นนี้ก็มาแล้ว สุดท้ายเลยต้องจุดธูปบอก แน่นอนว่าไหว้แล้วก็สตาร์ทรถขับกลับได้ปกติ
หนังเปิดตัวที่โรงอีจีวีปิ่นเกล้า (ในเวลานั้น) ทีมเซ็ทของฝ่ายโปรโมตก็ไปเซ็ตเป็นศาลาท่าน้ำ เผื่อให้แขกผู้มีเกียรติมาแอ๊กท่ากันในวันรอบเพรส เซ็ตเสร็จ สวยมาก ถ่ายรูปไว้เช็คงาน เอารูปไปล้าง ในศาลาทุกรูปมีคนนั่งอยู่ ทั้งที่ตอนถ่ายไม่มี
ทุกรายการที่เราไปอัดตอนนั้น จะมีปัญหาเรื่องเสียงเสมอ และเราก็จะต้องบอกทุกครั้ง ว่าไหว้ย่าสิคะ ไหว้เร็วก็ได้กลับมาทำงานกันเร็ว ซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกที
ล่าสุด ในวาระที่หนังจะฉายในรอบ20ปี ก็โดนสัมภาษณ์อีก ก็บอกคนสัมฯไปว่า ระวังเสียงมีปัญหานะ วันสัมภาษณ์ เครื่องอัดเสียงอัดไม่ติด จบ.”
...
ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวได้เผยถึงเรื่องนี้ ทำเอาหลายคนที่ได้อ่านต่างบอกว่าเป็นหนังผีที่ดูแล้วขนลุก แต่พอได้ฟังเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วก็ขนลุกเหมือนกัน บ้างก็แซวว่าเป็นเด็กเส้นย่าดันมากๆ ไปทำยังไงย่าถึงอยากให้เจ้าตัวรับเล่น ซึ่งทรายตอบกลับคอมเมนต์ดังกล่าวว่า “ไม่รู้เลยยยยย” บ้างก็ถามว่าย่าเคยเข้าฝันบ้างมั้ย ซึ่งเจ้าตัวตอบกลับว่า “ไม่นะ ไม่เคยรู้สึกเลย แต่เหนื่อยด้วยแหละ เลิกกองก็ร่วงเลย”.