ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันไหม? ตั้งแต่ดูตัวอย่างหนังครั้งแรกของ Alpha หรือในชื่อไทยว่า ผจญนรกแดนทมิฬ 20,000 ปี แล้ว รู้สึกว่าตัวอย่างมันสปอยล์รายละเอียดหนังออกมามากเกินไป จนน่ากลัวว่าเมื่อดูแล้วจะไม่มีอะไรให้ลุ้นมากนัก... แต่เมื่อได้ดูแล้ว ก็พบความจริงที่ว่าหนังเรื่องนี้มัน “เกินคาดมากๆ” กับรายละเอียดที่ใส่เข้ามา เพราะมันมีมากกว่าที่เห็นในตัวอย่าง มากกว่าแค่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสุนัข

เหตุการณ์ใน Alpha เกิดขึ้นในทวีปยุโรปเมื่อ 20,000 ปีก่อน เล่าเรื่องเด็กหนุ่มนาม เคดา ที่ต้องพิสูจน์ตัวตนด้วยการล่าสัตว์เพื่อเผ่าของตัวเองเป็นครั้งแรก แต่กลับผิดพลาด และต้องเอาชีวิตรอดเพียงลำพัง จนกระทั่งได้พบกับหมาป่าตัวหนึ่ง จากศัตรูเปลี่ยนเป็นมิตร ผ่านการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ เพื่อหาทางกลับบ้านก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน

...


Alpha เป็นหนังย้อนยุคแนวเอาชีวิตรอดที่เซอร์ไพรส์มาก เล่าเรื่องง่ายแต่ชวนติดตาม โดยมีงานภาพสวยๆ มาตรึงให้คนดูไม่อาจละสายตาไปไหน (สวยมาก! จนนึกว่าดูหนังสารคดีจำลองชีวิตยุคโบราณอยู่ ถ้างบประมาณไหว แนะนำให้ดูแบบ IMAX 3D) แม้เหตุการณ์ในหนังจะเกิดขึ้นเมื่อ 20,000 ปีก่อน แต่พล็อตเรื่องของหนังกลับเป็นอะไรที่สากลมาก และเข้าถึงคนดูได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งการพิสูจน์ตัวเอง การก้าวข้ามพ้นวัย (coming-of-age) ที่ผสมผสานเข้ากับความสัมพันธ์ระหว่างคนและสุนัขครั้งแรกของมนุษยชาติ ว่ามันเริ่มต้นมาอย่างไร ทำไมสุนัขถึงกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์


ช่วงหนึ่งของชีวิตจากเด็กก้าวไปสู่วัยผู้ใหญ่ การพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับในสังคม ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเราจะเป็นอย่างไร มันไม่ได้มีอยู่แค่ในสังคมยุคปัจจุบันที่แวดล้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย แต่ในยุคอดีต จริงๆ ก็ทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ คนทุกคนล้วนต่างต้องเผชิญหน้ากับการพิสูจน์ตัวเองไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใด เพื่อเรียนรู้ เพื่อเติบโตขึ้น และได้รับการยอมรับด้วยกันทั้งนั้น


ก็เหมือนกับตัวละครเคดา เด็กหนุ่มในยุคโครมันยองที่เป็นยุคที่การจะอยู่รอดก็ต้องด้วยวิธีการ “ฆ่า” เท่านั้น ทั้งเพื่อหาอาหารและการป้องกันตัว แต่เคดากลับแตกต่างเพราะเขาไม่ชอบการล้างผลาญชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดหัวก้าวหน้าในยุคนั้น บทพิสูจน์ของเขาจึงถูกท้าทายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าที่ดุร้าย โอกาสฆ่าของเขามาถึง แต่เขาเลือกจะไม่ทำ จนกลายเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ และนี่คือแก่นสำคัญใน Alpha ที่เป็นนัยแฝงที่คนดูแต่ละคนต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง และเป็นจุดที่หนังนำเสนอออกมาได้ดีทีเดียว

...


แม้ว่าปัจจุบันเราจะเห็นข่าวเชิงลบของสุนัขจรจัด การเลี้ยงสุนัข แล้วปล่อยให้ไปทำลายข้าวของ หรือกัดทำร้ายผู้คนให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จนรู้สึกว่าการเลี้ยงสุนัขมันคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น (ซึ่งผู้ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ก็คือคนที่เลี้ยงพวกมันอย่างปล่อยปละละเลย) แต่ใน Alpha มิตรภาพต่างสายพันธุ์ถูกบอกเล่าออกมาอย่างประณีต งดงาม แม้กระทั่งคนที่ไม่ชอบหรือเลี้ยงสุนัข ยังสามารถที่อินและเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งส่วนตัวแล้วชอบไอเดียของ Alpha มากๆ กับการจินตนาการถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนและสุนัขครั้งแรกของมนุษยชาติว่ามันควรเริ่มต้นมาอย่างไร ทำไมสุนัขถึงกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ ซึ่งทำออกมาได้ถึง และน่าประทับใจมากๆ


สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างใน Alpha ก็คือ ภาษา หนังเรื่องนี้สร้างภาษาขึ้นมาโดยอิงจากภาษาที่ใช้ในยุคสมัย 20,000 ปี ก่อนประวัติศาสตร์จริงๆ ในแบบเดียวกับภาษานาวีใน Avatar ภาษาคริปโตเนียนใน Superman ซึ่งมันก็น่าทึ่งมากที่เราดูหนังที่พูดกันด้วยภาษาอะไรก็ไม่รู้ แล้วยังรู้เรื่อง (ไม่ต้องห่วง มีซับไทยให้อ่าน)

...


นักแสดงนำ โคดี้ สมิท-แม็คฟี (X-Men: The Apocalypse) ถือว่ารับบทหนักเลย กับการแสดงที่แบกหนังอยู่ทั้งเรื่อง และยิ่งหนักไปอีกเมื่อต้องแสดงร่วมกับสุนัข แต่เขาก็ทำออกมาได้ดี เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ส่วน “ชัค” หมาป่าเช็ก ที่นำมาเข้าฉาก ก็ถือเป็นส่วนสำคัญสุดๆ ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็ต้องชื่นชมทีมงานที่ฝึกชัค จนสามารถแสดงและสื่อสารเรื่องราวออกมาได้ดีขนาดนี้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นงานที่ท้าทายมากของผู้กำกับ อัลเบิร์ต ฮิวจ์ (The Book of Eli) ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ผู้กำกับได้อย่างยอดเยี่ยม


โดยสรุป Alpha เป็น coming-of-age ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 20,000 ปี ที่สนุกกว่าที่คิดเยอะ เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย หรือดูทั้งครอบครัว แนะนำอย่าได้พลาดตีตั๋วดูในโรงภาพยนตร์

...