ประสบการณ์จากการดูหนังทั่วๆ ไปที่ทุกคนได้รับ ก็คงเป็นเรื่องความบันเทิงหลากหลายอารมณ์ ตลอด 2 ชั่วโมง (มากกว่าหรือน้อยกว่าบ้างในบางเรื่อง) แต่มันก็มีประสบการณ์ดูหนังอีกแบบหนึ่ง ที่ลดทอนความบันเทิงลง และให้คนดูได้ครุ่นคิด ตั้งคำถามต่อสิ่งที่หนังนำเสนอ จนเมื่อดูจนจบความคิดก็ยังคงวนเวียน ซึ่งประสบการณ์แบบนี้คือสิ่งที่หนัง Cold Skin หรือในชื่อไทยว่า พรายนรก ป้อมทมิฬ มอบให้กับคนดู


Cold Skin เล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่อยากจะหลีกหนีจากสังคมที่เขาเคยอยู่ มาอาศัยบนเกาะร้างที่มีประภาคารอันสูงเด่น เพื่อทำหน้าที่นักอุตุนิยมวิทยาประจำเกาะแห่งนี้ แต่เขาต้องพบว่านักอุตุนิยมวิทยาคนก่อนกลับหายตัวไป จะมีอยู่ก็เพียงชายปริศนานาม “กรูเนอร์” และทุกยามค่ำคืนเกาะแห่งนี้จะถูกรุกรานโดย “พรายน้ำ” จำนวนมหาศาลออกอาละวาด ชายหนุ่มจึงต้องร่วมมือกับกรูเนอร์ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

...


Cold Skin กำกับโดย เซเวียร์ เจนส์ ที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านตาผลงานเขามาบ้างกับ Hitman โคตรเพชฌฆาต 47, The Divide ปิดตายหลุมนิรภัยท้านรก หรือ The Crucifixion จับตรึง กางเขน...กระชากผีออกจากร่าง หนังดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ อัลเบิร์ต ซานเชส พินอล ซึ่งส่วนตัวไม่เคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้ แต่ได้ทราบข้อมูลว่าเป็นหนังสือขายดี แปลไปมากกว่า 37 ภาษา ก็นับว่าเป็นตัวงานต้นฉบับมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


หนังสัญชาติฝรั่งเศส-สเปนเรื่องนี้ มีส่วนผสมของหนัง 2 แนว ครึ่งแรก คือหนังระทึกขวัญที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนดู ว่าสิ่งมีชีวิตปริศนาที่จู่โจมชายหนุ่มยามค่ำคืน กับครึ่งหลังของเรื่องที่กลายสภาพเป็นหนังแอ็กชั่นที่ทำให้นึกถึงเกมแนว Tower Defense ผสมผสานกับสถานการณ์ที่จะตีแผ่ด้านมืดในจิตใจมนุษย์ โดยมี “พรายน้ำ” สิ่งมีชีวิตปริศนา เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา


โดยภาพรวมแล้วหนังนำเสนอได้ดีทั้ง 2 ส่วน ด้านระทึกขวัญก็ทำได้ตื่นเต้นน่ากลัว ในส่วนของแอ็กชั่นก็ดุเดือด ตื่นเต้น มีกลยุทธ์การต่อสู้ แม้จะนำเสนอทั้งสองส่วนได้ดี องค์ประกอบอื่นๆ อย่างงานภาพ เทคนิคพิเศษ ไปจนถึงการสร้างพรายน้ำก็ทำออกมาได้น่าสนใจ แต่เมื่อทั้งหมดประกอบเข้าด้วยกัน มันกลับรู้สึกว่าหนังไม่ได้รู้สึกสนุกหรือตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้อย่างที่คิด?


ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องระทึกขวัญกับแอ็กชั่นมันก็เป็นแค่ “เปลือก” ของสิ่งที่หนังต้องการจะนำเสนอจริงๆ นั่นก็คือ “สันดานดิบของมนุษย์” ด้วยเงื่อนไขอย่าง เกาะร้าง, คนเพียง 2 คน และพรายน้ำ เป็นองค์ประกอบที่เปิดให้หนังสำรวจจิตใจด้านมืดของมนุษย์ได้อย่างเต็มที่ หนังไม่บอกเงื่อนงำว่าอะไรคือสิ่งผลักดัน คน 2 คน ให้เลือกใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้างห่างไกลผู้คน (แต่หนังก็แอบมีเฉลยอยู่ในตอนท้าย) แต่หนังก็แสดงให้เห็นว่าคนที่ต้องการ “หลีกหนี” ความจริง ไม่กล้าเผชิญหน้านั้น เป็นคนที่คำนึงถึงแต่ตัวเองและเห็นแก่ตัวขนาดไหน

...

หนังชวนตั้งคำถามว่าการต่อสู้กับเหล่าพรายน้ำ มันคือการป้องกันหรือการสนองตัณหาของตัวเอง ที่อยากจะฆ่าและควบคุมทุกสิ่ง ภาพการปฏิบัติของมนุษย์ 2 คน ที่มีต่อ พรายน้ำสาว ที่ถูกตั้งชื่อว่า อเนริส ที่อยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง ดูจะสะท้อนตัวตนด้านมืดและสว่างของมนุษย์ออกมาได้เป็นอย่างดี มีทั้งฉากที่อ่อนโยนและทารุณ ไปจนถึงฉากหมิ่นเหม่ศีลธรรมอย่างการมีเซ็กซ์ระหว่างคนกับพรายน้ำ!

...


"ผู้ที่ต่อสู้กับปีศาจควรแน่ใจว่า ตนจะมิกลายเป็นปีศาจเสียเอง" - ฟรีดริช นิตซ์เช่ นักปรัชญา นักเขียนชาวเยอรมัน ดูจะเป็นคำกล่าวที่พูดแทนสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอได้ดี แม้ความสนุกของหนังอาจจะไม่ได้มากนัก แต่หากใครที่อยากท้าทายตัวเอง ด้วยการดูหนังที่ต้องตีความ มีแก่นเรื่องที่แตกต่างจากหนังตลาดทั่วไป และยังมีอะไรให้เก็บมาขบคิดหลังดูจบ Cold Skin ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่เข้าฉายในช่วงนี้ ที่ขอแนะนำให้ตีตั๋วไปดูกัน

--- ชาแมน ---

...