วงการบันเทิงต้องยอมเธอคนนี้ ตั๊ก ศิริพร คือตัวแม่ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง! เรียกว่ารันมาทุกวงการตั้งแต่การเป็นนางงาม นักร้อง ตลก คอมเมนเตเตอร์ เรียกว่าครบเครื่องจริงๆ และเล่าวีรกรรมสมัยเด็ก บอกเลยงานนี้ใครไหวไปก่อนเลย รวมถึงเรื่องรันวงการเต็นท์ ที่ต้องบอกว่าใครๆ ก็ชอบเข้าไปในวงการนี้ แต่ไม่ง่ายที่จะออกมาได้ แต่สำหรับแม่ตั๊กแล้ว เข้าแล้วออกเลย!
ล่าสุดมาร่วมรายการ "เมาท์อยู่กับปากอยากอยู่กับคิ้ม" ทางยูทูบแชนแนล MY CHANNEL - OFFICIAL ตั๊ก เมาท์หมดไม่สนลูกใคร แม้กระทั่งพิธีกรอย่าง เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยังไม่รอด เรียกว่างานนี้ฮาแบบจัดเต็ม ซึ่งบอกได้เลยว่าเธอคือคีย์สำคัญในการสร้างสีสันให้กับงาน และทำให้ทุกคนสนุกไปกับเธอได้แบบไม่มีเบื่อ ทุกบทบาทที่แม่ตั๊กรับไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังจริงๆ

ตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่หวงมากใช่มั้ย?
ตั๊ก : ใช่ๆ เพราะแม่เค้าไปนั่งเฝ้าหนูทุกวัน
แล้วตอนเด็กอยากเป็นอะไร?
ตั๊ก : ตอนเด็กหนูรู้ตัวเลยว่าชอบการร้องรำทำเพลงตั้งแต่เด็กๆ
...
แต่ล่าสุดเร็วๆ นี้เห็นลงภาพประกวดนางงาม?
ตั๊ก : ชอบร้องรำทำเพลง ชอบการแสดง นางงามก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งงานในวงการบันเทิงนะแม่ มันก็เหมือนกันนะ
ตอนที่ประกวดนางงามอายุเท่าไหร่?
ตั๊ก : ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 16 ตอนนั้นประกวดเหมือนเป็นงานเปิดห้างใหม่ที่นครสวรรค์ เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในตอนนั้นแล้ว กองประกวดเค้าก็เลยหากิจกรรมให้กับห้าง ก็เลยจัดประกวดนางงาม เลยตกรอบแรกค่ะแม่ (หัวเราะ) แต่มันจะไม่ตกได้ยังไง กลางคืนเราไปร้องเพลง แล้วตอนเช้าก็ไปประกวดนางงาม มันก็หลายรอบอ่ะเนอะในการประกวด มันก็มีต้องทำกิจกรรมกับเค้า มันก็เหนื่อย กลางคืนไปร้องเพลงหนูก็เบลอๆ อ่ะเนอะ
วันนั้นไปใส่ชุดกระโปรงสั้นถุงน่องสีดำ แล้วไปยืนร้องเพลงหน้าเวที แล้วไฟหน้าเวทีมันเป็นสปอตไลต์มันก็จ่ออยู่ที่ขาหนู หนูก็เริ่มได้กลิ่นไหม้ แต่มันไม่ร้อนนะ คือมันเริ่มไหม้ถุงน่องเรา แล้วเวลามันไหม้ถุงน่องมันรันเร็วมากเลย ขาก็เลยดำข้างขาวข้าง หนูไม่รู้ตัวว่าไฟไหม้ จนคนดูข้างล่างเค้าชี้บอกไอ้หนูๆ หนูถึงเห็น พอมาดูแผลมันคล้ายเเผลโดนท่อไอเสียอ่ะแม่ แบบนั้นเลย เนี่ยแผลเป็นยังอยู่เลย แล้ววันรุ่งขึ้นไปประกวด แผลเป็นขนาดนี้ เลยคิดว่าหนูกับเส้นทางนางงามไม่น่าจะได้

แล้วทำยังไงต่อ?
ตั๊ก : ไปประกวดนางสงกรานต์ คราวนี้โดนประทัดแม่ (หัวเราะ) วันงานสงกรานต์ก็เตรียมตัวกำลังจะขึ้นรถแห่ในนครสวรรค์ ตอนนั้นมีเด็กถือลูกโป่งสวรรค์ ข้างในมันก็มีแก๊สเนอะ หนูเป็นคนที่กลัวลูกโป่งแตกมากเลย แล้วมีเด็กมันจุดประทัดเล่นแล้วกระเด็นไปโดนลูกโป่งสวรรค์ มันก็เลยระเบิดเข้าลูกกะตาหนูพอดี ตาปิดเดี๋ยวนั้น ดีที่ตาไม่บอด หนูก็ยืนร้องไห้ ยายเค้าก็ไปหาพัดโบก แบบที่ใช้โบกให้กษัตริย์ แล้วบอกหนู เอ้ามึง เอานี่ปิดไปก่อน หนูก็เอาปิดตาไว้ข้างนึงพยายามหันข้างแล้วโบกไม้โบกมือตอนแห่
ตอนเป็นนักร้องเราประกวดมากี่เวทีถึงได้มาเป็นนักร้องของสยามกลการ?
ตั๊ก : หนูประกวดเวทีเดียวแล้วได้เลย แล้วหลังจากนั้นได้มีโอกาสเจอพี่แจ้ ดนุพล แล้วได้พาไปทำเพลง
เป็นอัลบั้มชุด?
ตั๊ก : “ฉันไม่ใช่นางเอก” จ้ะแม่ และได้ชื่อฉายา ตั๊ก ลีลา มาตั้งแต่ตอนนั้นเลย
คุณฮาย (อาภาพร นครสวรรค์) กับคุณสุ (สุนารี ราชสีมา) เข้ามาตอนไหน?
ตั๊ก : คุณสุนารี เค้าก็เป็นนางพญาของเค้าอยู่แล้วเนอะ เจอเค้าตามงานต่างๆ เดินมาเนี่ยหน้าเห็นมาแต่ไกลเลยเนี่ย ทุกวันนี้นางอยู่ต่างจังหวัดนะ นางชอบนั่งสามล้อเครื่อง เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกไม่ได้ติดโหนก

...
แล้วไปสนิทกันได้ยังไง 3 คน?
ตั๊ก : ได้มีไปออกรายการ ซึ่งรายการนี้เป็นการเเข่งขันเป็นทีม แล้วแต่ละทีมต้องมีหัวหน้าทีม หนูก็ไปเป็นหัวหน้าทีม หนูก็คิดว่าเดี๋ยวไปนัดมุกกับพี่สุดีกว่า ในใจก็คิดว่าเค้าจะเล่นกับเรามั้ย เพราะเค้านั่งนิ่งเป็นนางพญาอยู่ อยากจะเอาปาท่องโก๋วางบนโหนกแก้มจริงๆ หนูก็เลยเข้าไปทัก เจ๊ สวัสดีค่ะ ไปนัดแนะมุกว่าหนูอยากเล่นแบบนี้ พี่สุเล่นกับหนูหน่อยได้มั้ย เราก็พูดกับเค้าเนอะ พอถึงเวลาหนูก็เล่นตามที่นัด นางก็เล่นหนูคิดว่านางน่าจะเล่นสัก 60 แต่นางเล่นเกิน100
ตัวจริงๆ สุนารีเป็นคนยังไง แล้วจุดไหนที่เรามองว่าเค้าเป็นคนน่าคบ?
ตั๊ก : พี่สุเป็นคนจั...ไรค่า (หัวเราะ) จุดที่น่าคบก็เป็นจุดนี้แหละค่ะ ส่วนฮาย อาภาพร จะเป็นคนสม่ำเสมอเรื่องจั...ไร เค้าจะมากับชุดคอร์เซตของเค้า ไม่มีจะใส่ชุดสีอะไร ฮายจะต้องมีชุดคอร์เซตสีดำที่ใส่มาเป็น 10-20 ปีแล้ว และถ้าไปดูใกล้ด้ายนี่รุ่ยหมดแล้ว จนหนูกับพี่สุอำมันเรื่อย นี่ล่าสุดไปตัดมาใหม่แล้วสีน้ำเงิน
แล้วกับฮาย อาภาพร เป็นยังไง?
ตั๊ก : จริงๆ กับฮายรู้จักกันมานานแล้ว ไม่ดื้อ แต่นางจะมีความมั่นใจในการแต่งตัว มีอยู่อันนึงเวลาไปไหน หนูนึกว่าผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอก
แล้วเรื่องตัวเลขของนางเป็นไง?
ตั๊ก : ฮายซื้อเยอะ เยอะกว่าพี่สุ มันลงแต่ที่ถูก แล้วที่ไม่ถูกมันไม่พูด หนูเห็นและ ถูกฉ่ำๆ 10 ใบ แต่ไม่ถูกอีกเป็นร้อย อย่าให้กูพูด
แอบได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่าตั๊กแยกห้องกับพี่นุ้ย?
ตั๊ก : จริงๆ แล้วตอนแรกเราก็ไม่ได้แยกห้องกับพี่นุ้ยหรอกนะ แต่ช่วงหลังหนูไปทุ่มเทกับน้องหมา แต่เดิมเค้ามีกัน 4 แต่ตายไปแล้ว 3 ซึ่งเหลืออยู่ตัวเดียวชื่อน้องกีต้าร์ น้องภูเป็นคนตั้งชื่อ หนูแค่รู้สึกพอพี่น้องเค้าตายไปแล้ว 3 ตัว หนูกลัวเค้าเหงา หนูเลยเอาเค้ามานอนกับหนู ซึ่งหนูเอาหมามานอนบนเตียงกับหนู ผัวหนูก็เลยต้องไปนอนที่อื่นไง
...
ส่วนพี่นุ้ยก็ดี๊ดีที่เข้าใจหนู รู้ว่าหนูห่วงหมามาก เค้าก็เลยเสียสละ พี่นุ้ยเค้าก็เรียกลูกชาย คือลูกเราเค้าก็โตแล้ว เค้าก็ไปมีชีวิตของเค้าแล้ว เค้าก็ไม่ได้มาอะไรกับเราแล้ว แต่หมาเนี่ยตั้งแต่เกิดยันตาย มันก็จะรักเจ้าของและอยู่กับเจ้าของยันตายแหละ

เราเหมือนคู่ที่ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ อยู่เหมือนเพื่อนกันแล้ว?
ตั๊ก : พี่นุ้ยตอนนี้เค้าก็เจอทางของเค้า แม่ก็เห็นว่าพี่นุ้ยตอนนี้เค้าไปกางเต็นท์ของเค้า ไปทริปที่นั่นที่นี่กับเพื่อนกลุ่มเค้า แต่หนูไม่ไปนะ หนูแค่คิดว่าสถานที่มันสวยก็จริง แต่กูต้องไปกางเต็นท์เก็บเต็นท์ อยากนอนโรงแรมดีๆ อยากกินอาหารที่ไม่ได้มานั่งทำเองปิ้งเอง วงการเต็นท์นะบางคนชอบเข้าแล้วออกยาก แต่บางคนนะเข้าแล้วออกเลย (หัวเราะ) ส่วนหนูเนี่ยเข้าแล้วออกเลย แล้วล่าสุดเป็นเต็นท์หลังคา หนูก็ห้ามแล้วนะว่าดูวัยตัวเองด้วย ต้องเดินขึ้นลงๆ และที่สำคัญมึงอ้วน (หัวเราะ) ทริปเดียวกลับมาขายเลย
ตอนนี้อายุ 50 นิดๆ แล้ว เรามองข้างหน้าว่าจะร้องเพลงยังไง เราจะอยู่ในแวดวงนี้อีก 10 ปีข้างหน้ายังไง?
...
ตั๊ก : คือปีนี้อาจจะมีคอนเสิร์ตนะ เพราะหนูตั้งใจนะ เพราะหนูคุยกับเจ้าของคอนเสิร์ตไปแล้วว่าครั้งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของหนู แล้วหนูก็จะไม่ขึ้น ไม่จัดคอนเสิร์ตอีกแล้ว
เวลาขึ้นคอนเสิร์ตเราเอาเวลาไหนไปทำการบ้าน ขึ้นนี่คือที่เหลือตุย อย่างตอนขึ้นคอนเสิร์ตแม่คิ้มเอาพัดลมมาจากไหนก่อน?
ตั๊ก : อย่างล่าสุดนะรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ เลยที่พี่คิ้มให้พี่ตั๊กไปเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตพี่คิ้ม คือเค้าให้เกียรติเรามากๆ เราก็ต้องให้เกียรติเค้ามั้ยให้สมกับที่เค้าเชิญเรามั๊ย
ก็รู้ว่าทำเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนาดนี้?
ตั๊ก : พี่คิ้มเคยพูดกับพี่ตั๊กว่า มึงจัดให้กูเต็มๆ ขอแบบเป็นนางพญาชุดให้มันสง่าเลย เราก็จะจำ ตัวเองพูดอะไรไปไม่รู้หรอก ดิฉันพูดได้เลย พูดไปแล้วก็ลืม แต่เราเนี่ยจำ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปตัดชุดเลย แล้วคือกูออกเองด้วย ก็จัดให้พี่คิ้มไป แล้วพี่คิ้มก็เลือกเพลงให้พี่ เพลง “สุดฤทธิ์สุดเดช” คือเป็นเพลงสนุก เราก็คิดว่าเราจะทำยังไงให้คนที่มาดูสนุกไปกับเราด้วย หนูเลยสั่งให้ช่างแต่งหน้าหนูหิ้วพัดลมมาเลย เป็นมุกที่คิดเดี๋ยวนั้นเลย
ส่วนกับพี่คิ้มรู้จักมาตั้งแต่อายุ 18-19 ปี 30 กว่าปีที่รู้จักกันมาพี่คิ้มเป็นคนใจดี เห็นปากแบบนี้ รู้สึกยังไงก็พูดออกไปตรงๆ อย่าไปถือสา ห่วงนะ ห่วงเรื่องปากเนี่ย เพราะพี่ตั๊กรู้ว่าในธรรมชาติของพี่คิ้มเป็นยังไง และพี่ตั๊กรับได้ในความเป็นธรรมชาติของแก แต่คนอื่นไง กับคนอื่นที่เค้ารับไม่ได้ กูห่วงเค้าตรงนี้ แต่พี่คิ้มเค้าเป็นตัวอย่างให้พี่นะ เวลาใช้ชีวิตนี่คือความสุขของฉัน ฉันไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน แล้วอะไรที่เป็นความสุขของเรา แล้วเราไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนทำไปเถอะค่ะ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม