เปิดใจนักแสดงสาว ปันปัน สุทัตตา ในรายการ WOODY FM มาอัปเดตชีวิตที่เปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกหมดไฟในการทำงาน พร้อมเผยเบื้องลึกหลังปิดฉากรัก 7 ปี ตอนนี้ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องความรักหากมีใครเข้ามา

ตอนนี้คุณดูมีความสุขมากขึ้น แล้วในสมัยก่อนเป็นยังไงวัย 20 ปี?

ปันปัน : สมัยตอนเด็กๆ 20 ปี คิดว่าโอเคขึ้นแล้ว ใจเย็นขึ้นกว่าในตอนอายุ 10 กว่าปี เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คิดมากขึ้น แต่ก็ยังคิดไม่ได้ขนาดนั้น จะเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองเป็นหลัก รู้สึกแบบนี้ อยากทำแบบนี้ ฉันต้องได้ทำ ไม่ค่อยฟังใคร จะฟังตัวเอง

พ่อแม่ก็ไม่ฟัง?

ปันปัน : ไม่ค่อยฟังค่ะ แต่พ่อแม่หนูจะเลี้ยงในแบบที่ว่าให้เราไปเจอโลกด้วยตัวเอง เขาจะไม่ห้าม ไม่ตีกรอบเรา อยากทำอะไรทำ ชีวิตตัวเอง โตแล้วคิดเอาเอง

วันนี้ในชีวิตรู้สึกว่าได้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน?

ปันปัน : เห็นว่าทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ใช้สมองมากกว่าหัวใจ จะรู้ว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะตัดมันง่ายกว่าเมื่อก่อน ถ้าเมื่อก่อนเราจะแบบคิดแบบนี้มันดี ชอบแบบนี้ จะทำแบบนี้ ตอนนี้ใช้ตรรกะและเหตุผลมากขึ้น

...

วู้ดดี้ได้เจอปันปันในวัดแห่งหนึ่ง เป็นภาพที่ตกใจมากว่ามาทำอะไรที่นี่ ตอนนั้นก็มีการเข้าวิปัสสนาหลายวัน?

ปันปัน : ใส่ชุดขาวเดินมาสอบอารมณ์กันตอนเช้า (หัวเราะ) ตอนนั้นก็คือรู้สึกว่าพวกเราเปลี่ยนไปเยอะมาก มันทำให้ใจเย็นลง รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าความโกรธมาแล้วนะ หนูจะคิดเลยว่าสมมติเราโกรธใคร เราไม่ได้อะไรจากการโกรธนั่นขึ้นมาเลย ซีเรียสอยู่คนเดียวข้างใน แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้รู้สึก เขาไม่ได้มาฉุนเฉียวกับเรา

อีกเรื่องหนึ่งก็คือหาความสุขให้กับตัวเองในทุกๆ วัน ถ้าเราตื่นมาแล้วมีความสุขได้กับเรื่องเล็กๆทุกอย่างเราจะแฮปปี้ ซึ่งปกติแล้วจะติดกับโซเชียลมีเดียหรืออะไรสักอย่างแต่ตอนนั้นเราไม่ได้เล่นมือถือ 10 วัน นั่งมองนกโน้นนี่นั่น ก็รู้สึกว่าชีวิตก็มีแค่นี้ คือเราอยู่กับตัวเองให้ได้แล้วก็มีความสุขกับตัวเอง ฉันคือปันปันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันคือใครกันแน่ อันนี้คือสิ่งที่ได้จากการไปในครั้งนั้น

ความสำเร็จของคุณคืออะไรในตอนนี้?

ปันปัน : คือการที่รู้สึกว่าแฮปปี้กับตัวเอง Successful ในแบบของเรา รู้สึกว่าไปไหนอยู่ตรงไหนแล้วเราแฮปปี้ รู้สึกว่าตัวเองพอแล้ว โอเคแล้ว ไม่เทียบกับใคร มีความสุขในทุกๆ วัน

เราโตขึ้นทุกวัน แล้วก็ควรจะต้องดีใจกับทุกวันนี้ที่เรายังมีชีวิตอยู่?

ปันปัน : ใช่ค่ะ วันนี้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เราอ่านข่าวนี้ก็มีความสุขแล้ว หนูมีความสุขในทุกวันในชีวิตเลยจริงๆ

พี่ดีใจกับคุณด้วย แต่เรื่องภาวะหมดไฟที่เคยขึ้นอยากให้ช่วยแชร์นิดหนึ่ง?

ปันปัน : มีช่วงหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกว่าเราลืมตามาแล้วไม่มีความสุข อย่างที่บอกเราเป็นคนที่ลืมตามาแล้ววันนี้ฉันทำอะไรดี ตื่นเต้นจังเลยจะได้ไปโน้นไปนี่ แต่มีบางช่วงที่รู้สึกโอ๊ยเหนื่อย ทำอะไรอยู่ ทำไมมันหมดไฟขนาดนี้ ทำไมเหนื่อย ไม่มีความสุขตอนลืมตาขึ้นมา เป็นอยู่ช่วงหนึ่งรู้สึกทรมาน เราต้องจัดการตัวเอง ถ้าตื่นมาแล้วเป็นแบบนี้ ไปทำงานแบบไม่มีความสุข พลังงานเราก็จะไม่ดี เพราะเป็นคนที่เชื่อในเรื่องพลังงานของคนรอบๆ ตัวมาก

ช่วงนั้นก็จัดการตัวเองหยุดพักในทุกๆ อย่าง ขอออกไปเที่ยว หรือไปสถานที่ต่างๆ สักนิดหนึ่ง เบรกตัวเองออกมา แล้วก็จูนตัวเองใหม่ เริ่มใหม่ ก็ดีขึ้นแต่ว่าใช้เวลา คือความที่เราเป็น Extrovert มากๆ ด้วย จะรู้สึกว่าการที่เราได้ออกไปแล้วเจอคนที่มีพลังงานดีๆ แล้วเราได้รับเข้ามามันจะโอเค แล้วเราก็ต้องกันตัวเองจากคนที่ Negative หมายถึงว่าถ้าเราไปที่นี่แล้วรู้ว่าคนนี้พลังงานไม่ดี เราก็เลือกที่จะเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง ต้องกันตัวเองให้ถูก

คุณเป็น Introvert หรือ Extrovert?

ปันปัน : Extrovert มากๆ

ในส่วนของแฟนที่ผ่านๆ มาสังเกตไหมว่าพลังงานจะคล้ายหรือต่างจากเรา?

ปันปัน : ต่างค่ะ ถ้าเหมือนกันมากไปอยู่ด้วยกันไม่ได้ มันตีกัน แต่ถ้าเกิดว่าอีกคนหนึ่งเบรกเราได้ มันก็จะอยู่ด้วยกันได้นาน ส่วนใหญ่เขาจะเป็นสไตล์นิ่งๆ หน่อย เพราะว่าหนูคือเด็กแสบของประวัติศาสตร์โลกแล้วจริงๆ ทุกคนรู้ แล้วเป็นคนที่มี Energy เยอะ ซึ่งคนที่จะอยู่กับเราได้ต้องตรงข้าม ต้องคุมให้อยู่ นี่คือสิ่งที่ผ่านมานะคะ

...

ล่าสุดก็เพิ่งจบไปกับเรื่องของความสัมพันธ์ วันนี้เราเรียนรู้ในวิธีการจบแบบที่ราบรื่นไหม?

ปันปัน : ราบรื่นมากค่ะ ก็คือคุยด้วยแบบมีตรรกะมาก คือที่ผ่านมาเราเป็นคนที่ใช้อารมณ์มาก อาจจะมีการทะเลาะกัน บอกเลิกโน้นนี่นั่น งอแง ปัญญาอ่อน แล้วเหมือนเราทะเลาะกับตัวเอง แต่รอบนี้มันคือการที่เราแบบทักษะด้านตรรกะและเหตุผล เป็นเพราะอะไร 1 2 3 แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สมเหตุสมผล ก็เลยเข้าใจได้ เห็นด้วย แล้วก็แบบโอเคดีกว่า

อะไรเป็นจุดที่เราตัดสินใจว่าจะต้องหยุด ยุติความสัมพันธ์?

ปันปัน : ความรู้สึกล้วนๆ เลยค่ะ ที่อยู่ตรงนี้แล้วเราไม่มีความสุข อยู่ตรงนี้แล้วไม่แฮปปี้ ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือกับใคร มันจะมีจุดที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว คือหนูใช้การเปรียบเทียบว่าความรักเรามันเป็นเหมือนกระดาษสีขาว แล้วมันมีจุดดำๆอยู่แค่ 1 จุดตรงกลาง แล้วพี่จิ้มจุดนั้นไปเรื่อยๆ ทุกวันจนวันนี้มันเป็นรูแล้ว เอาไม่อยู่แล้ว รู้สึกว่าใจเรามันไปแล้ว มันไปยากนะ แต่พอมันไปแล้วมันไปเลย นี่คือปัญหาตอนนั้น

วันนี้จะอยู่กับตัวเองไปก่อน หรือว่า Let it be?

...

ปันปัน : ตอนนี้ Let it be นิดหนึ่งค่ะ ถ้ามีอะไรเข้ามาหนูไม่ได้ปิด แต่ว่าหนูก็ต้องให้ตัวเองมาก่อนมากขึ้น ในสมัยก่อนเราก็จะเป็นคนที่อยากให้ทุกคนมีความสุขเวลาอยู่รอบๆ เรา แล้วเราจะเอาความสุขของตัวเองไว้ท้ายสุดเสมอ เป็นแบบนี้ตลอดกับทุกคน แต่เดี๋ยวนี้จะรู้สึกว่าถ้าเราไม่มีความสุข ถ้าอึดอัดในการจุดนี้ เราไม่ไปดีกว่า เราปฏิเสธคนให้เป็น ปกติหนูจะเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็น ใครให้ทำอะไรให้ไปไหนจะเกรงใจ โอเคทำให้หมด แต่ตอนนี้ต้องฝึก Say No ถ้าเราไม่อยากทำอะไร

ปฏิเสธโดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจมีศาสตร์ของมันไหม?

ปันปัน : ปันเป็นคนที่ค่อนข้างจริงใจในระดับหนึ่ง ซึ่งคนที่เรากำลังจะปฏิเสธเขา จะเข้าใจว่าเราคิดอะไร ทำไมเราถึงทำแบบนั้น มีความกล้าที่จะปฏิเสธคนมากขึ้นเมื่อเราโตขึ้น อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนรู้สึกว่าเราเด็กมั้ง พอเด็กก็ต้องยอมทุกคน ตอนนี้เริ่มโตขึ้นมีความคิดของตัวเองแล้ว

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม