นางงาม นักแสดง และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ที่วันนี้ควงลูกชาย น้องอองรี-น้องอองตอง มาอัปเดตอาการมะเร็งที่เป็นเคสหายาก 1 ในแสนคน และตอนนี้กำลังรักษาอาการโรคคล้าย SLE แพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง และวันนี้ลูกชายจะเปิดความลับกับคุณแม่ครั้งแรกกลางรายการ "คุยแซ่บ show" ทางช่องวัน 31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายสองหนุ่มยากไหม?
อรอนงค์ : พี่ว่าสมัยนี้เลี้ยงลูกชายน่าจะง่ายกว่าเลี้ยงลูกสาว อย่างน้อยๆ เวลาไปไหนมาไหนเราไม่ต้องห่วงเค้ามาก แต่ก็ห่วงนะ แต่มีลิมิตไม่ได้ห่วงเท่าลูกสาว แล้วโชคดีทั้งสองคนติดแม่ เวลาไปไหน มาไหน ก็ยังไปกับแม่อยู่ อย่างคนนี้อยู่ปี 2 แต่พอกลับมาบ้านก็ยังนอนกับแม่อยู่
นอนกับแม่เป็นยังไงบ้าง?
อองรี : มันก็คุ้นเคยนะครับ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งตั้งแต่เด็ก
อรอนงค์ : ก็จะแบบขอกอดหน่อย คุยเล่นกัน พอน้องกอดพี่ก็กอดบ้าง
พี่อรรีวิวลูกชายสั้นๆ หน่อย?
...
อรอนงค์ : คนพี่ค่อนข้างมีเหตุ มีผล เวลาคุยอะไรต้องให้เหตุและผลด้วย ส่วนคนน้องคลุกคลีอยู่กับเพื่อนบ้าง เล่นเกมบ้าง แต่เราไม่ห่วงในเรื่องที่เค้าจะนอกลู่นอกทาง เพราะเวลาไปไหน มาไหน เค้าก็ก็จะบอกเรา ส่วนคนนี้เค้าอยู่ปี 2 ก็จะห่วงเรื่องเรียน เค้าจะเครียดไหม เค้าเป็นนักกิจกรรมด้วย เราก็จะห่วงเรื่องการพักผ่อนของเค้ามากกว่า
อองตองชอบเล่นกีฬา แต่เรื่องเรียนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่?
อองตอง : ก็นิดนึงครับ เรื่องเรียนก็กลางๆ ชอบเล่นกีฬามากกว่า
แม่มีบ่นไหมให้น้ำหนักไปทางกีฬามากกว่า?
อองตอง : มีบ่นบ้างครับ พยายามเรียนให้ดีขึ้น
อรอนงค์ : พี่เลี้ยงลูกแบบว่า ลูกไม่ต้องเรียนได้เกรดดีมาก เรียนไปด้วยสนุกไปด้วย แต่อย่าให้การเรียนถึงขั้นติด 0 ติด ร. คือเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ ตั้งใจกับมัน แล้วก็สนุกกับการเรียนด้วย อย่างอองรีอยู่มหาลัยมีกิจกรรมด้วยก็ต้องรู้ตัวเองว่าไปได้ไหม
เวลาแม่บ่นเป็นยังไง?
อองรี : ไม่ได้เรียกว่าพร่ำบ่น แต่เรียกว่าถามเยอะ แล้วก็ต้องลงดีเทล
อองตอง : เหมือนที่พี่พูดเลยครับ
พี่ชายแอบเม้าท์ว่าอองตองดื้อเงียบ ไม่ค่อยคุยกับคุณแม่แต่ไม่ค่อยคุยกับพี่ชาย?
อองตอง : จริงบางส่วนแล้วกันครับ บางครั้งแม่กลับมาบ้าน แม่เพิ่งทำงานมา ส่วนใหญ่ผมเล่นเกมอยู่ข้างบน พอผมลงมาผมเห็นแม่นั่งดูซีรีส์ ก็ให้แม่พักผ่อนไป บางครั้งก็อาจจะไปกอดบ้าง
จริงๆแล้วแม่อยากได้อะไร?
อรอนงค์ : อยากให้เรื่องของการเรียน การเล่นเกม ให้มันบาลานซ์กันนิดนึง คือเล่นเกมน้อยลงหน่อย ไปอ่านหนังสือตั้งใจเรียน ปีหน้าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ถามว่าจะเรียนอะไรดีลูก ถึงแม้ว่าแม่ไม่ได้บังคับ แต่ลูกก็ต้องมีเส้นทางของตัวเองนะ ก็บอกลูกไว้เสมอ แม่หรือพี่ หรือใคร ไม่สามารถไปช่วยลูกได้ในห้องสอบ มันอยู่ที่ตัวลูกเอง
ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนคณะอะไร?
อองตอง : พวกการท่องเที่ยว
น้องรีกำลังเรียนเชฟ ทำไมถึงชื่นชอบการเป็นเชฟ?
อองรี : จริงๆ สนใจเกี่ยวกับเรื่องทำอาหารมาตั้งแต่ ป.4 รู้สึกว่าเรายังอยากทำมันอยู่เรื่อยๆ ก็เลยมองว่าอันนี้มันคือทางของเรา
ที่น้องเลือกเรียนเชฟ ทราบมาว่าคุณแม่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่?
อรอนงค์ : ไม่ใช่ไม่ปลื้ม ก็ชอบเหมือนกัน คือ 1.คนที่เป็นเชฟต้องมีความอดทนสูง มันเหมือนหมดเวลาไปกับการทำอาหารให้คนอื่นกินหรือเปล่า มันได้อะไรกับตัวเองไหม พอลูกชอบเราก็ไม่ได้ว่าอะไร
ทราบมาว่าตอนที่ย้ายไปอยู่หอมีสายสืบ เราจะทำอะไรปุ๊บ คุณแม่รู้หมด?
อองรี : คนนู้นโทรมาเช็กแล้วไปบอกแม่ คนนี้โทรมาเช็กอีกแล้วก็ไปบอกแม่
อรอนงค์ : ใครที่ใกล้ชิด เราก็โทรถาม
แล้วบ้านนี้โดนสืบไหม?
อองตอง : ยังครับ บางครั้งแม่อาจจะถามเพื่อนบ้างเวลาเพื่อนมาบ้าน ส่วนมากที่ได้ยิน อยู่ที่โรงเรียนอองตองเป็นยังไงบ้าง มีสาวไหม แต่ไม่มีครับ
...
จริงๆ แม่อนุญาตไหม?
อรอนงค์ : ก็อนุญาต แต่ก็จะบอกลูกว่า ความรักในวัยเรียน มันไม่ได้เป็นความรักที่ยืดยาว มันเป็นเหมือนปั๊บปี้เลิฟ อย่าไปทุ่มเท หรือใส่ใจมากนัก เพราะสิ่งที่เราสนใจคือเรื่องของการเรียน
พี่อรเปิดกว้างให้ลูกชายมีแฟนได้แบบไม่จำกัดเพศด้วย?
อรอนงค์ : เราไม่ได้ตั้งใจว่าลูกจะเป็น LGBTQ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราอยากจะเปิดมุมมองให้ลูกได้เห็นว่า ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ในอนาคตแม่รับได้เสมอ ซึ่งถ้าลูกเป็นผู้ชายมีแฟนเป็นผู้หญิง โอเคปกติ แต่ถ้าในอนาคตเราไม่รู้จริงๆ อยากบอกให้ลูกรู้ว่าแม่รับได้นะ เพราะฉะนั้นเวลามีอะไรเค้าจะได้คุยกับเราได้ แม่อย่างเราแค่คอยซัพพอร์ตเค้า เค้าจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เค้าจะได้เห็นเราเป็นเพื่อนในยามที่เค้าคิดอะไรไม่ออก ไม่ใช่ว่าลูกต้องเป็นๆ ไม่ใช่นะ เพียงแค่บอกจุดประสงค์ วัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
ในมุมของลูก พอได้ยินแบบนี้รู้สึกยังไงบ้าง?
อองรี : จริงๆ คุณแม่พูดโดยรวมในเรื่องของอาชีพ ไลฟ์สไตล์ งานอดิเรกของเรา เราจะใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับอะไรคุณแม่ก็ไม่ว่า แค่ถามเยอะ
อรอนงค์ : คนนี้พอให้เงินเดือนก็จะไปซื้อของทำขนม พอยังไม่ถึงสิ้นเดือน คุณแม่ตังค์อองรีหมดแล้ว บางทีก็มีจ่ายตังค์ตัวเองก่อนแล้วมาเบิกเงินเราเพิ่ม ส่วนคนเล็กจะมีพี่ชายหลานพี่อร คุยด้วยตลอดเวลา คนนี้จะไปอ้อนหลาน ซึ่งหลานจะใช้บัตรเครดิตพี่อร รูดเสร็จแล้วถึงมาบอกแม่ว่าซื้ออันนี้ให้น้อง
...
ในวันที่พี่อรตรวจพบเชื้อมะเร็งในต่อมไทมัส วันนั้นบอกลูกยังไงบ้าง?
อรอนงค์ : คือตอนแรกก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง เราไปผ่าตัดต่อมไทมัส ซึ่งเป็นต่อมที่ผลิตการเจริญเติบโตของเราตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราอายุเยอะแล้วต่อมนี้จะหยุดทำงาน แต่มันยังควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา แต่พี่อรต่อมไทมัสมันโตถึงขนาดไปเบียดอวัยวะภายใน คือเบียดหัวใจกับปอด มันเลยทำให้เราหายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็แน่นหน้าอก อันนี้คือสาเหตุที่ทำให้ต้องไปผ่าตัด แล้วไปตรวจ
แต่พอเราผ่าตัดต่อมไทมัสออกมาแล้ว คุณหมอก็เอาก้อนชิ้นเนื้อนั้นไปตรวจ ปรากฎว่ามันเป็นเนื้อร้าย พอวินาทีที่หมอบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย ใจมันหล่นไปที่ตาตุ่มเหมือนกัน หน้าลูก หน้าแม่ หน้าทุกคนในครอบครัวมันลอยมา มันเหมือนหูดับ อึ้งไปแป๊บนึง จากนั้นก็รวบรวมสตินั่งคุยกับคุณหมอจะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง เรามีความรู้สึกไม่ได้ เราจะต้องหาย เรายังเป็นกำลังสำคัญของที่บ้านอยู่ เราจะเป็นอะไรไม่ได้
ก็คุยกับคุณหมอเรื่องการรักษา คุณหมอแนะนำ ว่าอันดับแรกเลยคือฉายรังสี ต้องไปพบกับคุณหมออีกหนึ่งท่าน คุณหมอที่รักษามะเร็งเค้าจะฟอลโลว์อัปอีกครั้งหลังจากที่ฉายรังสีเสร็จแล้ว ก็ไปคุยกับคุณหมอที่ฉายรังสี ปรากฎว่าต้องฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง ภายใน 1 เดือนเศษๆ ซึ่งมันจะมีผลในเรื่องของอ่อนเพลียบ้าง แต่เราดูแลตัวเองก่อนที่จะรู้ว่าต้องผ่าตัด ก็ทานบำรุง ทานอะไรที่เป็นประโยชน์
พอหล้งจากที่เราผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่กระบวนการของการฉายรังสี บริเวณที่เราไปฉายรังสี มันไม่มีความเบิร์น ไม่มีอะไรที่เป็นผลข้างเคียง หรือผมร่วงไม่มี มันก็เลยโชคดีมากๆ เพราะว่าคนที่ไปฉายรังสีในวันเดียวกันทุกวันที่เราเจอ เค้าจะผิวคล้ำลง หน้าหมองลง ดูไม่สดใส แต่ช่วงนั้นพี่อรฉายรังสีเสร็จ ตอนบ่ายก็ไปทำงาน ก็คือทำอะไรปกติเหมือนเดิม แล้วก่อนที่เราจะฉายรังสี หรือทำอะไร เราจะคุยกับลูกว่าเนี่ยคุณแม่ไปรักษาตรงนี้มันไม่น่ากลัวนะ ไม่ต้องห่วงคุณแม่
...
พี่อรบอกลูกตั้งแต่วันแรกที่รู้?
อรอนงค์ : ใช่ บอกลูกตั้งแต่วันแรกเลย เราจะได้ไม่ต้องมาปิด หรือมารู้ทีหลัง ก็บอกไปเลยว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นข้้นที่ 2 มันเป็นมะเร็งที่หายาก แต่มันไม่รุนแรงเท่ามะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูก ด้วยความที่มันยังไม่เข้าถึงต่อมน้ำเหลือง แต่มันไปเฉียดปอดนิดนึง พอหลังจากที่เราผ่าตัดไปแล้ว ฉายรังสีไปแล้ว มันก็ไม่ได้มีเอฟเฟกต์อะไร เราก็ฟอลโลว์อัปอย่างต่อเนื่อง
ตอนแม่บอกเราว่าเป็นมะเร็งตกใจไหม?
อองตอง : ตกใจครับ ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะเป็นหนักไหม พอแม่บอกว่ามันไม่ได้หนักขนาดนั้น ก็กังวลน้อยลง
อองรี : คุณแม่ค่อยๆ บอก ก็ค่อยๆ ฟัง เหมือนช่วงที่ฉายรังสี คุณแม่ไม่ได้บอกทุกคนว่าคุณแม่ไปฉายนะ เราก็เห็นคุณแม่ไปทำงานปกติ เราก็เรียนมหาวิทยาลัย อยู่ไกล มีโทรเช็กบ้าง แต่อาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่กลับมาเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์
ถ้าเราไม่สัมภาษณ์ เราก็ไม่รู้ว่าพี่อรเป็นมะเร็ง?
อรอนงค์ : ในช่วงที่ฉายรังสีก็ไม่ได้บอกคุณยาย พอฉายรังสีเสร็จแล้ว ผ่านไป 1-2 เดือน ถึงไปทำการเอ็กซเรย์ ทีซีสแกนอีกรอบว่าที่เราฉายรังสีไปแล้วมันเป็นยังไงบ้าง ยังมีเชื้อมะเร็งอยู่ไหม คุณหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งตรงที่เราผ่าตัดออกไปมันไม่มีแล้วนะ แต่ก็อย่าวางใจ เพราะว่ามะเร็งมันสามารถกลับมาได้เมื่อเราอ่อนแอหรือเราดูแลตัวเองไม่ดี พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะเชื้อนี้จริงๆทุกคนมีอยู่ในร่างกาย แต่มันจะปะทุเมื่อไหร่ อันนั้นทุกคนต้องระวัง พอเราไปทำทีซีสแกนจะรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรไหม แต่พอเราทำแล้วมันไม่มี
ก็บอกคุณยาย ตอนนี้ไปรักษาตัวเอง มันโอเคแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ปรากฏว่ามันมีโรคที่แทรกซ้อนจากการที่เราผ่าตัดมะเร็งต่อมไทมัส ก็คือแพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง มันคล้ายๆ SLE แต่มันยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น แล้วโชคดีที่เจอเร็ว ทำไมถึงตรวจเจอเร็ว ก็เอาค่าเลือดที่เราไปตรวจ เวลาเราไปหาคุณหมอ คุณหมอจะสั่งตรวจเลือดทุกครั้ง แล้วปรากฏว่าค่าของที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ มันมีมาให้คุณหมอได้เห็น 3-4 ตัว ที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ แล้วมีแฝงไทรอยด์ ที่เป็นแบบระบบร่างกายเผาผลาญไม่ดีก็จะมีมาด้วย ต่อมไทมัสเราไม่มีภูมิเหมือนกัน
แล้วอาการแพ้ภูมิกล้ามเนื้อมันจะส่งผลอะไรบ้าง?
อรอนงค์ : ตอนนี้เราทานยาควบคุมอยู่ก็เลยไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าวันใดที่เราหยุดทานยาแล้วมันเป็นเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่มันทำลายเลยคือกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อปอด พี่ยังโชคดีที่เจอในระยะเริ่มต้น เริ่มทานยาโดสยังไม่เยอะมาก แต่ก็ต้องทานยาควบคุม เพราะคุณหมอบอกว่ามันเหมือนระเบิดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองหรือไม่ทานยา มันอาจจะปะทุขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาและฟอลโลว์อัปอย่างต่อเนื่อง
ลูกๆ ให้กำลังใจยังไง?
อองรี : หาเวลากลับบ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็หาเวลาไปกินข้าวกับคุณแม่ เป็นห่วงคุณแม่ครับ จริงๆ หลายอย่างคุณแม่ก็ยังไม่ได้บอก เรื่องรายละเอียด ยาแต่ละตัว
อองตอง : เป็นห่วงครับ เวลาไปเรียนกลับมาบ้าน เจอแม่ก็มากอด มาหอมแม่ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ก็หาย สู้ๆ
อรอนงค์ : โชคดีอย่างนึงเราเลี้ยงลูกสมัยใหม่ กอดเรา หอมเราเป็นเรื่องปกติ แล้วบอกรักกันทุกวัน
พี่อรโดนโกงไปหลายแสนเลย?
อรอนงค์ : ไม่ถึงกับโดนโกง เป็นความที่เราไว้ใจด้วย จากที่เราทำร้านเสื้อก็ทำมานานแล้ว เหมือนเป็นอาชีพหลักให้กับเรา เพราะถ้าเราไม่มีงานในวงการ มันก็ต้องมีอาชีพหลักที่เราสามารถพึ่งพามันได้ ทำตั้งแต่ก่อนโควิด มันขายได้ในระดับนึง ก็คิดว่าน่าจะเลี้ยงตัวเองได้
พอมาหลังๆ มันไม่ประสบความสำเร็จ มันขาดทุน เราเริ่มรู้แล้วว่ามันขาดทุน มันขายไม่ดี แล้วพอรู้ว่าตัวเองไม่สบายด้วย ไหนๆ มันไปไม่ค่อยได้แล้ว น่าจะปิดร้านดีกว่า แต่พอไปๆ มาๆ มันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราเสียความรู้สึกกับการที่เราต้องปิดร้านไปด้วย 1.เสียดายร้าน
แต่ไม่ได้โดนโกง?
อรอนงค์ : ไม่ได้โดนโกง
โดนเอาเปรียบไหม?
อรอนงค์ : มันเป็นการเผลอเรอของเราเอง แล้วเราไม่ได้เข้าไปดูร้าน การบริหารจัดการเราก็ไม่เต็มที่ด้วย
ร้านติ่มซำด้วยไหม?
อรอนงค์ : มันเป็นผลพวงจากที่เราทำร้านเสื้อ ช่วงโควิดมันขายเสื้อไม่ได้ ก็เลยคิดว่าร้านอาหารมันน่าจะไปได้ดี แต่ปรากฎว่าร้านติ่มซำมีหุ้นกัน ขายไปสัก 2 ปีเศษๆ มันก็ขาดทุนไม่ได้กำไร ซึ่งจริงๆ มันควรจะได้ แต่มันไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจกับหุ้นว่าเราปิดดีกว่า พอปิดไปแล้ว เราถึงมารู้ว่ามันมีอะไรไม่โปร่งใส ก็ถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์ ซื้อความไว้วางใจของคนไปดีกว่า
ความลับของลูกที่ไม่เคยเปิดที่ไหน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทริปต่างประเทศ?
อองรี : เป็นโมเมนต์สั้นๆ ตอนนั้นเรากำลังไปร้านขายเสื้อแล้วก็มีของฝาก คุณแม่ก็บอกว่า ซื้ออันนี้ไปฝากคุณพ่อด้วยสิ เราแอบดีใจ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้อยู่กับคุณพ่อแล้ว แต่ยังเป็นห่วง ก็บอกให้อองรีเอาไปฝากคุณพ่อ
อรอนงค์ : จะบอกลูกเสมอว่าถึงแม้พ่อแม่จะแยกทางกัน แต่ว่าความรักที่พ่อแม่เคยมีกันก่อนที่จะมีลูก มันเป็นอะไรที่จางหายไปไม่ได้หรอก เพราะความสัมพันธ์หรือสายใยมันไม่ได้ตัดขาด มันเป็นความรู้สึกและความผูกพัน
เพราะฉะนั้นอย่างลูกกับพ่อ ก็ต้องมีความผูกพันมากกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะอันนี้คือสายเลือด เวลาไปไหน เราก็บอกลูกว่า อย่างน้อยพ่อของลูกมีความรักมาให้แม่ตั้ง 20 ปี ก่อนที่จะเลิกรากันไป เพราะฉะนั้นเราก็คิดถึงโมเมนต์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่มีความรัก มันจะทำให้เรามีความสุขกับชีวิตบั้นปลาย ถึงแม้ไม่มีเค้า แต่เราก็มีความสุขที่อย่างน้อยๆ เค้ายังมีลูกที่น่ารักให้กับเรา
ตอนนี้สถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง?
อรอนงค์ : คือว่าไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้เปิดมาก
ตอนนี้มีคนคุยไหม?
อรอนงค์ : ก็มีค่ะ
ลูกๆ ทราบไหม?
อองรี : ไม่ทราบครับ
อรอนงค์ : ด้วยความที่เราเคยผิดพลาดมาแล้ว เราก็อยากให้มันชัวร์ๆ กัน ว่าเค้าโอเคกับเราจริงไหมจะบอกลูก ถ้าไม่มั่นใจ หรือไม่ชัวร์ก็ไม่อยากบอกลูก เพราะว่าถ้าเรามีแล้วเลิก ลูกจะมีความรู้สึกว่าทำไมแม่คบคนเยอะจัง ก็รอให้ชัวร์ คนนี้ใช่ ค่อยบอกลูก
ถ้าคุณแม่จะมีความรักอีกครั้งลูกๆ จะโอเคไหม?
อองตอง : ผมโอเคครับ
อองรี : ถ้าแม่เลือกแล้ว แม่บอกเราแล้ว แม่น่าจะสกรีนมาเยอะ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม