มุ่งมั่นทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่และไม่เคยย่อท้อ นักแสดง-นักกิจกรรมเพื่อสังคมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ มาร่วมเป็นหนึ่งในคนดังผู้สร้างแรงบันดาลใจในงาน Praew Talk 2024 “The Inspirations” ณ ชั้น 1 ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ถ่ายทอดมุมมองเริ่มจาก “เรื่องของสิ่งแวดล้อมเราก็ทำมาหลายปีนะครับ มันก็ดีขึ้น แต่รู้สึกว่ายังไม่ได้ดีเท่าใจที่อยากให้เป็น เราอยากให้เวลาเดินออกมาแล้วท้องฟ้าสดใส อากาศบริสุทธิ์ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เวลา PM มาทีนึง เราก็ตื่นตัวกันทีนึง น้ำท่วมทีนึงเราก็มาตื่นเต้นกัน จริงๆแล้วผมอยากให้มันฝังอยู่ ในจิตใจของทุกคนว่าพวกเราทุกคนทำลายธรรมชาติทำลายโลกใบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว การที่เราจะแก้ให้กลับมาดีได้ในระยะเวลาสั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย พังแน่ ถามว่าเราจะสื่อสารยังไงให้ไม่ดูน่าเบื่อ คือผมทำให้ดูเลยดีกว่า เราก็เดินเก็บขยะแล้วให้เค้ามาถามเอาว่าเก็บทำไม ก็ค่อยบอกเค้าว่าเก็บเพราะแบบนี้ๆ PM2.5 มันเกี่ยวกับขยะยังไง โลกร้อนมันเกี่ยวกับควันดำยังไง จากที่ทำมาผลตอบรับมันก็ดีนะครับ แต่มันจะเหนื่อย ช่วงเวลาที่เรามีโอกาสทำก็ทำให้เต็มที่ แต่ก็ต้องโฟกัสเป็นงานๆไป ส่วนเรื่องที่ทุกคนเห็นว่ามันสำคัญมั้ย จะสานต่อมั้ย จะช่วยกันทำมั้ย อันนี้ก็อยู่ที่ใจของแต่ละคนครับ เราไม่มีสิทธ์ิไปกดดันใคร แต่ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์มากดดันเราเหมือนกันว่าห้ามเดินเก็บขยะ ห้ามพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องของสิ่งแวดล้อมมันไม่ใช่เรื่องของ กทม. เก็บขยะไม่ใช่เป็นเรื่องของนักร้องนักแสดง แต่มันเป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนมีส่วนที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้”

เราทำขนาดนี้ก็ยังเจอคำวิจารณ์ต่างๆ?

“ผมเจอมาทุกรูปแบบแล้วครับ (หัวเราะ) เมื่อ 2-3 วันที่แล้วศูนย์หัวใจก็เพิ่งช่วยชีวิตไปได้ตั้ง 3 คน ผมแคร์ ตรงนั้นดีกว่า ใครบ้างไม่โดนว่าครับ แต่มันอยู่ที่ว่าเราทำเพื่อใคร ถ้าประโยชน์เพื่อเรา เราไม่กล้าพูดเต็มปากหรอก แต่ถ้าเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แผ่นดิน ประเทศชาติจริงๆจะพูดกี่ทีก็เหมือนเดิม ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ทุกคนมีสิทธิ์คิดและผมก็ไม่เคยคิดไปตอบโต้ใคร ก็เห็นครับ แต่ผมไม่ได้สนใจ ที่สำคัญผมทำก็ไม่ได้อยากไปเอาชนะใคร ผมทำเพราะอยากให้พ่อแม่พี่น้องผม ให้คนที่เค้าลำบากจริงๆได้รับการช่วยเหลือ นั่นคือเป้าหมายของเรา ถ้าผมทำอยู่คนเดียวผมอาจยอมแพ้ก็ได้ครับ แต่จริงๆแล้วมีทีม มีทั้งคนที่เค้าทำกันเอง ถ้าไม่มีคนพวกนั้น ยอดบริจาคจะมาจากไหน นั่นคือของจริงครับ ผมเลยไม่ได้รู้สึกว่าท้อหรือเจ็บปวดอะไร ผมเองก็ไม่ได้พูดว่าตัวเองทำดีกว่าใคร เอาเป็นว่าถ้าเราทำแล้วมันเป็นประโยชน์กับใคร แล้วไม่ส่งผลเสียกับใคร ทำไปเถอะครับ ผมก็คงทำในเรื่องของสิ่งแวดล้อมต่อแหละ ผมอยากให้กรุงเทพฯ เชียงใหม่ไม่มี PM2.5 อยากเห็นบ้านเรามีอากาศที่ดีๆมีแม่น้ำสวยๆ ผมเชื่อว่า PM2.5 มันต้องหมดได้ถ้าเราช่วยกันครับ”

...

อัปเดตเรื่องข่าวดีบ้าง แม่บอกว่าพร้อมตัดชุดรอแล้ว ถ้าจะแต่ง?

“ก็บอกกับณิชาครับ เคยพูดกันเล่นๆว่าถ้าเกิดเรายังมี PM2.5 อยู่ และถ้าประเทศของเรายังติด 1 ใน 10 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลกอยู่ เราอย่าเพิ่งมีครอบครัว อย่าเพิ่งมีลูกเลย เพราะเราไม่อยากให้ลูกต้องสูดอากาศนั้นเข้าไป ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันสนใจสิ่งแวดล้อมครับ เพื่อที่เราจะได้วางแผนครอบครัวในรูปแบบใหม่”

ตอนเราพูดไปรีแอ็กณิชาเป็นยังไง?

“ณิชาก็เห็นด้วยนะ เค้าบอกว่าก็จริงนะ และจริงๆแล้วผมว่าน้องกำลังมีไฟในการทำงาน ตัวเราก็กำลังมีพลังมากๆ ถ้าเกิดว่ามันมีเรื่องอยากให้โฟกัสในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ยังไม่อยากให้มาคิดถึงเรื่องของเรามากนักครับ”

แล้วเรื่องแต่งงานล่ะ?

“จริงๆแล้วเรื่องแต่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะตอนไหน ทุกวันนี้ก็มีความสุขในทุกวันอยู่แล้ว ผมก็โชคดีมากๆอยู่แล้วที่มีณิชาในชีวิตครับ แต่แผนแต่งงานยังไม่ได้คุยกันเลยครับ แต่เรื่องลูกคุยกันจริงๆว่าถ้าเกิดแต่งงานแล้วมีลูกอยากทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าเกิดว่ามลภาวะมันยังเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากมี เราอยากทำให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าเกิดว่าเราทำเต็มที่แล้วเราแก้ไม่ได้ค่อยมาตัดสินใจตอนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรครับ เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องเล็กจะแต่งตอนไหน เรื่องที่สำคัญคือการที่เราจะทำยังไงให้กรุงเทพฯไม่ติด 1 ใน 10 ของ PM2.5 เชียงใหม่ไม่ติด ทะเลบ้านเราสะอาด ไม่ฟอกขาว ผมว่าอันนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากัน”

คิดเลยว่าจะไปงานแต่งจะใส่ชุดธีมอะไร?

“ก็คิดง่ายๆ บางทีถ้าเราอยากจะช่วยลดโลกร้อน เราใส่ชุดเดิมๆ ก็ได้ อย่างสูทตัวนี้ผมใส่ออกงานมาประมาณ 8 งานแล้ว (หัวเราะ) มันก็ช่วยได้ส่วนนึง ประหยัดเงินด้วย”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่