ครองเรตติ้งแรงต่อเนื่อง ชวนลุ้นจนโค้งสุดท้ายกับความแปลกใหม่พล็อตสนุกน่าติดตามของละครเรื่อง “นางทาสหัวทอง” ช่องเวิร์คพอยท์ 23 เรื่องราวของ “แม่ค้าออนไลน์” ที่วาร์ปย้อนอดีตไปเป็น “ทาส” ในยุค ร.5 โดยมีมือถือติดไปด้วยหนึ่งเครื่อง และต้องเอาตัวรอดหาทางกลับบ้านให้ได้ นำแสดงโดยนางเอกตาโตหน้าใส “มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร” สวมบทแก่นเซี้ยว โดนใจคนดู ไปไหนก็มีคนทักว่าใช่นางทาสหัวทองรึเปล่า

ทำเอา “มินนี่” ปลื้มสุดๆ กับจังหวะชีวิตที่ได้ “ปลดล็อก” หลายสิ่งในตอนนี้!!! กับก้าวใหม่ที่ท้าทายของ “มินนี่” หลังเริ่มทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 15 ปี เป็นนางเอกช่อง 7 มานาน 6 ปี ผ่านผลงานละครมาหลายเรื่อง ก่อนจะขอเลือกก้าวใหม่เป็นนักแสดงอิสระเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงกับบทบาทที่แปลกใหม่ท้าทาย ตั้งแต่นักเรียนมัธยมวัยใสไปถึงจนดราม่าขั้นสุด

“มินนี่” เล่าการทำงานในละครเรื่องนี้ว่า “มินนี่รับบทแพร แม่ค้าออนไลน์ ที่มีหัวสีทองเป็นเอกลักษณ์ ผิดหวังในความรัก จนต้องไปขอพรเจ้าพ่อยิ่งรักผู้ศักดิ์สิทธิ์จนได้ย้อนเวลามาเป็นทาสในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือ พ.ศ.2432 พร้อมโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง แพรจับพลัดจับผลูกลายเป็นทาสในเรือน หลวงก่ำ (แซม-ยุรนันท์) ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนกระทั่งได้เจอกับ กล้า (โอบ-โอบนิธิ) ทาสหนุ่มผู้จงรักภักดีในเรือน หลวงก่ำ ที่คอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง

...

ซึ่ง แพร ค้นพบว่าโทรศัพท์มือถือที่ติดมาด้วยและสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ แพร จึงใช้โทรศัพท์มือถือค้นหาข้อมูลต่างๆเพื่อเอาตัวรอด ก่อนจะค้นพบว่าทางเดียวที่ทำให้เธอกลับไปในยุคปัจจุบันได้ก็คือการทำให้ทาสหนุ่มอย่าง กล้า สมหวังในความรัก เรื่องนี้บทสนุกมาก ต้องชมคนเขียนบทเก่ง กับทีมสร้างเก่งค่ะ ไปไหนมาไหนช่วงนี้ก็มีแต่มาทักว่าใช่น้องที่เล่นนางทาสหัวทองหรือเปล่า เราทำงานเหนื่อยๆมาแล้วคนชอบมันก็แอบดีใจ เราอยากให้คนเปิดใจดูละครไทย เวลาเป็นละครพีเรียดคนจะคิดว่าพล็อตแบบเดิม แต่เรื่องนี้พล็อตใหม่มาก เล่นเองยังสนุกเอง ใส่เต็มมาก บางคนบอกว่าทำไมเอาตัวเองมาเล่นขนาดนี้ ทำหมดทุกอย่าง ทั้งโดดคลอง ลงโคลน ถึงในบทจะมีเขียนว่าลงบ่อ เราก็ไม่รู้ว่าบ่อเป็นยังไง เจอของจริงเป็นบ่อน้ำใหญ่ ก็เสียวอยู่ค่ะ (ยิ้ม) แต่ชื่อเรื่องมันบอกอยู่แล้ว ว่าตัวหลักต้องเป็น “นางทาสหัวทอง” คนนี้ดำเนินเส้นเรื่องไปตั้งแต่ที่เราได้ย้อนกลับไปและจะทำยังไงให้เรากลับบ้านได้

ส่วนเรื่อง “หัวทอง” เค้ากำหนดมาว่าอยากให้เป็นผมยาวมีหน้าม้า แล้วอยากได้สีแบบสีแรงๆเลย วิกน่าจะแบบตอบโจทย์ที่สุด เลือกเป็นสีที่ร้อนแรงที่สุด เคาะกันมาหลายทองมากเกือบ 20 วิก เพื่อดูว่าสีไหนโอเคที่สุด แต่สุดท้ายเค้าอยากได้ออกแนวแฟนตาซี ถ่ายทำกันมา 1 ปี ถามว่าฉากไหนหนักหนาสาหัสที่สุด มันจะมีโลเกชันที่เราจะคุยกับเจ้าพ่อในวัด ซึ่งเค้าก็จะยกทุกๆซีนในบทมาถ่ายในวัดแล้วมันเป็นการพูดคนเดียวซะส่วนใหญ่ หนูจำได้วันนั้นเปลี่ยนเป็นหลายสิบชุด แล้วบทมันยาวมากแบบเราก็ต้องพ่นๆพูดคนเดียว เล่นคนเดียว ยากมากแต่ก็ผ่านมาได้”

และครั้งนี้กับละคร “นางทาสหัวทอง” เป็นละครคอมเมดี้เรื่องแรกในชีวิตของ “มินนี่” ที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยอมรับว่าเครียด!! “กับความเป็นละครคอมเมดี้เรื่องแรกของเราด้วย เราก็เครียดมากว่ามันจะได้เหรอ เราก็ต้องเต็มที่ที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็เหมือนฉีกอะไรที่เราเคยทำมาหมด ถามว่าเล่นเรื่องนี้มีทะเลาะกับตัวเองเยอะมั้ย ก็เยอะมาก ทะเลาะหลายอย่าง คือเวลาทำงานหนูจะซีเรียสจริงจัง เรื่องนี้หนูรู้สึกปลดล็อกอะไรในตัวเอง หลายอย่างเพราะเราเล่นดราม่ามาก่อน เมื่อก่อนคอมเมดี้ไม่เอา กลัวมาตลอดเลยค่ะ แต่วันนี้คงถึงจุดแล้ว ก็ลองเลยเป็นประสบการณ์ จริงๆ การเล่นคอมเมดี้ยากมาก เรานับถือคนเล่นคอมเมดี้ว่า จังหวะเค้าคมจัง และเรื่องนี้มีครบรส ไม่ได้มีแต่คอมเมดี้ แต่มีบู๊ครบรส โรแมนติกดราม่า”

ชีวิตจริงเป็นสาวร่าเริงเฮฮา แต่ “มินนี่” เล่าว่า พอเป็นคาแรกเตอร์มันไม่เหมือนกันค่ะ ถามว่าได้หยิบความเป็นตัวเองตรงไหนของตัวเองมาใช้มั้ย คงเป็นความกวนส้นคนอื่น (หัวเราะ) ความทะเล้น เอามาใส่หมด แต่ละคนที่หนูเล่นด้วยมีแต่คนเก่งๆจังหวะแนวนี้ ต้องศึกษาจากเค้า ส่วนการแสดงคู่กับพี่โอบ-โอบนิธิ เคยร่วมงานกันมาแล้วในหนังแสงกระสือ และได้มาเจอกันอีกที ถามว่ามีแกล้งกันมั้ย เค้าเป็นคนชอบแกล้งคนอื่น แกล้งคนในกอง แต่กับหนูไม่ค่อยค่ะ”

...

กระแสดีคนบอกว่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ? “รู้สึกดีมากค่ะ ตอนออกกองเราเหนื่อยมาก พอได้รับฟีดแบ็กก็ดีใจมาก อ่านในทวีตที่พูดถึงแต่ละตอนก็รู้เลยว่าเค้าอินจริงๆ เป็นอีกบทนึงที่หนูตั้งใจมากๆดีใจที่ทุกคนได้ดู”

ใจฟูมั้ยที่ถึงคนจำชื่อเราไม่ได้แต่รู้ว่าเราคือนางทาสหัวทอง? “ดีใจค่ะ แค่คนจำได้ก็โอเคแล้ว หนูพยายามรับบทที่หลากหลาย ไม่อยากยึดติดบทแบบเดียว ก่อนหน้านี้ทำงานออกกองติดๆกันเยอะ พอปิดกล้องเรื่องนี้ไปตอนนี้ยังไม่ได้รับอะไรยาวๆ กำลังดูบท”

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ

เติบโตมากับการทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยมาตลอด “มินนี่” เพิ่ง เรียนจบแล้วรับปริญญาตรีเหมือนเป็นการปลดล็อกตัวเอง “จริงๆจบมาปีนึงแล้วแต่เพิ่งรับปริญญา พอรับแล้วเรารู้สึกว่าเราเป็นคนทำงานเต็มตัว อ้างเรียนไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าเราทุ่มเทกับการทำงานได้มากขึ้น เรื่องเรียนกับการทำงานมันไปคู่กันได้ถ้าเราเมเนจให้ดี แต่การไม่จับปลา 2 มือมันก็ดีกว่า พอเราฟรีเรื่องเรียนเราก็ทำงานเต็มที่ได้ เรียนจบแล้วป๊าดีใจมาก ถามว่าวันรับปริญญาน้ำตาไหลมั้ย มันซึ้งมากกว่าว่าจะจบ หนูทำงานตั้งแต่อายุ 15 ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย มันก็ตื้นตัน”

...

จบแล้วมุมมองความคิดเปลี่ยนไปขนาดไหน? “หนูว่าที่เปลี่ยนที่สุดคือช่วงระยะเวลาในการทำงาน ที่ผ่านมาเราเรียนด้วยทำงานด้วย มันได้สอนเราว่าเราเลือกถูกแล้ว โอกาสมันเข้ามาแล้วก็หายไปได้ เราเลือกถูกที่เรารับโอกาสนั้นและทำโอกาสนั้นให้ดีที่สุด มันเปลี่ยนความคิดตรงนั้นมากกว่า พอเราทำงานเราได้เจอผู้ใหญ่เยอะ เจอคนหลาก หลาย ทำ ให้เข้าใจชีวิต เข้าใจ ตัวเองและคนอื่น มากขึ้น”

โตแล้วยังไปไหนมาไหนกับคุณพ่อตลอดมั้ย? “ก็มีขับรถไปเองบ้าง ถ้าป๊าไม่ได้ไปก็รู้สึกหวิวนะ เพราะป๊าคือความอุ่นใจ หลังๆก็มีขับรถไปเองแต่ชวนเพื่อนไปด้วย หลังๆน้องสาว น้องแฟร์รี่ เริ่มมีงาน ป๊าก็ต้องไปกับน้อง เพราะน้องเพิ่งเริ่มเข้ามาวงการ ถามว่าน้องสาวขอคำแนะนำมั้ยก็เยอะค่ะเพราะมินกับแฟร์รี่ทำอะไรด้วยกัน ตัวติดกันตลอด แต่บางเรื่องเราก็ไม่อยากไปตัดสินใจแทนเค้าทั้งหมด ก็บอกเค้าว่ามันเป็นเรื่องของเวลา เรื่องของมารยาท และตั้งใจทำงาน”

...

เติบโตปลดล็อกแล้วทั้งเรื่องการเรียน เรื่องละครคอมเมดี้ รวมทั้งอีกเรื่องที่ปลดล็อกคือเรื่อง “หัวใจ” หลังถูกจับตาเรื่องความรักกับหนุ่มนักธุรกิจไฮโซ “กี้-สราวุธ เสรีธรณกุล” ตั้งแต่มีภาพเที่ยวทริปยุโรปด้วยกัน จนมาเปิดตัวหวานฉ่ำวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา “มินนี่” เปิดใจว่า “ยอมรับว่าเป็นคนคลั่งรักค่ะ ต่างคนต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน เรื่องอายุที่ต่างกันแต่เราก็อยู่กันได้ เค้าเป็นผู้ใหญ่มีความเด็กของเค้า หนูก็มีความโตของหนูเพราะหนูทำงานมานาน พี่เค้าเป็นคนที่มีทัศนคติในแง่ที่ดี เค้าเป็นคนมองโลกในแง่บวก เป็นได้ทั้งเพื่อนทั้งพี่ชาย มันเลยค่อนข้างบาลานซ์กันได้ดี เค้าทำให้เราโตขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้นค่ะ”.