เล่นใหญ่เล่นเต็มไม่มีแผ่ว! เกรท–วรินทร ปัญหกาญจน์ พระเอกหนุ่มมาดเข้มจากละคร “มือปราบมหาอุตม์” ทางช่อง 3 โชว์สกิลบู๊แนวใหม่เดือดๆแบบสะใจคอละคร แถมกลิ่นอายความรักระหว่างผู้กองกระทิงกับบุหลัน (น้ำตาล–พิจักขณา) หวานฉ่ำๆจนแฟนๆ สาวๆอยากสิงร่าง นอกจากเรื่องงาน หนุ่มเกรทยังเข้าสู่วงการ “วิ่งมาราธอน” เหมือนได้ชาเลนจ์ตัวเอง ส่วนความรักโสดสนิท! ไม่มีแฟนแต่มี “แมว” คลอเคลีย เพราะรู้ตัวเป็นคนมาตรฐานเรื่องความรักสูง ใน “คนดังนั่งคุย”
ละครเรื่องนี้ได้ทำอะไรหลากหลายขนาดไหน “โอ้โห ได้ทำอะไรหลากหลายสุดๆ เหมือนเป็นละครบู๊แนวใหม่ สำหรับการแสดงของผม บู๊มาหลากหลายแบบ มาเจอเรื่องนี้ ด้วยเทคนิคการถ่ายทำด้วย มันก็ยากแต่มีความสนุกของมัน บู๊แบบมีคาถาอาคม มีความแฟนตาซี เป็นเรื่องของความเชื่อในยุคนั้นที่มีคนใช้คาถาอาคม มีคนใช้เครื่องรางของขลังจริงๆ ละครเรื่องนี้เอาเรื่องจริงในคนยุคนั้นมาเล่า ดังนั้น การบู๊ก็เลยจะมีความเหนือธรรมชาติ” เชื่อเรื่องคาถาอาคมขนาดไหน “ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ มีเครื่องรางของขลัง ยิงไม่เข้า หายตัวได้ ซึ่งคนที่หายตัวได้จะมีเต้ย-พงศกร เพราะเขามีว่านเสียบตรงหู เราไม่ได้หายตัวได้ แต่มีคาถายิงไม่เข้า มีหมัดลม”
...
ก่อนหน้าเกรทเคยไปศึกษาคาถาแนวๆ นี้บ้างมั้ย “จริงๆมีเกี่ยวกับการท่อง ต้องออกมาในรูปแบบไหน ในเวลาท่องคาถาต้องพนมมือมั้ย เป็นการดีไซน์พร้อมๆกับการแสดงผู้กำกับ พี่หงษ์ ผู้จัด ช่วยดู บางอย่างกำหมัดก็ต้องท่องคาถา เพราะหมัดลม ที่ต่อยแรงกว่าปกติเวลาบู๊ มีเคยเซิร์ชดูคืออยากรู้ว่าทุกครั้งที่ท่องคาถาเราต้องพนมมือมั้ย เป็นความละเอียดนึงที่เราไปหามา เวลาถ่ายจริง เดี๋ยวสู้กันมันต้องต่อยแล้วไทมิงมันไม่พอในการพนมมือแล้วท่อง แต่ละครเล่าให้คนรู้ว่าตัวละครตัวนี้มีคาถานี้”
เห็นน้ำตาลบอกว่าเวลาเข้าฉากยิงปืน ระเบิดจะยึดเกรทเป็นที่หลบภัย “ใช่ๆ เวลามีฉากหลบทั้งระเบิด และปืนนอตอตกใจเสียงมากกว่า ไม่ถึงกลัว บางทีเสียงมันดังไม่ทันตั้งตัวก็มีหลบบ้าง” ไม่ใช่แค่ฉากบู๊ที่เดือด เลิฟซีนเดือดไม่แพ้กัน “เลิฟซีนกับน้ำตาลเนี่ย เป็นอะไรที่จริงๆไม่เคยเล่นขนาดนี้มาก่อน เรียกได้ว่าเป็นการแสดงความรัก มาถึงจุดของตัวละคร 2 ตัว เหมือนเปิดเผยความรู้สึกรักกัน เป็นฉากจูบแต่ว่าจูบพิเศษกว่าเรื่องอื่นๆนิดนึง จะยาวนานหน่อย” เห็นว่ารู้กันหน้าเซตเลยจะเลิฟซีนดื่มด่ำ “ความรู้สึก โอเค เข้าใจ แต่เวลาถ่ายทำเซฟน้องให้มากที่สุดก็สปิริตด้วยกันทั้งคู่ โอเค ทำให้ดีที่สุด เทกน้อยที่สุด ด้วยความที่เป็นนักแสดงมืออาชีพกันอยู่แล้วเลยจูนกันไม่ยาก เข้าใจด้วยบทบาทและวิธีการทำงาน” มีโทร.เคลียร์กับพี่ไผ่–พาทิศ แฟนน้ำตาลก่อนเล่นมั้ย “ไม่มีๆ นอตอก็ไม่ได้โทร. แต่เค้าคงคุยกันแหละ เรื่องนี้เด่นๆบู๊คาถาอาคมมีความแปลกใหม่”
กับเต้ยเคยร่วมงานกันมาก่อน มาเจอเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง “เคยถ่ายซีรีส์ My Hero วีรบุรุษสุดที่รักมาด้วยกัน ที่มี 5 คน ผม พี่หลุยส์-สก๊อต, เต้ย-พงศกร, ท็อป-จรณ, บอย-ปกรณ์ นานแล้ว แล้วมาเจอกันเรื่องนี้” เรื่องนี้มีแต่หนุ่มๆเฮฮากันขนาดไหน “สนุกๆ ผู้ชายกองนี้แข็งแรงกันทั้งนั้นเลย พี่เต้-นันทศัย, พี่เต๋า-อดิศร, พี่เต๋า-สมชาย, เต้ย และผู้พันเบิร์ด” เรียกว่าความแข็งแรงยอมกันไม่ได้ “วันๆคุยกันเรื่องออกกำลังกายยาวเลย แต่ละคนออกกำลังกายวิ่งกัน ผมก็ได้แรงบันดาลใจในการวิ่งจากเต้ยนี่แหละ เวลาคุยเรื่องออกกำลังกายจะคุยกันยาวๆเพราะแต่ละคนดูแลตัวเองดี”
เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ
มีชวนกันไปวิ่งมาราธอนกันบ้างมั้ย “มีๆ พี่เต๋าชวนครับ คือเพราะผมคุยกับเต้ย ตั้งใจจะไปวิ่งเพราะผมมีงานอีเวนต์จะต้องไปวิ่งก็เริ่มต้นหาข้อมูลจากคนใกล้ตัวนี่แหละ ปกติผมเตะฟุตบอลอยู่แล้วเราก็อยากรู้ว่าถ้าเราวิ่ง 10 กม. จะใช้เวลาเท่าไหร่ เต้ยบอกว่า คนปกติซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้างจะใช้เวลา ชม.กว่าๆ บอกไม่เอา อยากชาเลนจ์ตัวเอง เลยปากดีตอนงานแถลงข่าว ผมจะวิ่งให้ต่ำกว่า ชม. ซึ่งจะเป็นรายการวิ่งที่ลงเป็นรายการแรก คุยกันไปมา 2-3 เดือนแล้วพี่เต๋ามาคุยด้วยตลอด แกก็มาบิลต์ เกรทมันมีงานนี้เพื่อนพี่เป็นคนจัด พี่เต๋าบอกมันจะเป็นงานอะเมซิ่งไทยแลนด์ เป็นงานวิ่งติดอันดับโลก จะมีคนมาวิ่งหลากหลายเชื้อชาติมาก ปิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลางเมืองวิ่งกันเลย พี่เต๋าบอกว่าถ้ามึงมาทำเวลามารายการนี้ ซึ่งเป็นรายการก่อนที่ผมจะไปวิ่งงานอีเวนต์ 2 อาทิตย์ ก็ได้แรงบิลต์นั่นแหละซ้อมมากขึ้น เต้ยให้โปรแกรมซ้อมมา ไปหาโค้ช ก็จริงจังกับเรื่องวิ่งมากขึ้นเพราะเต้ยกับพี่เต๋า ในเรื่องเต๋า-อดิศร ก็วิ่งด้วย”
...
เห็นว่าเพิ่งต่อสัญญาช่อง 3 ไปใช่มั้ย “ครับ เพิ่งต่อสัญญาไป ที่ผมต่อสัญญาช่องเพราะว่าผมมีความสุขกับการทำงานที่นี่ ช่อง 3 เป็นที่ ที่เราโตมาจากที่นี่และผมทำงานแล้วมีความสุขแล้ว เป็นเหมือนบ้าน อยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ ออกไปถ่ายละครกับผู้จัด ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแล้วเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นทำงาน มีอาชีพ นักแสดงจริงๆมาจากที่นี่ และในเมื่อมีสัญญาใหม่ต่อมา ผมก็ไม่ได้คิดจะไปไหน ที่นี่มันมีความสุขและแฮปปี้มากเลย ผมอยู่มาไม่ต่ำกว่า 15 ปี แฮปปี้ ไม่คิดที่จะเปลี่ยนครับ”
เหมือนมีแค่เราที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการวิ่ง “ใช่ครับ แต่มีเป้าหมายของตัวเอง ยังไม่ถึงขั้นไปมาราธอน แค่ยังชอบเตะฟุตบอลอยู่ก็เลยมีความรู้สึกว่า หาโปรแกรมวิ่งใกล้เคียงกับกีฬาที่เราชอบ ได้ชาเลนจ์ตัวเอง ก็ประสบความสำเร็จ จะวิ่ง 10 กิโล ใช้เวลา 51 นาที ตามเป้า ดีกว่าที่คาดไว้” พอทำเวลาได้ทำให้ฮึกเหิมเลยมั้ย “ฮึกเหิมๆ ดีใจด้วยก็เลยมีเป้าหมายต่อไป อยากให้เวลาต่ำกว่า 50 นาที วิ่ง 10 กิโล เป็นชาเลนจ์ใหม่”
...
มีทริปชวนไปวิ่งทั้งแก๊ง “จริงๆรายการที่ผมบอกไปหลายคน มีผม เต้ย พี่เต๋า แหละที่ไป พอเริ่มวิ่ง วิ่งพร้อมกันไม่ได้เพราะความเร็วไม่เท่ากัน ไปกันจะมีหลายๆงานเจอพี่เต๋า คุยงานวิ่ง พี่เต๋า-อดิศร ก็บอกไปงานวิ่งพัทยา ก็แล้วแต่สะดวก ว่างช่วงไหน” ติดใจการวิ่งมาราธอนไปเลยมั้ย “ผมลง 10 กิโล ยังเป็นมินิมาราธอน ถามว่าติดใจมั้ยก็ติดใจแหละมันได้หลายๆอย่างในการออกกำลังกายควบคู่ในการทำงานของเรา ยังไม่ถึงกับหักโหมซ้อมมาก พอเราเจอความท้าทายใหม่ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อยากดูแลตัวเอง” บ้าพลังมากขึ้น “ด้วยแต่ต้องเวทเทรนนิงด้วยให้สลับกันไป เรียกว่าเป็นกีฬาชนิดใหม่ที่เราเพิ่งกระโดดเข้าไปแต่ว่ามันให้ผลดีในการดูแลร่างกายเหมือนกัน ไปใช้กับฟุตบอลได้ด้วย”
ช่วงที่เต้ยเตรียมตัวบวชเราเป็นสะพานบุญ “อิ่มบุญ ดีใจกับเต้ยคนบวชอายุ 30 ไปแล้ว ด้วยประสบการณ์ชีวิต ถ้าบวชตอนวัยรุ่นอยู่ผมว่าประสบการณ์ผ่านโลกน้อยไป มันยังไม่ตกตะกอนมากพอ ถ้าอายุ 30 ขึ้นไป ในความรู้สึกผมส่วนใหญ่ มันจะผ่านประสบการณ์ชีวิต ประสบความสำเร็จบ้าง ดีใจ เสียใจ เจอเพื่อนหลากหลายรูปแบบ พอไปบวชทำให้มีวุฒิมากพอที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เลยรู้สึกว่าต้องโตหน่อย”
ตัวเกรทเองหลังจากสึกออกมาทำให้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลย “ครับ เปลี่ยนไปเยอะ สำหรับผมเรียกว่าเมื่อก่อนไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก แต่พอบวชความคิดความอ่านก็เปลี่ยนไปเยอะ นิ่งขึ้นมั้ยไม่รู้ แต่นิ่งในแง่ความคิด ความชัดเจน ความสุขกับตัวเอง ความสุขกับการทำงานมันก็ตอบโจทย์เห็นชัด ด้วยประสบการณ์ใช้ชีวิต บวชมามันส่งเสริมกัน ผมบวชมา 5-6 ปีแล้ว สิ่งที่สำคัญคนบวชต้องบวชด้วยใจ ถ้า 35 ปี ขึ้นไปไม่ได้อยากบวช ไปบวชก็ไม่ได้อะไร ผมว่าเขาต้องมีความใฝ่จากข้างในอยากบวชให้มาจากใจจริงๆ ถึงจะมีคุณภาพ”
...
บวชผ่านมาหลายปี แม่กุ้งก็พูดตลอดอยาก ได้ลูกสะใภ้ “อ่อ จริงๆแม่พูดเป็นคอนเทนต์ไปอย่างนั้นแหละเป็นคอนเทนต์ที่มาจากน้องชายแอดมินร้าน” พอโพสต์ปุ๊บก็จะมีกระแส มีสาวๆอยากมาสมัครเป็นลูกสะใภ้ “แม่ไม่ได้มาบังคับอะไรเราหรอก ก็เป็นคอนเทนต์สนุกๆ ผมจะบอกตลอดแหละเป็นคอนเทนต์ ถึงสมัครจริงผมก็ไม่ได้อะไร สุดท้ายเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่เรา” ณ ตอนนี้กับความรักมองยังไง มีคนคุยๆบ้างมั้ย “ไม่มีเลย สบายๆ ไม่ได้คุยกับใครในเชิงนั้น” ยังเปิดใจอยู่ใช่มั้ย
“ยังเปิดๆ ไม่ได้อะไรแค่รู้สึกว่าอย่างที่เคยบอกไป เราซัคเซสในมุมนึง รู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบนี้ ถ่ายละครแบบนี้ ดูแลตัวเองแบบนี้มันก็มีความสุข ยิ่งช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทำงานเยอะมาก เรื่องแบบนี้เลยไม่ได้คิดไปโดยปริยาย ไม่ได้โหยหา กลับบ้านนอน ตื่นมาไปวิ่งไปยิม แต่ก็ยังชอบผู้หญิงอยู่นะ (ยิ้ม) มีแมวด้วยเลยมีกิจกรรมใหม่เข้ามา” เดี๋ยวนี้ เจ้าไข่ตุ๋นขี้อ้อนน่าดู “ใช่ๆ เป็นกิจกรรมนำเข้ามา เก็บขี้แมว ดูแลแมว”
เป็นเพราะมีแมวเลยไม่ต้องมีเมียก็ได้หรือเปล่า “ในอนาคตอาจจะต้องมีเมียแล้วล่ะ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันว่าเมื่อไหร่” ตอนนี้ชิลๆกับหนุ่มโสด “ใช่ๆ ผมว่าผมมาตรฐานสูงก็ส่วนหนึ่ง รู้สึกเป็นคนแมเนจชีวิตตัวเองได้ เรื่องนั้นไม่ต้องหาใคร ไม่ใช่ว่าได้ยินคือไม่เอา ไม่คุย ไม่ถึงขนาดนั้น คือเรารู้สึกว่าจัดการได้ สบายๆ กับสิ่งที่เราทำ” มีเพื่อนๆ แนะนำกันมั้ยเพราะในกลุ่มแต่ละคนก็มีแฟน “อุ๊ย ไม่มีแนะนำ ไอ้พวกนี้มันยังไม่ตอบไลน์เลย หลังทุกคนมีแฟน” ใครเบอร์หนึ่งไม่อ่านไลน์ “คนไม่ค่อยชอบตอบไลน์ บอย-ปกรณ์คือเบอร์หนึ่ง จริงๆ ทุกคนไม่ได้แนะนำหรอก เพราะทุกคนก็รู้ว่าเพื่อนเป็นยังไง ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ถึงแนะนำมาก็ไม่ได้มีผล”
การที่เราไม่มีใครเพราะเราเข็ดกับความรัก กลัวไม่สมหวัง “ถ้าจะพูดว่ากลัวเลยไม่ใช่หรอก แต่ถามว่าในที่ผ่านมามีประสบการณ์ความรักทั้งดีและไม่ดี แต่มันไม่สามารถทำให้เรากลัวและไม่อยาก ไม่ใช่ ที่ไม่อยากเพราะว่ายังหวงความสุขในเวย์ที่เราเป็นแบบนี้มากกว่า ยังไม่อยากเปลี่ยนแปลง” ความที่มาตรฐานสูง “ที่พูดแบบนี้ผมลองเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนส่วนใหญ่แล้วกัน ผมคิดว่าผมอาจจะมีเงื่อนไขเยอะหน่อยถ้าเปรียบเทียบคนอื่น เพราะผมตื่นมา บางทีผมทำอะไรคนเดียวได้ ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ด้วยตนเอง ผมเลยไม่รู้หรอกวันนึงมีคนที่มาใช้ชีวิตกับผมจะกระอัก กระอ่วนมั้ย ทำแบบนี้ เลยต้องอันนั้นให้เกิดจากความเป็นธรรมชาติจริงๆ ที่อยากมีเค้าอยู่ตรงนี้ด้วยจัง แค่ตอนนี้มันยังไม่เจอ ทุกอย่างเรายังดำเนินชีวิต สมมตินะ ถ้าวันไหนผมไปทานข้าวคนเดียวเหงาว่ะ ค่อยว่ากัน”.
เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน