พระเอกหนุ่มหล่อซิกซ์แพ็กแน่นอย่าง อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม ที่ช่วงนี้เนื้อหอมมาก และกำลังมีกระแสเรื่องความรัก ล่าสุดมาสัมภาษณ์แบบเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตวัยเด็กที่เคยโดนแบ่งชั้นวรรณะจากญาติพี่น้อง จนมีปมด้อยกลายเป็นเด็กเกเรแบบสุดๆ พร้อมทั้งเล่าถึงการมูเตลูกับตัวเอง เผยตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงาน หรือหากมีครอบครัวก็คงจะไม่มีลูก 

คุณโตมาในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา?

"อบอุ่นมาก อบอุ่นจนร้อน จนบางทีคิดว่าอบอุ่นเกินไป ผมเหมือนไข่ในหินจากเด็กจนถึง ม.1 ถ้าเข้าบ้านเกิน 6 โมงเย็นนี่คือโดนตีแล้ว ทำอะไรผิดก็แล้วแต่จะโดนตียับ ทั้งพ่อและแม่ แต่ผมชอบ จากบทเรียนพวกนี้มันเลยทำให้ผมเป็นคนแบบนี้ กลับไปย้อนวัยเด็กก็คือตอนกลับไปอยู่ที่มหาชัยคือจุดเปลี่ยนชีวิตสุดๆ จากคนเคยดีเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้า"

คุณพูดถึงตัวคุณเอง?

"ไม่ครับ คนรอบข้าง ผมกำลังพูดถึงการแบ่งวรรณะของคน จากญาติตัวเอง มาอยู่บ้านญาติสิ เราเคยอยู่บ้านที่มีพื้นที่ 1 ไร่ ให้เรามาอยู่ห้องพื้น 3 เมตร คูณ 3 เมตร แล้วอยู่ 4 คน เด็กๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็นอนได้ก็โอเค แต่พอเริ่ม 3-4 เดือน ก็เริ่มเหมือนไม่ให้นอน ทุบห้องทิ้ง พี่ชายผมต้องไปนอนระเบียงบ้าน นอนกางมุ้งคือฝนสาดก็โดน พ่อแม่ได้ที่จากญาติในบริเวณมหาชัย ได้มาห้องขนาด 3 เมตรคูณ 6 เมตร ตู้เสื้อผ้าแบ่งกลาง แล้วมหาชัยมันมีน้ำขึ้นน้ำลง น้ำขึ้นก็นอนไม่ได้ ต้องตื่นวิดน้ำ ฝนตกก็นอนไม่ได้ น้ำก็ไหลลงตามผนังลงมา ก็เลยเป็นสาเหตุให้ไม่อยากกลับบ้าน ไปนอนบ้านเพื่อน"

...

ที่คุณบอกว่าครอบครัวมีการแบ่งชนชั้นคือแบ่งยังไง คุณรู้ได้ยังไง แล้วเขามาทุบห้องเพราะอะไร พ่อแม่ไม่เล่าให้ฟัง?

"ไม่มีเหตุผล พ่อเป็นคนไม่พูด พ่อเขาเป็นคนรักพี่รักน้อง เขารู้ในจุดที่เขายืนตอนนี้คือพลาดแล้วที่กลับไปอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยช่วงนั้นฟองสบู่แตก งานก็ไม่มี ญาติก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เรียกพ่อมาคุยบอกเฮียอายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยนะ เราฟังแล้วแบบไม่โอเค

จนเราเริ่มโตขึ้นในสังคมที่แบบ เรารู้ว่าโดนแบ่งชนชั้นวรรณะแล้ว เราไม่มีตังค์ตั้งแต่เด็ก เริ่มเที่ยว เริ่มเกเร เริ่มเป็นหัวโจก เริ่มแข่งมอเตอร์ไซค์ เพื่อเอามากลบปมด้อยของตัวเอง พยายามสร้างตัวตนขึ้นมา แต่อะไรที่ติดคุกไม่ทำ ผมจะเป็นกลุ่มที่เลว แต่มีคุณธรรม"

ความคิดตรรกะของเด็กคนหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยอบายมุขมากมาย มันก็ต้องมาจากการเฝ้าสอนของผู้ใหญ่?

"ใช่ ย้อนกลับไปตอนแรกที่ผมบอกว่าผมชอบนะ ที่พ่อแม่ตี ผมเคยเห็นตอนอยู่บางลำภู พ่อแม่เขาจะรับเลี้ยงเด็กคุก ที่มาทำงานกับพ่อก็คือเด็กคุกทั้งนั้น ผมเคยเห็นแม้กระทั่งปักเฮโรอีนที่แขนแล้วก็ฟุบลงไป เช้ามาก็อยู่ท่านี้ตายแล้ว ผมเคยไปเล่าในรายการหนึ่งว่าผมเคยเห็นยาไอซ์ก้อนขนาดใหญ่ คนหาว่าผมขี้โม้ แล้วแต่เลย ผมไม่ได้แคร์คอมเมนต์โซเชียล ไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้โกหก ผมอยากเป็นแสงสว่างให้คนที่เขาคิดว่าผมไม่ได้โกหก"

ทำไมเกิดขึ้นบ่อยในชีวิต ที่คุณทำแล้วคนหาว่าคุณโกหก?

"มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นตบปืน พี่จะเชื่อไหมว่าคนตบปืนได้จริงๆ แล้วลั่นข้างหูจริงๆ พี่เชื่อไหม"

พี่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนโลกนี้?

"ใช่ แล้วผมก็บอกทุกคนว่าอย่าทำแบบที่ผมทำ ผมเคยโดนเอาปืนจ่อหัวจริงๆ แล้วผมกระชากลงพื้น มีพยานเห็นประมาณ 13-14 คน แล้วพยานคนหนึ่งเจ้าของเรื่องเป็นข้าราชการอยู่ที่สระบุรี คนนี้ตัวต้นเรื่อง"

ทุกวันนี้ทราบมาว่าการเดินทางของคุณไปตามที่ต่างๆ มันมีความหมายมากในชีวิต เพราะถ้าเกิดว่าได้มีโอกาสไปกราบไหว้ หรือว่าไปมูเตลู เล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนนี้ไปในทิศทางไหน?

"ก่อนหน้านี้ 15 ปี ไหว้ทุกที่ ทุกคนลงกระหม่อมได้หมด แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตสับสน แล้วผมก็ไปเจอคนหนึ่งเขาก็บอกว่า อาร์ตรู้ไหมว่าจริงๆ การไปมูหลายๆ ที่มันไม่ได้ดี มันเหมือนสีขาว สีดำ สีแดง สีเหลือง มาปนเปกัน จนไม่รู้เลยมันมีสีอะไร อาร์ตควรจะมีคนที่นับถือแค่ 1 คน หรือ 2 คน หรือเป็นพระอาจารย์

ตอนนี้ผมมีพระอาจารย์อยู่ 2 คน คือหลวงพ่อวราห์ กับ หลวงพ่อแป๊ะ วัดสว่างอารมณ์ ซึ่ง 2 องค์นี้ท่านก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้จะชอบมูกับตัวเอง เช่น นั่งสมาธิขอพรกับตัวเอง ไม่ได้เห็นการขอพรเป็นธุรกิจถ้าได้แล้วจะทำนะ ไม่ทำเลยสวดมนต์ให้คนข้างในเราแข็งแรง ให้เขามีพลัง อฐิษฐานเมตตาจิตต่างๆ นานา สร้างกำแพงในตัวเราขึ้นมาเยอะๆ สูงๆ ให้เขามีพลังให้เขาช่วยเราได้ อันนี้ผมว่าตั้งแต่ทำมาเวิร์กสุด แล้วแต่วิจารณญาณคนนะ

บางคนก็เชื่อว่าจะมีเทพคุ้มครองตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าเทพคุ้มครองตัวเราเขาไม่แข็งแรง ก็จะมีหลายคนบอกว่าในเมื่อถ้าเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เขาจะมาพึ่งพาอาศัยมนุษย์ทำไม เขาบอกว่าเทพจริงๆ ไม่สามารถเพิ่มบุญให้ตัวเองได้ ต้องเป็นการที่คนทำให้ แต่เทพจะมาคอยช่วยเหลือเรา ถ้าเราทำเทพในตัวเราให้แข็งแรง เขาก็จะทำให้พลังในตัวเรามีออร่า ผมนั่งสวดมนต์ให้ตัวเอง ผมขออยู่ 2 อย่าง มีสง่า มีบารมี ตอนนี้ผมหมั่นเพียรทำมาประมาณ 8-9 ปีแล้ว"

...

ไม่คิดเรื่องแต่งงาน?

"ไม่มีเลย ไม่มีในหัวเลย ตอนนี้การเลี้ยงเด็ก 1 คนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้ามีครอบครัวโอกาสมีได้ แต่ถ้ามีลูกคงจะไม่มีแล้ว มันไม่ได้เหมือนยุคที่เราโตมา ที่เด็กจะอยู่ในกรอบของครอบครัว ตอนนี้เลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องมีโทรศัพท์ให้เขาแล้ว 1 เครื่อง แล้วในโทรศัทพ์มันจะไม่อยู่ในกรอบเราเลยที่เราจะแบบคุมมันได้

จริงๆ ผมเป็นคนดุนะ เป็นคนค่อนข้างเนี๊ยบแต่ใจดี แต่จะพูดบอก หรือห้ามอะไร 2-3 ครั้งแล้วจะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าเป็นลูกเราไม่ได้ ก็จะพูดอยู่นั่นล่ะ แล้วก็ถ้ามีลูกผู้ชายคงจะติดคุกถ้ามีใครมาทำร้ายลูกเรา เพราะเราเอาคืนแน่นอน หรือถ้ามีลูกผู้หญิง ใครมาปล้ำลูกเรา เราก็คงจะเอาตายเหมือนกัน".

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”

...