ก่อนหน้านี้ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ (X) บอกว่า "ในความมืดมิด...ไม้ขีดไฟแค่ 1 ก้านที่จุดติด คนนับล้านในรัศมีไกลจะมองเห็นเปลวแสงสว่างจากปลายไม้ขีดนั้น #ยิ่งมืดยิ่งสว่าง" ทำให้เกิดทัวร์ลงอย่างหนัก เพราะมีชาวเน็ตหลายคนได้โยงเข้าเรื่องการเมือง ซึ่งช่วงนั้นกำลังร้อนระอุเลยทีเดียว 

ล่าสุดได้เจอ พี่ติ๊ก มาร่วมงานเปิดตัวละครเรื่อง ลมพัดผ่านดาว ที่เจ้าตัวเป็นผู้จัดการ ณ ชั้น 5 พารากอนซีนีเพล็กซ์ เลยได้มีโอกาสสอบถามเรื่องนี้ ซึ่ง พี่ติ๊ก เองก็บอกว่า นานาจิตตัง แล้วแต่ใครจะมองและตีความแบบไหน ซึ่งข้อความที่โพสต์ไปไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเลย แต่เป็นเพียงแค่คำคมเท่านั้น นอกจากนี้ พี่ติ๊ก ยังบอกอีกว่า เข้าใจว่าการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่อยากให้ทุกคนเปิดกว้างในเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้มีดราม่าในทวิตเตอร์ รู้สึกยังไงบ้าง?

“ผมก็เข้าไปอ่านในคอมเมนต์นะครับ เราอาจจะไม่เรียกว่าทัวร์ลงดีกว่า ในคอมเมนต์ก็มีแต่คอมเมนต์ดีๆ นะครับ แล้วผมก็คิดว่ามันนานาจิตตัง เข้าใจ และตีความหมายในแบบไหน

แต่ถ้าเกิดว่าย้อนกลับไปผมเป็นคนชอบเข้าป่าอยู่แล้ว ชอบวิชาลูกเสือ เราเรียน รด. มา แล้วก็เรานึกถึงในยามค่ำคืนแสงสว่างที่มันถูกจุดขึ้นมา เราจะสามารถมองเห็นในระยะไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งอันนี้ก็เป็นเพียงแค่เขาเรียกว่าเป็นเหมือนคำคมอะไรบางอย่างเท่านั้นเองครับ”

เราไม่ได้อินเรื่องของการเมืองหรืออะไรใช่มั้ย?

“อินในเรื่องของธรรมชาติและผืนป่า”

...

ตอนนั้นมันคาบเกี่ยวพอดี คนเลยตีความ?

“อ๋อครับ แล่วตีความหมายว่าอะไรบ้างครับ (คนเอาไปโยงเรื่องของสี เรื่องของการเมือง?) อ๋อครับ คือผมว่าเรื่องของการโยงจะพูดแบบไหนก็แล้ว แต่มันสามารถโยงได้หมดนะครับ

แล้วอันนี้ถ้าเกิดพูดในเรื่องของความเป็นประชาชนคนหนึ่งในสังคม ผมคิดว่าทุกๆ คนเราสามารถที่จะพูดเรื่องความเป็นอยู่ ความคิดเห็นต่างๆ ได้ ต้องบอกว่าความรู้สึกของแต่ละคนมันมีความแตกต่างกันไป ผมว่าเราอยากจะให้มีโอกาสเปิดเสรีในการพูดเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้ โดยที่มันทำให้พึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ แต่ผมว่ามันคือแรงขับเคลื่อนที่เราทำให้สังคมและชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆ รวมถึงองค์ภาพรวมต่างๆ ของเราขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีด้วยเหมือนกัน”

ตัวพี่ติ๊กเองตกใจก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยที่ตัวเองไม่เคยเจอเรื่องราวแบบนี้?

“ก็เคยเจอบ่อยๆ เหมือนกันนะครับ คือผมว่าเราต้องไม่รู้สึกว่าการที่ใครออกมาพูดอะไรต้องโยนไปที่เรื่องของการเมืองเสมอไปนะครับ ก็อยากจะให้มองในมุมเปิดกว้างๆ แล้วก็มองให้มันเป็นเรื่องของความเป็นเรื่องปกติของสังคมเรานะครับ”

ตัวพี่ติ๊กอยากออกมาอธิบายมั้ยว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติที่ได้เจอหรือสัมผัสมา?

“คือผมว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายนะครับ ผมว่าเรื่องแบบนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ตราบใดที่ผมคิดอยู่เสมอว่า ถ้าเรายืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและเราไม่ทำอะไรผิด ผมคิดว่าเราไม่ต้องกลัวสิ่งใดๆ บนโลกใบนี้เลย”

ครอบครัวเราได้รับผลกระทบอะไรไหม?

“ไม่มีครับ ทุกคนปกติไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย”

หลังจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ?

“ไม่มีอะไรผิดปกติ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

เราก็โพสต์ตามปกติเลย?

“ใช่ครับ โพสต์ตามปกติครับ”

หลังจากนี้การโพสต์เราต้องระวังมากขึ้นไหม เพราะเรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน?

“แน่นอนครับมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเปราะบาง ผมจะบอกว่าจริงๆ แล้วในบางแพลตฟอร์ม มันก็คือเรื่องของการที่ทำให้เราได้ถ่ายทอดมุมมองต่างๆ ที่เรานึกคิด ณ ตอนนั้นๆ นะครับ ซึ่งมันก็อยู่ที่คนจะจับในเรื่องนี้ตีความต่างๆ

ผมว่าอยากจะให้ทุกคนได้เปิดใจให้กว้างๆ เปิดโอกาสและมองว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสาขาหรืองานอาชีพใดๆ เราล้วนแต่เป็นมนุษย์ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันครับ”

ช่วงนี้อาจจะได้เห็นหน้าตาของพี่ติ๊กในสื่อบ่อยๆ ใช่ไหม?

“อย่างตอนนี้ก็มาเป็นผู้จัดละครเรื่อง ลมพัดผ่านดาว แล้วก็เล่นเองด้วยนะครับ ดังนั้นแฟนๆ ละครก็จะได้เห็นผมบ่อยขึ้นในฐานะของนักแสดง แต่ว่าถ้าในฐานะของเบื้องหลังก็อาจจะได้มีให้เห็นบ้างเหมือนกัน บางครั้งเราก็ไปเป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังในสิ่งต่างๆ เรานั้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลงวงดนตรีนะครับ รวมถึงในเรื่องของละครอันนี้แล้วก็อยากจะให้ติดตามต่อในปีหน้าด้วยว่า อาจจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นก็ได้ครับ”

...

นึกว่าในปีนี้อาจจะได้เห็นอะไรใหม่ใหม่ในวงการบันเทิงของพี่ติ๊กในหลากหลายรูปแบบใช่ไหม?

“ใช่ครับ ในหลากหลายรูปแบบก็จะเห็นมากขึ้นครับ ก็เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันครับ”

รายการเนวิเกเตอร์จะกลับมาใช่ไหม?

“ก็ยังมีโปรเจกต์อยู่ครับ แล้วพบกันใหม่ครับกับการเดินทางในครั้งต่อไปกับ เนวิเกเตอร์”.

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”

...