ความรักของ “แม่” ยิ่งใหญ่เสมอ! มีน–พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร นักแสดงหนุ่มละคร “กรงดอกสร้อย” ทางช่อง 3 กับเรื่องราวในชีวิตที่เกิดจาก “เด็กหลอดแก้ว” คนแรกๆ ของเมืองไทย ซึ่ง “วันแม่” ปีนี้ เลยถือโอกาสชวนหนุ่มมีนมาเล่าถึงความรักของพ่อแม่ที่อยากมีลูกมากจนยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง จน 25 ปี ผ่านไป กลายเป็นหนุ่มคิดบวก แต่ที่ทำให้หนุ่มมีนสุดภูมิใจในฐานะ “ลูก” ที่ได้สานฝันของแม่ให้เป็นจริงด้วยการซื้อบ้านใหม่ ด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเอง ใน “คนดังนั่งคุย”

โดยเริ่มจาก...ก กว่าพ่อแม่จะได้เรามาค่อนข้างยากเลย “ใช่ครับ แม่ผมอายุเยอะแล้วอยากมีลูกมาก 30 ปลายๆ คนที่บ้าน ญาติๆ มีครอบครัวมีลูกกันหมดแล้ว แม่จะรู้สึกแต่งงานมาสักพัก อยากมีลูก ทำหลายอย่างวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ มูก็แล้ว ไหว้ก็แล้ว ไปทำกิฟต์ก็ยังไม่ได้ จนไปตรวจเจอว่าเป็นโรคสักอย่างที่ทำให้มีลูกยาก ยุคนั้นเขาแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งตอนนั้นทำกิฟต์มา 3-4 รอบแล้ว เงินจะหมดบ้าน ซึ่งที่บ้านไม่ได้มีฐานะอะไร แต่พยายามมีลูกกันมาก เขาแนะนำทำเด็กหลอดแก้ว สมัยนั้นราคาสูง หลักล้าน ก็ไม่ได้การันตีว่าจะติด แล้วการผ่านการทำกิฟต์มาสี่ครั้งไม่ติดหมดเงินไปเยอะ พ่อบอกไม่ทำแล้ว ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร ไม่อยากเอาแล้วแต่แม่ผมบอกขอลองอีกครั้งนึง ถ้าเงินจะหมดขอลองก็เลยลองทำ ติดครั้งแรกเลยก็ต้องดูแลเด็กหลอดแก้ว กับสุขภาพของแม่ ทำให้ต้องดูแลเยอะหน่อย มีฉีดยากันแท้ง บ้านอยู่ฉะเชิงเทราแต่จะต้องมาทำแถวราชเทวี ต้องขับรถมาทุกวันก็ไม่ได้ต้องซื้อยากลับไป

...

แม่ต้องเดินทางหาหมอที่คลินิกแถวบ้านจ้างเค้าฉีดยาให้ มีช่วงกลางๆ มีเลือดออกตกเลือดนึกว่าแท้ง เศร้าเสียใจร้องไห้สุดท้ายหาหมอ จนหมอบอกว่าเหลืออยู่คนนึง สมัยก่อนไม่มีกฎหมายทำได้กี่คน หมอเลยทำไว้ 4 ฟอง ใส่หมดเลย แต่ผมดันขี้อิจฉา รักสันโดษ เลยถีบตัวอ่อนอื่นๆออกมา ฉันจะต้องเป็นตัวอ่อนที่แข็งแกร่ง (แหม่ๆ ขายขำซะด้วยพ่อคู้ณ ฮ่าาา) ก็ฉีดยากันแท้งจนท้องแก่ มีช่วงที่ฉีดเองด้วย ซึ่งพ่อผมกลัวเข็ม (หัวเราะ) แม่ต้องฉีดตัวเอง นั่นแหละก็ผ่านไป 9 เดือนเลยคลอดออกมาเป็นผม ตอนนี้ผมอายุ 25 แล้วครับ”

พอโตแล้วฟังเรื่องราวกว่าจะเป็นเราวันนี้รู้สึกยังไง “ระหว่างทางมีความตลก เพราะบ้านผมไม่ค่อยมีดราม่า ชอบเล่นติดตลกกัน อย่างคุยกันแบบนี้นะ ดูระหว่างทางยากลำบาก ต่อสู้มากเลยนะ แต่วันที่แม่ผมคลอด พ่อผมเป็นคนกลัวเลือดและกลัวเข็มมาก พาแม่เข้า รพ.รอคลอดแต่พ่อผมเข้าโรงหนัง พอดูหนังเสร็จค่อยกลับมาโรงพยาบาล พอแม่ฟื้นจากยาสลบเห็นพ่ออุ้มผมอยู่ รักจังเลย (หัวเราะ) ถ้าเป็นซีนในหนังในบทต้องซาบซึ้งนั่งรอจดจ่อแต่พ่อผมว่างๆ 2-3 ชม.เลยไปนั่งดูหนังก่อน บ้านผมเวลาคุยกันมันจะมีความแทรกตลก ติดนิสัยกันมาแบบนี้”

ทุกวันนี้มีนถือว่าได้ดั่งใจพ่อแม่ “ดั่งใจบ้างไม่ได้ดั่งใจบ้าง (หัวเราะ) บางทีก็โทร.มาบ่นบ้าง”

ความเป็นลูกคนเดียวล่ะ “ไม่รู้สึกตัวเองขาดอะไร อย่างที่เล่าให้ฟังที่บ้านไม่ได้มีฐานะอะไร รู้สึกว่าขนาดเป็นลูกคนเดียวบางอย่างยังไม่ได้เลย ถ้ามีลูกหลายคนคงต้องแย่งกันอีก เด็กๆเราคิดแบบนี้ แต่มีลูกพี่ลูกน้องนะ วันหยุดจะไปเล่นบ้านเค้า มีคนข้างบ้านเด็กๆ โตมาในสังคมผู้หญิง มีเด็กผู้ชายไม่กี่คน กิจกรรมที่เด็กๆผู้ชายเล่นคือปีนหลังคาบ้าน วันดีคืนดีตกมาที่หลังคาบ้านผมจนหลังคาพัง ผมรู้สึกไม่อยากเล่นสิ่งนั้น ตอนเด็กๆ มีเพื่อนผู้หญิง ดีใจมาก มีครั้งนึงเค้าชวนไปร้านเกม เอาเว้ย! ได้เล่นเกมครั้งแรกในชีวิตก็ไปสิ ไปถึงร้านเกมตื่นเต้นๆ ปรากฏว่าเค้าพาขึ้นชั้น 2 ขึ้นไปเล่นตุ๊กตากระดาษ (ช็อตฟีล! ไปอีก...กก) ผมถูกหล่อหลอมด้วยสังคมที่มีผู้หญิงเยอะ เลยมีความเข้าใจผู้หญิงอยู่บ้างครับ”

กับคุณแม่สนิทกันขนาดไหน “สนิทมากครับ เวลากับแม่กับพ่อ มีอะไรก็จะคุยกันหมด เด็กๆนิสัยไม่ดี ไม่ต้องทำตามนะ แต่ผมสามารถคุยกับพ่อแม่ได้ วันนี้ไม่อยากไปเรียน ถ้าเหตุผลมากพอ ไม่ต้องหลอกเอาไดร์เป่าผมให้ร้อน ไม่ต้องทำแบบนั้น วันนี้ขี้เกียจเรียนมากเลย เขามีมุมเข้าใจบ้างแต่ก็บ่นๆ แหละ”

...

ถือว่าตามใจมั้ย “ถ้ามีเหตุผลแล้วกัน ผมถูกสอนด้วยเหตุผล เด็กๆอยากได้ไอพอดฟังเพลงมันเท่ พ่อผมถามว่าเด็กยุคนี้ต้องมี MP3 กันเหรอ ผมก็ตอบมี พ่อถามต่อมีกี่คน ลำบากแล้วไง? ต้องลิสต์รายชื่อเพื่อนในห้องที่มี MP3 มีรุ่นไหนบ้างราคาเท่าไหร่ พ่อเห็นความพยายามมั้งครับก็เลยซื้อให้ มันถูกสอนด้วยเหตุผล ถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อันไหนไม่มีเหตุไม่มีผลมันก็ยาก อย่างของเล่นเดินวนแล้ววนอีกไม่ได้ ถ้าเขารู้สึกไม่ดี”

พอโตมามีเหตุการณ์ไหนที่เราประทับใจ ทำให้แม่ชื่นใจในตัวเรา “มันรวมๆกัน มีช่วงที่ผมทำงานใหม่ๆเลย คือตอนเด็กๆชอบมีแฟน ชอบมีคนคุย พอมีแฟนก็จะพาให้ที่บ้านรู้จักแต่พอเข้าวงการมาแรกๆไม่มีสาว ไม่ได้คบกับใครเลย 2 ปี เพราะรู้สึกว่าช่วงนั้นเรียนหนักกำลังเข้ามหาวิทยาลัย และทำงานด้วย กลับบ้านบ้างไม่ได้กลับบ้านบ้าง แต่มีวันนึงกลับบ้านไปนอนอยู่ตื่นมาแม่นั่งอยู่ปลายเตียง ตกใจนึกว่าผี (ฮ่าาาา) แม่บอกแม่เอง คือช่วงนั้นซีรีส์วายกำลังมาเลย อยู่ๆแม่ก็พูดว่า ถ้ามีนจะโตขึ้นอยากเป็น อยากทำอะไรเต็มที่เลยนะ ผมก็งง เกิดอะไรขึ้น?! แม่พูดต่อเผื่อมีนชอบใครเปิดตัวใคร ชอบใครบอกแม่ได้นะ ก่อนสรุปถามผมว่า มีนชอบผู้ชายหรือเปล่า (หัวเราะ) เค้าคงเห็นเราไม่ค่อยแนะนำผู้หญิงแล้วเราไปเล่นซีรีส์วาย ห่างหายการมีแฟน มีนเลยบอกเปล่าๆ ช่วงนี้ผมทำงานหนักเฉยๆ แต่เราได้เห็นข้อดี บ้านเราโอเพ่นกับสิ่งนี้มากเลยนะ วันนึงอยากเป็นอะไร ทำอะไรขึ้นมา ผมคิดว่าบ้านผมเปิดใจคุยกันได้หมดทุกเรื่อง ทำให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะเป็นอะไร พ่อแม่ก็พร้อมเข้าใจเรา”

...

บ้านที่เราเพิ่งซื้อใหม่เห็นว่าแม่ยอมขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯด้วยกันแล้ว “บ้านหลังนี้จริงๆ ซื้อเพราะแม่เลยนะ แม่เคยพูดว่าอยากมีบ้านมีโฉนด เค้าเคยพูดว่าเป็นบ้านเป็นตึกแถว เช่าซื้อระยะยาว สมัยก่อนแม่จะชอบพูดรู้อย่างนี้ซื้อบ้านเดี่ยวไว้ดีกว่า ชีวิตไม่มีโฉนดมีแต่ที่นา ไม่เคยมีบ้านเดี่ยว เราฟังคำนี้มาตั้งแต่เด็ก จำได้ วันนึงเราอยากมีบ้านในกรุงเทพฯและมีโฉนดที่ดินให้แม่ก็เลยซื้อหลังนี้ ตอนซื้อด้วยจุดประสงค์แบบนี้แต่ตอนจะซื้อเค้าก็บอกไม่ต้องซื้อหรอก อยู่คอนโดไปไม่จำเป็น เราก็สู้จนซื้อมาได้ เค้าก็ยินดี อยากมาอยู่ เคลียร์กันจบแล้ว เสียน้ำตากันไปแล้ว เราอยากซื้ออยากได้หลังที่ดีที่สุดแต่แม่จะบอกไม่ต้องหรอก ซื้อเอาหลังที่ตัวเองจะอยู่ไม่ต้องมาดูเผื่อพ่อเผื่อแม่”

คือพ่อแม่เป็นห่วง เสียดายสตางค์แทนลูก “ใช่ๆ เค้ากลัวเราผ่อนไม่ไหวแต่เรารู้สึกว่าทุกวันนี้เรามีแรง เรามีงานเราอยากอยู่บ้าน อยากตื่นมามีคนทำกับข้าวให้กิน กลับบ้านไปมีคนคุยด้วย วันไหนเหนื่อยขับรถให้คุยไป อยากใช้ชีวิตครอบครัวบ้างเพราะเราขาดสิ่งนี้มาตั้งแต่ ม.6 แล้ว เค้าก็อยากมาอยู่ด้วยสุดท้ายเค้าบอกว่าจะมาอยู่นะ จะเลี้ยงหมา ไม่ทำอะไรนะ จะเกษียณตัวเองแล้ว พ่อก็บอกจะมาปลูกต้นไม้ ไม่ทำอะไรแล้ว ยื้อกันอยู่แต่คุยกันแล้วสิ้นปีจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้วครับ ก็บอกเค้ามาอยู่บ้านกรุงเทพฯก็หาอะไรทำที่นี่สิ เค้าก็โอ๊ย...ย แก่แล้วมาก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว แต่ก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ คือสรุปจะเอายังไงเนี่ย (หัวเราะ) แต่เข้าใจได้ครับ”

...

พอแม่ใจอ่อนยอมย้ายมาอยู่บ้านกรุงเทพฯด้วยกันล่ะ “ดีใจนะครับ เพราะว่าเป็นความคาดหวังของเรา กึ่งๆบังคับเค้านิดนึงแต่เป็นความฝันของเรา การที่เค้ามาทำให้เค้ามีจุดที่สบายขึ้น มีพื้นที่ เพราะเคยอยู่แต่ตึกแถวทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหน เรารู้สึกว่าเราเลือกบ้านที่มีสวน มีพื้นที่มีอากาศที่ดี เราเลือกที่ซัพพอร์ตความต้องการของทุกคน เรารู้สึกแบบนี้ วันนึงซัพพอร์ตได้จริงๆ เราคงดีใจมากๆ ไม่รู้นะ ถ้าอยู่ด้วยกันจริงๆอาจจะตีกันก็ได้ ตอนนี้คุณแม่ อายุ 63 แล้วครับ อายุเยอะพอสมควร แม่มีผมตอนอายุ 38 กับที่บ้านผมว่าแม่เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันทำให้เราอยากทำนั่นทำนี่ บางทีเขาพูดลืมๆ แต่เราเป็นลูกจำได้ อาจจะเราเด็กเลยความจำดีกว่าเค้า (หัวเราะ)”

เคยเอ่ยปากเรื่องบวชทดแทนพระคุณบ้างมั้ย “ที่บ้านไม่ได้ซีเรียสไม่ได้มองตรงนั้น แค่การซื้อบ้านก็เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งในชีวิต เรื่อง บวช พ่อผมบอกว่าให้ผมเป็นคนตัดสินใจอยากมั้ย ไม่ซีเรียส ถ้าเราจะบวช 15 วัน 30 วันเค้าบอกว่าเอาเวลาไปทำงานก่อน หรือเอาเวลาทำอะไรที่อยากทำ ผมเองศึกษาปรัชญา ศาสนาอยู่แล้ว มีหลายๆ ประเด็นถกเถียงกันอยู่แล้วในฐานะที่เราเป็นพุทธ ศาสนิกชน เรามีหลายๆ วิธีที่จะทำนุบำรุงศาสนา ได้ ไม่แน่วันนึงผมจะบวชก็ได้ถ้าเราพร้อมและอยากทำทุกอย่างในชีวิตผมขึ้นอยู่กับความอยากเยอะเหมือนกันครับ (ยิ้ม)”.

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ