ห่างหายไปจากหน้าจอมา 2 ปี จนตอนนี้พระเอกหนุ่ม ไมค์ ภัทรเดช ได้กลับมามีผลงานละครให้แฟนๆ ได้ดูให้หายคิดถึงกันแล้ว กับละครพีเรียดฟอร์มยักษ์แห่งปีอย่าง เภตรานฤมิต ในบท คุณหลวงราชมนตรี

ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของ ไมค์ ได้รีเทิร์นมาพบกับคู่จิ้น มุกดา นรินทร์รักษ์ งานนี้นอกจากเรตติ้งประเดิมเปิดตัวจะสตาร์ตได้แรงแล้ว กระแสตอบรับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ ก็ท่วมท้น รวมถึงดราม่าการที่ถูกแฟนละครเปรียบเทียบกับละครเรื่องดังของอีกช่อง ซึ่ง ไมค์ ได้เปิดใจถึงฟีดแบ็ก และตอบเรื่องต่างๆ ให้ฟังว่า 

เรตติ้งละคร เปิดตัวมากระแสดีมาก เป็นอย่างไร?

ดีใจครับ เพราะผมก็หายจากหน้าจอไปเกือบ 2 ปี ก็มีความตื่นเต้นว่าเมื่อเรากลับมาอีกครั้งหนึ่ง คนยังคิดถึงเราอยู่ไหม แล้วพอละครออกอากาศวันแรก กระแสดี ชื่นใจเลย รวมถึงตอนออกอากาศผมก็เข้าไปดูไลฟ์ในเฟซบุ๊กด้วย ดูว่าเขาคุอะไรกันเวลาเขาดูละคร เขาก็คุยกันถึงเนื้อละครว่าสนุก

คือโดยปกติถ้าละครไม่สนุก เขาก็จะคุยกับแบบพระเอกนมใหญ่ พระเอกหล่อจังเลย คือคุยกันแค่นี้ แต่นี่เขาคุยกันถึงเนื้อหาของละคร แบบทำไมคุณหลวงไม่พูด ทำไมแม่อร (มุกดา นรินทร์รักษ์) เป็นอย่างนั้น 

เป็นอย่างไรบ้าง กับการหายไป 2 ปี ตอนนี้แฟนๆ ให้การต้อนรับดีมาก? 
แฟนๆ ก็คือได้ความแปลกใหม่ เพราะผมยังไม่เคยเล่นพีเรียดมาก่อน ผมเล่นละครมา 10 ปี ยังไม่เคยเล่นพีเรียดที่แต่งตัวแบบนี้ด้วย แฟนคลับผมเองก็ชอบเวลาที่ผมแต่งตัวเป็นคุณหลวง คือมันดูสุขุม ดูนิ่งดี ถ้าพูดเรื่องการแสดง ส่วนตัวผมเองก็มีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ

คือช่วงแรกๆ ผมยังลิ้นแข็งอยู่ เพราะนี่เป็นละครพีเรียดเรื่องแรก เราทำการบ้านหนักมาก เราตื่นเต้นมาก ขนาดที่เอาบทพูดในละครไปใช้ในชีวิตประจำวัน คือเจอเพื่อนสนิท ผมก็คุยกับเขาด้วยภาษาตามบท เพื่อนก็ถามว่าพรุ่งนี้จะถ่ายละครพีเรียดใช่ไหม (หัวเราะ) เราก็บอกว่าใช่

...

ซึ่งพอได้อยู่กับตัวละคร ได้ใช้ภาษาแบบนี้เรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าปาก เริ่มดีขึ้นครับ ผมว่าแฟนคลับก็ชอบในบทคุณหลวงราชมนตรีนะ เพราะเขาบอกว่ามันไม่เหมือนกับตัวจริงดี (หัวเราะ)

คุณหลวงออกมา แทบจะไม่ใส่เสื้อเลย?
คือสมัยก่อนยังไม่มีแอร์เนอะ อันนี้คือเรื่องจริง เวลาถึงหน้าร้อน ไม่มีแอร์ สิ่งที่จะช่วยระบายความร้อนออกจากตัวคือการถอดเสื้อ จริงๆ ผมไปดูการแต่งกายสมัยก่อน บางยุคผู้หญิงก็ไม่ใส่ท่อนบนเหมือนกันนะ เพราะอากาศร้อน คิดว่าใส่น่าจะเหนียวเหนอะหนะ

ดังนั้นคุณหลวงราชมนตรีก็เลยจะไม่ใส่เสื้อบ่อยหน่อย โดยเฉพาะกลางคืน เพราะกลางคืนส่วนใหญ่จะถอดเสื้อนอนกันอยู่แล้ว แต่ก็จะมีเสื้อประจำตัวตัวหนึ่ง เป็นเสื้อคลุมแบบคล้ายผ้าซีทรู ที่คุณหลวงจะชอบใส่ไปยืนทอดอารมณ์ก่อนนอนเวลาคิดถึงสาว

ความสนุกของละครเรื่องนี้ไมค์คิดว่าอยู่ตรงไหน?
สำหรับเภตรานฤมิต จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความผูกพันคนละชาติภพกันครับ เรื่องราวของการพิสูจน์รักแท้ที่จะต้องผ่านอุปสรรค คุณหลวงและเขมิอร เขาจะฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ไหม เป็นความสนุกที่อยากชวนให้ทุกคนมาติดตามกัน

ผมมองว่าเสน่ห์ของละครเรื่องนี้มีหลายด้านมาก ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ความพีเรียดซึ่งทีมงานตั้งใจกันมาก เสน่ห์เรื่องของภาษาในละครอยากให้ออกมาเป็นความพีเรียดจริงๆ รวมถึงผู้กำกับ นักแสดง ตัวผมมีความสุขมากที่ไปกองละครเรื่องนี้ มีความสุขที่ได้เป็นตัวละครนี้

ซึ่งผมมองว่านี่คือเสน่ห์ที่ผมสัมผัสได้ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่สิ่งที่เชื่อคือเมื่อตัวเรามีความสุขคนดูจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเดียวกันนี้ เมื่อละครออกอากาศไป เขาจะมีความสุขกับการแสดงผ่านตัวละครของพวกเราทุกคน

สำหรับเรื่องนี้ความยากง่ายอยู่ตรงไหน?
ความเชื่อครับ คือไม่เฉพาะละครเรื่องนี้นะครับ ทุกเรื่อง สำหรับผมคือผมอยากให้เรารู้สึกได้ถึงความจริงของตัวละคร อย่างในเรื่องนี้ความเชื่อของตัวละครจะเป็นเรื่องของ สัญญา การคลุมถุงชน ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าดูไม่มีเหตุผล ไม่ make sense นัก

แต่ถ้าเป็นในสมัยก่อนมันเป็นภาระทางใจมากๆ ถ้าสัญญาไว้อย่างไรก็จะต้องทำตามนั้น ซึ่งถ้าจะทำก็ทำได้ถ้าต้องแต่งคือแต่ง ในเรื่องนี้คุณหลวงราชมนตรีมีสัญญาที่จะต้องแต่งงานกับแม่บัว (แม็กกี้ อาภา) ทุกคนก็บอกว่าแต่งไปสิ เพราะเราสามารถมีเมียหลายคนได้ นั่นคือความเชื่อในสมัยก่อน

และความเชื่อของตัวละครที่เราควรจะต้องทำ เป็นสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ เป็นภาระทางใจของตัวละคร หรือจะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับการแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิง เราต้องไปหาจุดให้เจอ อย่างเวลาแม่อร (มุกดา นรินทร์รักษ์) พูดอะไรแล้วเราควรจะรู้สึกอย่างไร แสดงออกอย่างไร อย่างที่หล่อนพูดคำว่ารัก เรียกว่าต้องทำการบ้านหนักมาก คือพยายามทำความเข้าใจกับความคิดของคนในสมัยนั้น ว่าเขาจะคิดและแสดงออกอย่างไร

...

เรียกว่าละครเรื่องนี้ไมค์ทุ่มเทมาก?
ทุกเรื่องเลยครับที่ผมแสดง สำหรับผมคือพยายามตั้งใจทำงานทุกงานที่เข้ามาให้ดีที่สุด จริงๆ แล้วถ้าเรานั่งมองตัวเอง เราก็ยังมีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง ในเรื่องของจุดแข็งเราก็เก็บเอาไว้ แต่ยังต้องพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปอยู่ แต่ถ้าเจอจุดอ่อนเราก็ต้องรีบเร่งพัฒนามัน

ทุกวันนี้เราก็ยังเห็นอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องทำให้ดีที่สุด ยกตัวอย่างนะ อย่างวันนี้เราจะต้องไปเข้าซีนนี้ เราคาดหวังมากว่าจะต้องเล่นไปถึงจุดไหน แต่ถ้าเราไปถึงจุดที่หวังไม่ได้

สุดท้ายกลับบ้านมาเราก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่เราก็จะต้องพัฒนาตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด ตั้งใจที่สุด คือถ้าเราไปเล่นละครแล้วไม่มีความเชื่อในตัวละคร ไม่ได้เตรียมมุมมองความคิดตัวละครไปเลย เล่นละครออกมาถูกตำหนิ ผมก็จะโทษตัวเองว่าทำไมเราไม่ทำ มันจะทำให้เรายิ่งแย่

แต่ถ้าเราได้ทำแล้ว แต่คนดูตำหนิเรา เราก็จะบอกได้ว่าไม่เป็นไร เพราะเราได้ทำดีที่สุดแล้ว สำหรับผมคือขอให้ทำดีที่สุดก่อน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน

ได้กลับมาร่วมงานกับมุกดาอีกครั้ง เป็นอย่างไร?
การได้กลับมาร่วมงานกับมุกดาอีกครั้งดีมากๆ ครับ เพราะเราเข้าขากันอยู่แล้ว พอมาเป็นตัวละครมองตากันก็จะไม่เขิน ไม่ต้องปรับอะไรเยอะ มองตาแล้วสื่อสารกันได้เลย บอกรักกันได้เลยในละคร ผมเชื่อว่าคนดูน่าจะสัมผัสได้จากตรงนี้นะครับ

ฉากกุ๊กกิ๊กในเรื่องนี้พระนางเป็นอย่างไร?
ก็มีครับ จุ๊บกันก็มี (ยิ้ม) เพราะคนดูคาดหวัง คือความโรแมนติกสำหรับละครเรื่องนี้คือความรู้สึกของตัวละคร 2 คนรักกัน ซึ่งรักกันมากกว่ารักตัวเอง คุณหลวงราชมนตรีรักแม่อร เขมิอร จนไม่อยากให้เขาไปไหนเลย เพราะถ้าเขาไม่ใช่ เราแต่งงานกับแม่บัวไปนานแล้ว แต่นี่คือคนที่เราเฝ้ารอเขามานาน เราเป็นคนรักเดียวใจเดียว จนเราได้มาเจอเขาคนที่เรารู้ว่าคือใช่

...

แต่สุดท้ายเรากลับอยากให้เขาไป เพราะเรารักเขา แต่เขาอยู่ที่นี่เขาจะอันตราย เขาอยู่ที่นี่เขาไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่รักเขามาก แต่เป็นห่วงเขามากกว่า แม่อรก็เหมือนกัน เขารักคุณหลวงนะ แต่การที่เขามาอยู่ที่นี่คือภาระ ทั้งเรื่องสัญญาของคุณหลวงที่มีกับแม่บัว

รวมถึงคุณหลวงก็ต้องตามมาดูแลเขา ตั้งแต่มาอยู่เขารู้สึกว่าเขาทำให้ครอบครัวของคุณหลวงไม่มีความสุข ต่างคนต่างรักกันและต้องการเสียสละเพื่อคนที่รัก ความท้าทายของเรื่องนี้คือความกล้าเปิดใจ คุณหลวงเองก็ต้องกล้าที่ทำในเรื่องที่ขัดกับความเชื่อของคนในสมัยนั้น ต้องรอติดตามดูนะครับ

เปิดเรื่องมามีดราม่านิดหนึ่ง ในการถูกเปรียบเทียบกับละครอีกช่อง?
ดูละครให้สนุกครับ จะเปรียบเทียบทำไม เพราะละครมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันอยู่แล้ว อยากให้ดูละครแล้วสนุกไปกับการแสดง สนุกไปกับเนื้อเรื่องของละคร ดีกว่าที่จะมาเปรียบเทียบกันทำให้เสียบรรยากาศการชมละคร ไม่มีอะไรดีกว่าไม่ดีกว่าหรอกครับ อยู่ที่คนคนนั้นจะชอบเรื่องไหน ชอบบรรยากาศแบบไหนมากกว่า

ซึ่งหากการเปรียบเทียบเป็นเชิงที่ทำให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นไรเลยครับ แต่บางครั้งเปรียบเทียบแล้วไม่ได้เกิดประโยชน์ จะทำให้เสียอรรถรสในการชมละครไปเปล่าๆ คือถ้าเราชอบละครเรื่องนี้อยู่แล้ว เราก็ดู ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้น หรือมีการเปรียบเทียบก็ไม่เป็นไร ปล่อยไปดีกว่าครับเรามีความสุขของเรา

...

สำหรับตัวไมค์เอง การเปรียบเทียบแบบนี้ทำให้เสียกำลังใจไหม?
ไม่เลยครับ เฉยๆ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ในหน้าที่ของเรา เรื่องอื่นไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว หลังจากที่เราได้ตั้งใจและผลงานออกมาแล้ว คนดูจะเป็นคนตัดสิน ดังนั้นตัวผมเฉยๆ นะครับ.