รายการ แย่งซีน ทางยูทูบช่อง 8 EP.22 สัปดาห์นี้ พบกับนางงามยอดนักสู้ ในใจของใครหลายคน แอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวมากมายที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน พร้อมคำถามแซ่บๆ จากพิธีกร แพรรี่ ไพรวัลย์ ว่าสถานะหัวใจ หลายคนเม้าท์ว่ามีพระเอกหนุ่มตามจีบ และล่าสุดกับประเด็นเจอคนทักว่า พักหลังดูหยิ่ง และอีกหลายเรื่อง

เรื่องดราม่ากับประเด็นนางงามอีกเวทีนึง ความเป็นจริงเราอยากให้มันออกไปเป็นลุคนางเอกแบบนั้นหรือเปล่า เพราะอยู่ช่อง 8 มาก่อนไง เล่นบทนางเอกเหรอคะ?
"ไม่ๆ เลย ถ้าเล่นบทนางเอกหนูเล่นได้ดีกว่านี้ค่ะ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ด้วยความที่ทุกคนไม่เคยเห็นเรามุมนี้ แล้วเราก็ระบายออกไปด้วยความที่ไม่ไตร่ตรองไว้ก่อนด้วย ก็กลายเป็นว่าทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โต แอนนาเสียใจมาก"

แม่ปุ้ยเขาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมากนะคะ ออกมาไลฟ์แบบเดือดมาก?
"สุดท้ายแอนนามองว่าแม่ปุ้ยเขาอาจจะมองในแง่ของนางงาม และการเป็นผู้หญิงคนนึงค่ะ มันรู้สึกแย่เวลาเราโดนคนที่อยู่ในอาชีพเดียวกันมาพูดแบบนี้ อารมณ์แบบแม่เป็นห่วงลูก พี่เลี้ยงเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน แม่โทร. มาถามเหมือนกัน เราก็อธิบาย หนูไม่ได้คิดอะไรเลย มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ก็คิดว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดดราม่า คนที่เสียใจหนักกว่าเรา น่าจะเป็นเขาหรือเปล่า

...

แต่แม่ปุ้ยไม่ได้โพสต์ด่าอย่างนั้นนะ ที่เขาโพสต์มันเป็นสิ่งนึงที่ไม่ใช่แค่คนอื่นหรือคนที่อยู่ในดราม่าเห็น แล้วรู้สึกว่าเออ มันก็จริง แต่มันเป็นทุกคนเลยที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทุกคนที่ได้เห็นโพสต์นี้จะได้รู้เลยว่า สิ่งที่เราควรให้เกียรติมากที่สุดก็คือ คนที่ทำงานอาชีพเดียวกัน หรือการที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันประมาณนี้ค่ะ"

ฝากอะไรนิดนึงทั้งกลุ่มคนที่เขาชื่นชอบ และติดตามเรากับดราม่าเรื่องนี้ อยากให้มันจบแบบไหนคะ?
"ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกกำลังใจเลยที่ส่งเข้ามา แต่อยากจะบอกทุกคนว่าดราม่าทุกอย่าง มันเกิดจากการที่เรา 1. อาจจะไตร่ตรองไม่ดีก่อน 2. มนุษย์ทุกคนทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น สุดท้ายมันก็คือการให้อภัยกัน ก็อยากให้ทุกคนมีหลัก มีเหตุ มีผลในการโพสต์ การที่จะพาดพิงถึงใคร และสุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจเลย"

ตอนลง MU ตอนแรกแอบมีความกดดันไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้ก็มีงานประจำ เป็นดาราด้วย และก็เป็นสาว AE ด้วย งานการก็ดูมั่นคง ทำไมกล้าเอาอนาคตมาแลกกับการประกวดนางงาม ใครจะรู้ว่าจะมง?
"การประกวดนางงามของแอนนาเริ่มมาตั้งแต่ ม.5 แล้วเราได้เข้าประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์ มีพี่เลี้ยงผ่านการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่กำลังซ้อมอยู่ และเขาก็มาทาบทามเรา เขาก็แนะนำเราไปรู้จักกับพี่เลี้ยงอีกคน และเขาได้บอกเรากลับมาว่าเป้าหมายสำคัญในการหาเด็กไปประกวดที่สูงสุดคืออยากให้เด็กได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพราะเป็นเวทีที่ค่อนข้างจะยิ่งใหญ่สำหรับเขา

หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ หลังเรียนจบ แอนนาเรียนจบการท่องเที่ยวและการโรงแรมมา และมันเป็นช่วงโควิดพอดี พอเรียนจบและมันหางานค่อนข้างยาก ช่วงว่างๆ นั้นเราก็เลยเดินสายประกวดต่อ จนมีโอกาสมามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ตอนนั้นทุกคนพร้อมละ สปอนเซอร์พร้อม ผู้ใหญ่พร้อม เหลือแค่เราเองที่จะพร้อมไหม

ซึ่งตอนนั้นเราติดอยู่กับงานที่เราทำ แต่จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราวางเป้าหมายไว้นานมากแล้วกับพี่เลี้ยงของเรา ถ้าแอนนาไม่ทำตอนนี้และแอนนาจะทำตอนไหน เหมือนเราอยากจะสานฝันตัวเอง ของพี่เลี้ยงของทุกคนที่คอยดูแลเรามา สำหรับงานประจำ ถ้าเราไม่เข้ารอบเรายังมีโอกาสกลับมาทำอีกได้ เพราะผู้ใหญ่เขาเข้าใจเรา แต่ถ้าการประกวดครั้งนี้แอนนาไม่เอา ไม่รู้ว่าโอกาสมันจะมาอีกเมื่อไร"

เห็นว่าเป็นสายมูด้วย ถึงกับต้องไปดูดวงก่อนประกวด หมอดูแนะนำอะไรเราบ้าง?
"ก็ชุดแดงที่ประกวดตอนไฟนอลนั้นแหละค่ะ มาจากหมอดู ก็ส่วนนึงแล้วกัน จะบอกว่าหมอดูหมดเลยก็คือไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนนั้นหมอดูแนะนำมาว่าเวที MUT เขาบอกมาว่ามีทั้งหมด 2 สี คือสีน้ำเงินกับสีแดง ให้ไปเลือกเองระหว่างรอบพรีลิมกับไฟนอล จะเอาสีอะไร ซึ่งส่วนตัวเราชอบสีแดง มีช่วงนึงก่อนประกวดถ่ายเล่นๆ กัน แล้วทาปากแดง ลุคเจิดมากเลย

...

ก็เลยคิดกันงั้นสีแดงเป็นชุดไฟนอล น้ำเงินรอบพรีลิม ก็เลยวางไว้แบบนั้น สรุปว่ามงค่ะ แล้วเชื่อไหมที่ไอคอนสยามในปีของพี่อแมนด้า ที่เขาได้มงเขาก็ใส่สีแดงเหมือนกัน ก็เลยมีคนบอกว่าหรือเจ้าที่ชอบสีแดง แล้วเราชอบด้วย (เจ้าที่เจ้าทางหรือเจ้าที่เวทีคะ?) ก็ทั้งเจ้าที่เจ้าทาง แล้วเจ้าที่เวทีด้วยสิ ก็สะกดจิต ก็กลายเป็นว่าเรามง"

ซุ่มออกกำลังกายหนัก เพราะเตรียมตัวเป็นนางเอกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ที่ยังไม่เห็น เพราะว่าเธอเลือกมาก ไม่ใช่ละคร แต่เป็นเลือกพระเอก?
"ไม่ใช่ เลือกได้เหรอคะปกติ (หัวเราะ) มันเป็นโอกาสที่เข้ามามากกว่า แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่ได้เลือกนะ สุดท้ายแล้วเวลาแอนนาทำอะไรก็ทำเต็มที่ เลยอยากที่จะดูให้ละเอียดก่อนมันเหมาะกับเราไหมอะไรอย่างไร เราก็จะทุ่มเททุกอย่างให้เต็มที่ มันไม่ใช่ใช้คำว่าเลือกหรอก ใช้คำว่าไตร่ตรองมากกว่า"

เวลาเราเห็นข่าวดราม่าหรือข่าวเปรียบเทียบ ไม่รู้สิ มันเหมือนเป็นการชิงดีชิงเด่นกันหรือเปล่า แต่มันเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ คิดอย่างไรบ้างที่มันเกิดกระแสพวกนี้?
"แอนนาว่าเรารู้จักเวทีของเราดีที่สุด เรารู้บริบทเวทีเราอย่างไร มันไม่มีอะไรจะเหมือนกันไปทุกเรื่อง หรือแตกต่างกันไปซะทุกเรื่อง สุดท้ายเวทีนางงามคือการได้เชิดชูเกียรติผู้หญิงคนนึง อันนี้เรามีเป้าหมายเดียวกัน สุดท้ายคาแรกเตอร์ในการเลือกนางงามอาจจะต่างกันก็ได้ คนเลยจะไปโฟกัสตรงนั้น แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบคาแรกเตอร์ของแต่ละคนว่า คนนั้นดีกว่า คนนี่ดีกว่า แต่สุดท้ายมันไม่มีมาตรฐานว่า แบบไหนที่ดีที่สุด"

...

สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
"ไม่มีใครเลยค่ะ มีแต่ตัวเอง ตอนนี้รักตัวเองค่ะ"

แล้วกับพระเอกหนุ่มช่องนั้นล่ะ?
"ช่องไหน บอกหนูสิ จะได้รู้ ไม่มีค่ะ"

เขาว่ามีพระเอกช่องนึงตามจีบอยู่จริงไหม?
"คิดอยู่ ใครเนี่ย (หัวเราะ) ไม่มี (เป็นไปได้อย่างไรสวยขนาดนี้?) หนูว่าคนอื่นเขากลัวหนูคิดว่าหนูดูเข้าถึงยากมั้งคะ"

อยากบอกอะไรหนุ่มๆ ที่กำลังสนใจเราบ้าง?
"คิดว่าถ้าเรามีไลฟ์สไตล์ตรงกัน ก็มาทักทายเป็นเพื่อนกันได้นะ"

มีสเปกที่แอนนาชอบไหม?
"ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเราอินกับอะไรมากกว่าค่ะ ถ้าติดซีรีส์เกาหลีอาจจะชอบขาวๆ ตี๋ๆ ถ้าติดซีรีส์ฝรั่งก็จะชอบแบบฝอๆ ค่ะ"

เอางี้ดีกว่า ใช้สเปกแบบนี้ไหม (ทีมงานยื่นรูปหนุ่มในโทรศัพท์ให้แอนนาดู)?
"อร้าย เดี๋ยวก่อน รู้มาจากไหน (หัวเราะเขิน) ใครบอกมา รู้ได้ไงอ่า เอาดีๆ ใครบอก ไม่ๆ"

เธอต้องตอบคำถาม แล้วอย่างนี้ใช่ไหมมาเลย?
"อร้าย เป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันได้ค่ะ (หัวเราะ)"

...

มีคนเขาเม้าท์มา แอนนาเดี๋ยวนี้หยิ่งไม่เหมือนเดิม?
"แล้วพี่รักหนูไหมคะ (ยิ้ม) ไม่หรอก มันอยู่ที่สถานการณ์มากกว่า ถามว่าตอนนี้แอนนายังรู้สึกเหมือนเดิมกับทุกคนไหม แอนนายังรู้สึกเหมือนเดิม แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่มันมีมากขึ้นแล้วกัน มันอาจจะทำให้ทุกคนมองว่าเราปรับตัวเปลี่ยนไปหรือเปล่า เพราะว่าหลังกล้องแอนนาก็ยังเหมือนเดิม เพื่อนแอนนาก็ยังติดต่อกันเหมือนเดิมค่ะ เหมือนเดิมเลยค่ะ และยังสังสรรค์ได้นะคะ (ยิ้ม)"

เคยมองบ้างไหมว่า ชีวิตมันมีขึ้นสุดลงสุด วันนึงมันจะหายไปกับตา เรามองเรื่องนี้อย่างไร วางแผนบ้างไหม หรือมองว่าเราเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ฉันไม่มีวันลง ฉันจะเป็นดาวค้างฟ้า น้องมาเรื่องนี้อย่างไรคะ?
"มองเหมือนกันเลยพี่แพรรี่ ตั้งแต่แอนนารับมงกุฎ และปฏิบัติหน้าที่มาเรื่อยๆ จนถึงวันที่เราลงมาจากสนามต่างประเทศ มีวันนึงที่เรานั่งร้องไห้ ตอนที่จะเปลี่ยนเครื่องมาที่ไทย ร้องกับพี่เลี้ยงเลยค่ะ แล้วพูดคำเดียวเลยว่า หนูทำอะไรต่อดี เพราะว่าหนูรู้เลยว่า หลายอย่างที่เราได้มาชั่วข้ามคืน มันเป็นสิ่งเหมือนพลุแล้วกัน สักวันนึงมันต้องลงมาเรื่อยๆ ทุกคนวันนี้ชื่นชม อวยเรา จำว่าเราคือแอนนาเสือได้ วันนึงที่มีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ คนก็จะไปโฟกัสกับคนใหม่เรื่อยๆ วัฏจักรมันเป็นแบบนี้ล่ะกัน แอนนาเลยพยายามหาช่องทางอื่นๆ ที่ทำให้ตัวเองเป็นเหมือนว่าว พลุดังก็หล่น แต่ว่าวมันยังลอยไปเรื่อยๆ มันไม่เทียบเท่าพลุ แต่แอนนาว่ามันยั่งยืนกว่า"

แสดงว่าแอนนาวางแผนตัวเองไว้ตลอด หาลู่หาทาง ไม่ได้หยุดตัวเองแค่นี้?
"ใช่ค่ะ อย่างที่บอกเรายังไปได้ไกลกว่านี้ แค่อายุ 24-25 ปีเอง มันมีอะไรต่างๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่รู้มันคืออะไร มันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะค้นหามันต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ".