กว่าเราจะสามารถนัดนางเอกสาว แมท ภีรนีย์ คงไทย มานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพิธีกรจอมขยี้ Thairath Talk ได้สำเร็จ ก็ใช้เวลานานเป็นปี แต่เราการันตีกับแมทไว้ชัดเจนว่า เราจะคุยกันด้วยความจริง เล่าแบบไม่เตรียมสคริปต์ ประชาชนทั่วไปสงสัยอะไรเราขอถาม แมทอยากบอกอะไร สามารถเล่าได้โดยเราจะไม่ตัดต่อให้เสียอรรถรส บทสัมภาษณ์นี้อยากให้ผู้ชมเปิดใจให้กว้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา และยืนยันอีกครั้ง แมทไม่เคยพูดประเด็นละเอียดอ่อนเช่นนี้ที่ไหน หลั่งน้ำตาแห่งความทุกข์ Thairath Talk ที่แรก  

"อยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่าก่อนที่จะไปถึงกระบวนการศาล มันต้องผ่านการคิด การทำงาน การไตร่ตรองเยอะมากๆ

เหมือนศาลเป็นที่สุดท้ายแล้ว ที่เราจะพึ่งได้"

แมท ภีรนีย์ กล่าวกับเราด้วยเสียงอันสั่นเครือ และดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา

...

ความสูญเสีย 2 ปี-จมความทุกข์

Thairath Talk : เป็นช่วงเวลา 2 ปี คุณอยู่กับภาวะแบบนี้ ตั้งรับอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ตอนแรกก็เขวค่ะ ก็เขวอย่างที่เห็น เชื่อว่าทุกคนก็เห็น ว่ามันเป็นอะไรที่แบบ เหมือนพูดง่ายๆ แรงมา เราก็แรงกลับอะไรแบบนี้ น้ำเชี่ยวเราก็เอาเรือไปขวาง ซึ่งก็ได้รับบทเรียน ได้เรียนรู้ อาจจะเพราะเราโชคดีที่เราค่อนข้าง... ไม่ได้ถึงกับศึกษาธรรมะ เราค่อนข้างเข้าใจความเป็นไปของโลกมนุษย์นี้ได้ง่ายๆ เมื่อเรามองเห็นแล้วว่าต้นเหตุของทุกข์มันคืออะไร เราเห็นว่าสาเหตุมันเป็นแบบนี้ ผลจึงเป็นแบบนี้ โอเคเมื่อเรารับรู้แล้ว เราก็หยิบมันวางลง พอวางลง เราก็ไม่หนัก

Thairath Talk : เขาร้องไห้ ณ วันนั้นแค่วันเดียว แต่คุณร้องไห้มา 2 ปี มันเทียบกันไม่ได้หรือเปล่า

ใช่ แต่ว่าก็เอาเป็นว่าแมทเข้าใจดีกว่า แมทเข้าใจ เพราะว่าจริงๆ แล้วเขาก็ได้รับข้อมูลที่ผิดมา จริงๆ แมทคิดว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้าย แต่ด้วยความอิน หรือด้วยความที่เขาอาจจะชอบดู ชอบติดตามเรา มันก็เลยทำให้เขาเข้าใจผิด

คำด่าไฟลามทุ่ง-น้ำตาความแข็งแรง

Thairath Talk : ที่ผ่านมาที่เกิดเรื่องราว มีสักวินาทีไหมที่เรารู้สึกว่า น่าจะเป็นที่ฉันบ้างแหละ สัก 5% 10% มีบ้างไหม

โห เป็นที่แมทเลยค่ะ ไม่ใช่ 5% อย่างที่บอกว่าสัมภาษณ์ครั้งแรก แน่นอนสิ ฉันไม่ได้ทำหนิ อยู่ดีๆ มาว่าฉันเสียๆ หายๆ ว่าพ่อว่าแม่แบบนี้ ใครจะไปยอม โอเคพอครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 รู้ละอย่างที่แจ้งว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง ปล่อยให้น้ำมันสงบลงก่อน แล้วค่อยชี้แจงหรืออะไรก็ว่าไป ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ เรียนผูกต้องเรียนแก้เองค่ะ

ที่บัลลังก์ศาลท่านถามแมทเหมือนกันว่า อ้าวคุณเป็นดาราหนิ คุณรับคำวิจารณ์ไม่ได้เหรอ แมทตอบกลับศาลท่านไปว่า ใช่ค่ะ แมททำอาชีพเป็นดาราก็จริง แต่ถ้าวิจารณ์แมทในเรื่องผลงาน ว่าแมทเล่นละครไม่ดีเลยเรื่องนี้ เล่นไม่สนุกเลย เดินไม่สวย ไม่ชอบ ถ้าแมทฟ้องศาลอันนั้นก็ว่าไปอย่าง แมทยินดีรับความชอบหรือวิจารณญาณจากท่านผู้ชมอยู่แล้ว เพราะว่าอย่างหนึ่งที่มันมีประโยชน์คือ เขาบอกเราหลังค่อม เรามาเดินให้หลังตรงขึ้น อันนั้นคือสิ่งที่มีประโยชน์ และไม่ได้ทำร้ายต่อตัวแมทหรือใครเลย

"แต่ครั้งนี้มันน่าเสียใจอย่างหนึ่งตรงที่มันไม่ได้ทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว มันทำร้ายคนรอบข้างไปหมดเลย ทุกๆ คำพูดที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันไม่ได้เป็นการสนับสนุนใครเลย มันเป็นการทำร้ายทุกคน ทุกฝ่ายอย่างย่อยยับไปหมดเลย"

...

อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าส่วนของครอบครัวแมทก็โอเค อันนั้นเป็นตัวอย่างที่แมทอยากแชร์ แต่ไม่เป็นไร เพราะเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง และครอบครัวแมทจัดการเองได้ไม่เป็นไร แต่อย่างที่บอกว่าคนอื่นที่เขาไม่สมควรโดน เช่น พอเรารับละคร ผู้จัดโดนว่า พระเอกโดนติไปด้วย เราก็รู้ว่า เฮ้ยไม่ใช่ละ เราทนไม่ไหว ใจเราไม่แข็งพอที่จะไปทำงานอยู่ในสังคมที่เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาได้รับผลกระทบไปด้วย อันนี้คือสิ่งที่แมทจัดการไม่ได้ ถ้าแมทโดนกับตัวเอง เสียใจไหมเสียใจ ร้องไห้ก็จบ แต่สิ่งหนึ่งที่ยอมไม่ได้คือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาโดนไปด้วย มันไม่ได้ ไม่ถูกต้อง และไม่ยอมให้เกิดขึ้น (ร้องไห้)

Thairath Talk : เรื่องราวต่างๆ อย่างที่บอก อย่างเคสหลานอาจจะเป็นหนึ่งเคสที่คุณเล่า แต่มันมากกว่านั้นมาก หลายเรื่องก็เล่าไม่ได้

ใช่ ไม่อยากเล่า คือพูดตรงๆ ว่าที่แมทผ่านมาถึงจุดนี้ แมทก็งงตัวเองเหมือนกันนะ (ยิ้มเศร้า) เข้าใจได้ดี ทำใจได้ดี ปล่อยวางได้ดี ให้อภัยได้ดี รู้สึกภูมิใจในส่วนนี้ของตัวเอง แต่ถ้าคนที่โดนคนนั้นมันไม่แข็งแรงเท่าแมท จะเป็นอย่างไร

อย่าเป็นทาสเรื่องเท็จ-ชีวิตใหม่ ‘แมท ภีรนีย์’

Thairath Talk : วันนี้มีทั้งหมดกี่คดีคะ ที่ฟ้องไป

วันนี้มีทั้งหมด 11 ท่านค่ะ

Thairath Talk : 11 ท่าน หลังจากนี้ก็จะมีอีก

คือตอนนี้ทุกๆ อย่างมันดีขึ้นมากแล้วค่ะพี่เรย์ แมทคงต้องรอดู อย่างที่บอกรอดูท่าที

...

Thairath Talk : หลายคนก็มีหน้าที่การงานที่ดีมากก็มาคอมเมนต์ มาบอกเจตนาว่าพลั้งเผลอไป มีใจอ่อนบ้างไหม

ใจอ่อนตลอด แต่ก็ต้องหักห้าม ห้ามใจอ่อน คือไม่ใช่ว่าไม่มีเมตตานะคะ เมตตาทางใจก็มีให้เต็มๆ 100% อย่างที่ยืนยันไป แต่มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักมาก ถ้าเกิดแมทให้เขาผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่าย โดยที่ไม่ได้รับบทลงโทษ มันก็จะไม่มีตัวอย่างสำหรับคนทั่วๆ ไปอีกเยอะๆ ที่จะโดนโจมตี

"อย่างที่บอกว่าแมทเข้าใจ เข้าใจจริงๆ ว่าจะให้มันตามหาว่าจริงไม่จริง มันก็คงยากถูกไหมคะ แต่แมทว่าต้นตอ คือสื่อหลายๆ แขนง แมทว่าน่าจะมีความพอประมาณ เท่าที่แมทตามดูทุกช่องทาง ถ้าเกิดเป็นข่าวเรามันก็จะมีกดอีโมติคอนที่เยอะ แชร์ที่เยอะมากกว่าปกติไปหลายเท่า เข้าใจว่ามันเป็นอะไรที่หอมหวาน ที่โลกออนไลน์ตรงนี้มันกำลังเป็นไปอยู่ แต่ว่าอย่าไปเป็นทาสของมันอ่ะค่ะ ต้องมีวิจารณญาณนิดนึง"

Thairath Talk : วันนี้ยังไถดูทุกคอมเมนต์ ทุกบทความที่เกี่ยวกับเรา

ก็ดูนะคะ ก็ยังดูเหมือนเป็นบำบัด ก็ดูว่าเขาคิด เขาอะไรยังไง อ่านคำด่านั่นแหละเป็นการบำบัดอย่างนึง (หัวเราะ)

Thairath Talk : อยากจะบอกอะไรกับพวกเขา ถ้าสื่อสารผ่านรายการ Thairath Talk ได้เชิญเลยค่ะ

อยากให้ค่อยๆ ดู เพราะสื่อก็เป็นดาบ 2 คม เราจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขานำเสนอนั้นมันจะจริงหรือไม่จริง สื่อบันเทิงแมทเข้าใจ จะมานั่งคำนวณวิทยาศาสตร์มันก็ไม่ใช่ มันก็เสพเป็นความสนุก เอาไปเม้าท์กับเพื่อนเป็นการผ่อนคลายในชีวิต เหมือนเราดูละคร ก็เอาแบบพอประมาณ และอย่าอินเกินในสิ่งที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้

Thairath Talk : หยุดไป 2 ปีนะแมท คุณสูญเสียโอกาสไปมากมายมหาศาล แต่แมทมองเห็นข้อดีของการหยุดงานในวงการบันเทิงไปของเราบ้างไหม

...

ในสิ่งที่เสียไปมันก็ได้อะไรกลับมาอยู่เหมือนกันนะคะ มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่แย่ขนาดนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อนานมากแล้ว ตอนแมทอายุ 20 กว่า แมทรู้สึกอิ่มตัว รู้สึกอิ่มตัวในวงการ คือเรารู้สึกว่าเรา Handle การเป็นดาราได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรารู้จักแค่ที่จะเล่นละคร แสดงละคร และเรารู้สึกเราทำได้ดี เรามีพัฒนาการ เราพอใจในผลงานตัวเอง และทุกคนก็ชื่นชอบ แต่ถามว่าการเป็นดาราที่ไม่ใช่นักแสดง อันนั้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับแมท

Thairath Talk : 2 ปี ก็ได้ตรึกตรองแล้ว หลังจากนี้ก็จะทำให้ดีขึ้น

แน่นอนค่ะก็จะทำให้ดีขึ้น ก็ไม่ถึงกับคิดผิดนะคะ แต่เราก็คิดว่าเราตัดสินใจถูกประมาณหนึ่งที่เราอยู่นิ่งๆ อยู่นิ่งๆ ของเราหน่อยดีกว่า ก็ออกไปทบทวนตัวเอง หลายๆ คนอาจจะมองว่า ณ วันนี้ ณ วันที่แมทมาออก Thairath Talk หลายๆ คนอาจจะเซอร์ไพรส์ เพราะแมทเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แมทตัดสินใจมา เพราะว่าอย่างที่บอกว่าแมทพยายามปรับตัวให้อยู่ได้ เป็นดาราด้วย เป็นนักแสดงด้วยให้ได้ดีที่สุด

"เมื่อก่อนตอนที่เราเป็นเด็กน้อย เราจะรู้สึกว่าก็เราเป็นแบบนี้แหละ เราไม่ต้องสร้างภาพ แต่เมื่อโตมาเราได้เรียนรู้ว่า ถ้าภาพที่เราสร้างมันเป็นภาพที่ดี มันก็ควรทำไว้บ้าง เพราะว่ามีคนข้างนอกนั้นที่อาจจะชื่นชมหรือมองเราเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับใคร

พอพูดอย่างนี้เราก็รู้สึกว่า เราน่าจะไปทำคุณค่าให้กับใครไม่มากก็น้อย"