"เธอร่าเริง สดใส ยิ่งกว่าที่เราเห็นในทีวีหลายเท่า" นี่คือสิ่งที่เราคิดในใจพลันยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงการได้พูดคุยกับเธอในวันนั้น เรากำลังพูดถึงสาวสวย หน้าหวาน หน้าละม้ายคล้ายนางเอกชื่อดังอย่าง 'แอฟ ทักษอร' เธอไม่ใช่นางเอก หรือนักแสดง แต่เธอคือ 'ลัท นลัท จิรวีรกูล' หรือ 'ลัท มาสเตอร์เชฟ' รองแชมป์จากรายการสุดฮอต MasterChef Thailand ซีซั่น 2 ที่กวาดเรตติ้งถล่มทลาย
ถึงแม้ Thairath Talk Fresh จะไม่ได้คุยกันในช่วงที่เธอกำลังฮอตสุดๆ แต่เราเชื่อว่าการได้พูดคุยกันในครั้งนี้ หลายคนจะได้เห็นมุมใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนอย่างแน่นอน 'ลัท มาสเตอร์เชฟ'
Thairath Talk : เมนูแรกในชีวิต
ปกติเราชอบทำอาหารไทย เมนูแรกในชีวิตที่ทำคือน้ำพริกอ่องค่ะ ยกออกมาปุ๊บ ป๊าถามว่านี่มันน้ำพริกอ่องหรือซุปมะเขือเทศลูก (หัวเราะ) วันนั้นเป็นข้าวเย็น กินข้าวเย็นกัน แล้วอยากลองทำน้ำพริกอ่อง แต่ใส่น้ำเยอะไปกลายเป็นซุปมะเขือเทศเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นน่าจะประมาณ 10 กว่าค่ะ
...
จริงๆ ชอบทำขนม อาหารมาบ้างประปรายเป็นครั้งคราว ลัทชอบทำอาหารตั้งแต่เด็ก คือถ้าคนที่เขาไม่ชอบเขาก็จะไม่เข้าครัวเลย อันนี้ก็จะมีบ้าง ช่วยคุณแม่เป็นลูกมือ ที่บ้านจะทำอาหารกินเอง
Thairath Talk : ความฝันวัยเด็ก ด.ญ. ลัท ใช่เชฟไหม
ถามว่าความฝันตอนเด็กอยากเป็นเชฟไหม ตอนนั้นฝันว่าอยากเป็นสถาปนิก เรามีความชอบในด้านศิลปะ แล้วก็ฝึก drawing วาดรูปตลอดเวลา เลยเลือกเรียน ICT สาขาออกแบบ ที่เราเรียนคือเรียนทำการ์ตูน เราเปลี่ยนมาหลายอย่างทำให้เราได้ความรู้หลายๆ อย่าง อย่างตอนที่ไปเรียนศิลปะ เราก็ได้ใช้ความรู้ของศิลปะมาใช้ในการทำอาหารเช่นกัน อย่างการจัดจานอะไรแบบนี้
Thairath Talk : สถาปนิก ทำการ์ตูน ทำอาหาร ชอบอันไหนมากสุด
ถ้าถามว่าชอบอันไหนมากกว่ากันก็คงจะเป็นเรื่องของอาหาร ที่ผ่านมาเราเหมือนพยายามหาตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราชอบอะไร จนมาหยุดที่ตรงนี้คือการทำอาหาร ขนม
Thairath Talk : มีคนทักไหมว่าหน้าเหมือน แอฟ ทักษอร
(หัวเราะ) มีค่ะหลายคนบอกว่าหน้าเหมือนพี่แอฟ ทักษอร ได้ยินแล้วรู้สึกว่าสงสารพี่แอฟ (หัวเราะลั่น) ก็บางมุมมั้ง แต่พี่แอฟจะตาโตกว่า เราก็จะแบบตาตี่ๆ (มีคนทักว่าเหมือนใครอีกไหม) เหมือนแพทตี้ค่ะ (หัวเราะ)
Thairath Talk : หน้าจอกับในจอเหมือนกันไหม
หน้าจอกับในจอลัทเหมือนกัน แต่ว่าที่คนดูทางบ้านเห็นอาจจะน้อยกว่าตัวจริงนิดนึง ความดีดอะ เพราะว่าเขาจะมีการตัดต่อไง ความดีดมากๆ เราจะไม่ออกไป (หัวเราะ)
Thairath Talk : ทำไมมาเข้าร่วมรายการมาสเตอร์เชฟ
เราอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ก็เลยตัดสินใจว่าลองดูแล้วกัน ลองส่งคลิปดู ให้ส่งคลิปทำอาหารใช่ไหมคะ ก็ส่งคลิปไปแล้วก็ตอนนั้นทำไป 2 อย่างค่ะ ทั้งอาหาร ทั้งขนมเลย ก็จะเป็นอะไรง่ายๆ ที่เราทำกินเองที่บ้าน ตอนนั้นทำ ไก่ย่างตะไคร้ (หัวเราะ) พูดแล้วก็เขินทำไปได้ยังไง เราทำกินเองบ่อยมากอันนั้นอะ คือเรามั่นใจมากว่ามันอร่อย อีกอย่างคือทำขนมใส่ไส้แต่ไม่ใช่แบบเดิมๆ คือเราทำเป็นแบบแยกออกมาแต่ละอย่างจัดแต่งในจาน
...
Thairath Talk : ได้ยินมาว่ามีหมอดูทักให้มาเข้าร่วมรายการ
ใช่ค่ะ มีหมอดูแนะนำ เขาบอกอยากให้ไปลองสมัครดู เขาพูดว่าหนูต้องไปสมัครรายการมาสเตอร์เชฟนะ ก่อนหน้านี้เราก็รู้จักมาสเตอร์เชฟอยู่แล้ว ทั้งในต่างประเทศและประเทศไทย เราไม่คิดว่าจะสมัครเลยเพราะเรารู้ว่ามันเครียด แล้วมันกดดันมากๆ คือตอนนั้นเราหาแต่ safe zone ของเรา เราจะไม่ออกมา เขาก็พยายามผลักดันเรา
Thairath Talk : ตอนนี้เรียกตัวเองว่าเชฟได้หรือยัง
ตอนนี้ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเชฟเพราะว่าเชฟจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานที่สั่งสมประสบการณ์มานาน ของเราแค่เป็นจุดเริ่มต้นเอง
Thairath Talk : สิ่งที่กดดันที่สุดในรายการ
เวลาค่ะ กดดันมาก บางทีเราคิดอะไรไม่ออกเลย อย่างเช่นว่าโจทย์ในแต่ละวัน โดยเฉพาะวันที่ถ้าต้องไปรู้ว่าวัตถุดิบเราจะได้อะไรอยู่ในครัว กลายเป็นว่าเรามีเวลาแค่ 3 นาทีวิ่งเข้าไปในครัวว่าเราจะได้อะไรที่เราต้องทำ แล้วเราต้องคิดให้ได้ ณ ตอนนั้นเลยภายใน 3 นาที ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยากมาก ปกติเราทำกับข้าวกินที่บ้าน เปิดตู้เย็นแล้วเปิดตู้เย็นอีก เราจะทำอะไรกิน อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงอะที่คิดเมนูออกมาว่าเราจะทำอะไร
...
Thairath Talk : ก่อนมาเป็น ลัท มาสเตอร์เชฟ ทำอะไรมาก่อน
ขายขนมออนไลน์ค่ะ ลัทขายพวกเค้กวันเกิดค่ะ ทำเป็นปั้นน้ำตาลฟองดอง ขายในไอจี เฟซบุ๊ก ก็เหมือนได้เอาความรู้ศิลปะของเรามาใช้ด้วย ตอนนั้นก็ยากลำบากค่ะ (หัวเราะ) มีกินบ้างไม่มีบ้าง ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ แต่คือ ณ ตอนนั้นขนมของเราได้รับการตอบรับที่ดีนะคะแต่ว่าคนในวงกว้างยังไม่รู้จักเรามันก็เลย เวลาที่คนเราสั่งเค้กวันเกิดอย่างน้อยก็ปีละครั้ง แล้วเขาจะวนมาสั่งเราอีกครั้งคืออีก 1 ปี แปลว่าลูกค้าเราน้อยมากในการที่จะซื้อซ้ำ พอมาในมาสเตอร์เชฟเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทุกๆ คนก็ให้ความสนใจเรามากขึ้น ก็ทำให้เราสามารถขายของได้ดีขึ้น อีกอย่างลัททำเองทุกขั้นตอนแต่ว่าจะมีน้องๆ มาคอยช่วยด้วย
Thairath Talk : ถ้าเปรียบตัวเองเป็นอาหารคิดว่าตัวเองเป็นอะไร
ถ้า ณ ตอนนี้เปรียบตัวเองน่าจะเป็นลาบหมูแล้วกัน เพราะว่าเราชอบกินอาหารไทยแล้วมันเป็นรสชาติที่ครบรส
Thairath Talk : ก็คือลัทเป็นคนครบรส
ใช่ ลัทมีทุกรส อร่อยมาก (หัวเราะ)
...
Thairath Talk : เสน่ห์ของการทำอาหาร
ลัทชอบเวลากิน เราชอบกิน กินทุกอย่างบนโลกนี้ กินไปด้วยออกกำลังกายไปด้วย แล้วเราก็เลือกอาหารที่กินแล้วไม่มันเกินไป กินแล้วไม่ทำให้อ้วนเกินไป
Thairath Talk : ข้อดีของการได้รองแชมป์ มาสเตอร์เชฟ
ชอบนะการที่ไม่ได้แชมป์ เหมือนการที่ได้แชมป์มันจะมีสปอตไลต์เป็นวง คือโดนส่องตลอดเวลา แต่ตอนนี้เราสบายตัวมากเลย เราอยากจะทำอะไรเราก็ทำได้ คือเราไม่ต้องแอ๊บว่า สวัสดีค่ะ ที่ 1 ค่ะ มันเป็นความบ้าของเราที่เราสามารถทำตัวได้อย่างสบายๆ
Thairath Talk : ถ้าตอนนี้ไม่ได้ทำขนม คิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่
น่าจะไปสายศิลปะค่ะ คือก่อนหน้านี้ที่ทำขนมที่เป็นเค้กปั้น ก็ปั้นการ์ตูนตลอด เพราะเราสเกตช์ให้ลูกค้าดู เราจะปั้นออกมาหน้าตาแบบนี้นะ ด้วยความที่เราเรียนการ์ตูนมา ลายเส้นของเราก็จะเป็นการ์ตูนตลอด ตัวที่ปั้นออกมาก็เป็นการ์ตูน
คือทุกอย่างที่เราผ่านมามันเอามาใช้ได้หมดเลย หลายคนอาจจะบอกว่าตอนนั้นทำขนมที่เรียนมาก็ไม่ได้ใช้สิ จะบอกว่าได้ใช้เยอะมาก แล้วก็เป็นโอกาสที่ดีมากที่เราได้เรียนศิลปะ
Thairath Talk : ทุกวันนี้อยากทำอาหารให้ใครกินมากที่สุด
ทุกวันนี้ก็คงทำให้แม่กิน เพราะแม่ทำให้เรากินเยอะแล้ว
Thairath Talk : อีก 5 ปีจะไปอยู่ในวงการไหน
ถ้าอีก 5 ปีลัทคิดว่าลัทก็ยังทำอาหาร ทำขนมอยู่นะ ตอนนั้นอาจจะเป็นบทบาทของเปิดร้านหรืออะไรแบบนั้นเลย เพราะว่าตอนนี้เราก็มีแพลนไว้อยู่ว่าเราอยากจะมีหน้าร้านด้วยเหมือนกัน