ประธาน ป.ป.ช. ชี้ปัญหาทุจริตในวงราชการ เป็นเสมือนมะเร็งร้าย เผย 1 เดือนมีเรื่องทุจริตกว่า 200 เรื่อง แนะแก้ปัญหาที่จิตใจคน หลังทุจริตสร้างความเสียหายในทุกด้าน...
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ปัญหา อุปสรรคในการทำงาน เพื่อป้องกันการทุจริตภายในประเทศ" ในงานมอบรางวัล "กำพล วัชรพล" สำหรับวิทยานิพนธ์ด้านสื่อสารมวลชน ประจำปี 2553 ว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นปัญหาที่สำคัญในปัจจุบัน ที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติในทุกๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และชื่อเสียงของประเทศ
โดยความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ จากการคำนวณงบประมาณในโครงการของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่เฉลี่ย 5-6 แสนล้านบาทต่อปี เกิดจากระบบจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส ทำให้มีความเสียหายมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และจากการสำรวจพบว่า 20% จากงบประมาณดังกล่าวต้องสูญเสียไปจากการทุจริต
ส่วนความเสียหายทางด้านสังคม การทุจริตจะทำลายหลักความเป็นประชาธิปไตย โดยการผูกขาดทางการเมือง ระบบราชการถูกทำลาย รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย พร้อมทั้งยังทำความเสียหายทางด้านความมั่นคง โดยทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย รัฐบาลขาดเสถียรภาพ และระบบยุติธรรมถูกทำลาย และการทุจริตยังสร้างความเสียหายทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ทำให้ประชาชนขาดจิตสำนึกในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และมีความเห็นแก่ตัว และยังทำให้ค่านิยม การทุจริตเป็นเรื่องที่ธรรมดาเกิดขึ้นอีกด้วย
"ยอมรับว่า การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไม่สามารถทำได้โดยง่ายและล่าช้า ขณะที่สถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำยิ่งทุจริต ใน 1 เดือนมีกว่า 200 เรื่อง แต่เราทำได้แค่ 20 เรื่องนั้น ก็ยอมรับว่า ป.ป.ช.ยังมีข้อบกพร่อง และยังต้องปรับปรุงการทำงานอีก"
ทั้งนี้ นายปานเทพ ยังกล่าวอีกว่า แนวทางการทำงานในปัจจุบัน เน้นที่ 1. การปลูกจิตสำนึก ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม 2. การรวมพลังเพื่อสร้างเครือข่าย "เมืองคนดี" 3. ปรับกฎหมายที่ใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน เช่น ให้การทุจริตไม่มีอายุความ และ 4. สร้างคนมืออาชีพมาทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต
"การปราบปราบการทุจริตในวงราชการ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลา และแก้ที่จิตใจของคนจำนวนมาก การแก้กฎหมายปราบปรามเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คนไม่ค่อยกลัวและกฎหมายมีขั้นตอนมาก กว่าจะเอาผิดได้ต้องใช้เวลามาก"
อย่างไรก็ตาม ประธาน ป.ป.ช. กล่าวสรุปว่า การปราบปรามต้องทำอย่างเข้มงวด ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุก็ตาม โดยเราจะแก้ที่ต้นเหตุ คือแก้ที่พฤติกรรมของคน จิตใจ กิเลส โดยอาศัยต้นทุนทางพุทธศาสนา โดยต้องสร้างครอบครัวและเยาวชนให้มีคุณภาพ ทั้งเก่งและดี และควบคุมคนพาลด้วย.
27 ธ.ค. 2553 19:02 น.