หมวย สุภาภรณ์ เผยป่วยเป็นไบโพลาร์ ดาราหลายคนเป็นโรคนี้แต่ไม่กล้าไปหาหมอเพราะกลัวคนว่าเป็นบ้า ป่วยหนักถึงขั้นเคยกรีดข้อมือและจะกระโดดหน้าต่างฆ่าตัวตาย แต่เพราะอยากหายเลยไปหาหมอ รักษาจนหาย แต่อาการทรุดหนักอีกครั้งหลังพ่อฆ่าตัวตาย และเลิกกับแฟน จนทำให้เกิดความเครียดสะสมมีอาการโรคคล้ายๆ โรคซึมเศร้า ต้องกินยาต้านเศร้า แต่ตอนนี้อาการป่วยดีขึ้นแล้ว โดยมีแฟนสาวหล่อที่คบมา 2 ปี คอยให้กำลังใจในทุกๆ เรื่อง

(เริ่มนาทีที่ 5) 

 

หลายคนคงจะจดจำนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง หมวย สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ ได้เป็นอย่างดี นางร้ายคนเก่งที่มีผลงานสร้างชื่อที่ทำให้กับตัวเองจนโด่งดังคือเรื่อง มงกกุฎดอกส้ม กับบทคุณนายที่ 3 แต่ในช่วงระยะหลังๆ งานแสดงต้องลดน้อยลงไป หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะมีดาราหน้าใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ แต่แท้ที่จริงแล้ว หมวยกลับป่วยเป็นไบโพลาร์ อาการหนักจนถึงเคยกรีดข้อมือฆ่าตัวตายมาแล้ว และจะกระโดดหน้าต่างลงไปข้างล่าง จนทำให้ต้องงดรับงานเพื่อไปรักษาตัว ซึ่งในวันนี้ หมวย สุภาภรณ์ ได้มาพูดคุยแบบเปิดใจในรายการคุยเช้า Show ที่ออกอากาศทางช่อง one31 ซึ่งสาวหมวยเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า 

“ที่ผ่านมาไม่ได้หายไปไหนแต่รับละครเป็นช่วงๆ เพราะว่าป่วยเป็นไบโพลาร์ดิสออเดอร์ ที่คล้ายๆ โรคซึมเศร้า ที่ดาราฮอลลีวูด ดาราบ้านเราเป็นเยอะ แต่ว่าไม่เปิดเผย เพราะกลัวคนจะหาว่าเป็นบ้า ไปหาหมอโรคจิต แต่จริงๆ แล้วเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะเจ็บหูเจ็บตาต้องไปหาหมอ มันไม่สามารถหายได้เอง ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ หมวยต้องทานยาต้านเศร้า

...

ถามว่ามันเกิดมาได้อย่างไร มันเป็น 3 พาร์ท พาร์ทแรกคือก่อนคุณพ่อตาย ซึ่งตอนนั้นงานเยอะมาก ทุกคนก็คิดว่างานรุมแล้วเราจะมีความสุข แต่จริงๆ เราไม่มีความสุข ทุกอย่างมันบีบรัดตัวเรามาก เราไม่รู้ว่าความเครียดสะสม และตอนนั้นเลิกกับแฟน ก็มีอาการอยากฆ่าตัวตาย และตอนนั้นโปแตสเซียมตก ก็ถูกนำตัวส่งห้อง ICU แต่รับไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ในห้องที่มีแต่คนพร้อมตาย พอออกมาก็ได้คุยกับจิตแพทย์ ว่าทำไมถึงอยากจะฆ่าตัวตาย

และพ่อของหมวยยิงตัวตาย หมวยช็อกมาก จนพูดแค่ว่า พ่อตายแล้วๆ อยู่ 3 วัน มันไม่รู้ตัว เพราะอาการของโรคมันกำเริบ จริงๆ มันหายไปแล้ว แต่มันกำเริบขึ้นมาใหม่ มันเป็นโรคที่เครียด ผิดหวังเรื่องที่ไม่คาดคิดดกิดขึ้นกับตัวเรา คือเลิกกับแฟน แล้วพ่อยังมาเสียชีวิต ยิ่งผิดหวัง หนัก รับไม่ได้

พี่ได้ยินเสียงปืนอยู่คนละบ้าน น้องวิ่งมาบอกว่าพี่หมวย ดูพ่อหน่อย พ่อยิงตัวตาย พอลงมาก็เดินไปหาแม่ แม่ก็ร้องไห้ แล้วเค้าก็กันนักข่าวเยอะ ป่อเต็กตึ๊งเยอะมาก ตอนนั้นไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับมือ แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับตัวเอง คุยกับตัวเอง

ถามว่าพ่อเป็นไบโพลาร์มั้ย คือทุกคนสรุปว่าคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง แล้วคงรับไม่ได้ ส่วนตัวหมวยรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเป็น และควรไปหาหมอ คือมีอาการมีความสุขมาก แทบจะอยากจุดพลุ แต่ถ้ามีอะไรสะกิดปั๊บมันจะดิ่งลงมา รู้สึกว่าต้องฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้ และเคยพยายามทำมาแล้ว เพราะไม่อยากอยู่แล้ว เบื่อ ไม่มีเหตุผลไปมากกว่านี้ กรีดข้อมือตัวเอง ให้เลือดไหล ตอนนั้นพ่อยังไม่เสีย พ่อมาเห็นก็พาส่งโรงพยาบาล

แต่หลังคุณพ่อเสีย ก็มีอะไรถาโถมเข้ามา ได้แฟนก็ได้แฟนห่วยๆ แย่มาก ก็เลยเป็นเรื่องผสมรวมกัน ก็เกิดอาการรับไม่ได้ วันนึงมองลงไปนอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงกระซิบจริงๆ นะ ไม่ได้เพ้อ ถนนมันพูดกับเราว่าหมวย ลงมาสิ ตรงนี้นิ่มนะ แล้วหมวยก็เชื่อมัน หมวยก็ตะเกียกตะกายปีนหน้าต่างออกไป แล้วพี่เลี้ยงก็ดึงบอกจะไปไหน ซึ่งเราไม่รู้ตัว และหมวยไม่ได้เมา หมวยถือศีลห้า หมวยไม่ได้ดื่ม

รู้สึกว่าเริ่มรับมือไม่ไหวก็เลยไปหาหมอดีกว่า และได้รับคำตอบว่าไบโพลาร์หายไปแล้ว แต่มีความเครียดอื่นเข้ามาสะสม มีโรคคล้ายๆ โรคซึมเศร้าอันนึง แต่ยังไม่หนักเท่าซึมเศร้า ไม่ต้องกินยาต้านเศร้า แต่กินยาคลายความเครียด คลายความวิตกกังวล แล้วก็มี IBS เป็นของแถม ถ้าเวลาเราเครียด ระบบลำไส้เราจะแย่มาก จะถ่ายตลอดเวลา เศร้าตลอดเวลา แต่เราก็สู้ใส่แพมเพิร์สเดินห้าง อยากกลับมาหาย

หมอบอกว่า ถ้าอยากจะหายไปกับหมอ แต่ถ้าไม่อยากหายก็ต้องกินยาไปชั่วชีวิต ใครจะอยากกินยาชั่วชีวิต ไบโพลาร์หายได้ ถ้าพร้อมเปิดใจและมีคนรอบข้างที่ดีและเข้าใจ เหมือนพากินสัน อัลไซเมอร์ ตอนที่ป่วยเป็นไบโพลาร์คุณพ่อดูแลอย่างดี กินนอนเป็นเวลา เวลานอนน้องก็จะมาเช็กดูว่ายังหายใจอยู่มั้ย

...

ตอนเป็นไบโพลาร์มันจะกลัวกลางคืน เหมือนคนโรคจิต พอมืดปั๊บต้องเข้าบ้าน มันไม่ปลอดภัย ต้องเข้าบ้านเดี๋ยวนี้ ต้องกินยา ส่วนเรื่องอารมณ์มันก็มีเวลาคนพูดให้เราโกรธ เราอาจจะโกรธแค่ระดับ 5 แต่ถ้าคนที่เป็นโรคนี้จะโกรธระดับ 100 ทีมงานไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยมีใครมานั่งถามว่าเราเป็นอะไร ไม่ได้ใส่ใจให้โอกาสเรา ก็พูดว่าเค้าก็เป็นแบบนี้ เหวี่ยงวีนแบบนี้ ก็กระทำต่างๆ นาน แบบนี้

คนก็คิดว่าหมวยเป็นคนบ้า แฟนห่วยๆ ของหมวยก็คิดว่าหมวยบ้า หมวยไปถามหมอเลยนะและได้รับการยืนยันว่าหมวยไม่ได้บ้า แค่สารเคมีในสมองมันไม่เท่ากัน จึงต้องพาตัวเองไปรักษา และหลังจากที่รักษาก็ไม่เคยมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพราะปฏิบัติธรรมด้วย และร่วมมือกับหมอด้วย และบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเรื่องนี้ก็ผ่านไป ไม่เป็นไรเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ต้องคิดบวก ถ้าคิดลบมันไม่เกิดประโยชน์

ตอนนี้หมวยมีคนดูแลแล้ว ไม่ห่วยแล้ว ไอ้บ้านั่นทิ้งตกน้ำไป คนนี้เค้าใส่ใจ หมอเรียกเข้าไปคุย ว่าหมวยขาดยาไม่ได้นะ การที่จะอยู่กับคนที่เป็นโรคนี้ต้องทำตัวอย่างไร เค้าใส่ใจ ดูแลจัดยาอาหารการกิน ใส่ใจความรู้สึก หมวยว่าหมวยโชคดี แต่คนนี้เค้าไม่ใช่ผู้ชาย เป็นผู้หญิง แต่หมวยไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ เป็นทอม ดี้ ตอนนี้ชีวิตโอเคมากเลย

ตอนที่หายป่วยใหม่ๆ ยังไม่มีงาน แฟนหมวยนั่งให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีก 2-3 เดือนจะมีงาน อดทนนะ ฝ่าฟันไปให้ได้นะ ชีวิตมันไม่ได้ต้องการอะไร แค่มีคนที่ฝ่าฟันไปด้วยกัน หมอปลื้มเค้ามาก เค้าเป็นส่วนนึงที่ทำให้หมวยดีขึ้น ดีขึ้นมากๆ เข้าใจโลกมาก ตอนนี้คบกันมา 2 ปี”

...