ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นร้อนๆ บนโลกโซเชียลมีเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ คลิปแม่ค้าส้มตำที่มีลีลาท่าทางในการขายไม่เหมือนใคร และไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบเธอได้ เรียกได้ว่า นาทีนี้ต้องปูพรมแดง แหวกทางให้เธอเดินเฉิดฉาย
ไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปสัมผัสความแซ่บของแม่ค้าคนนี้ ที่ตำสะท้านวงการอยู่ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แถมยังมีชื่อร้านไม่เหมือนใครว่า "ตำแรดแซ่บนัว"
สาว ต๊อกแต๊ก พรปวีณ์ กิจทรัพย์บารมี เป็นแม่ค้าสาวนะจ๊ะ ที่เข้ารับราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งนักการเงิน กองคลัง เธอเริ่มต้นเล่าว่า ตัวเองก็เป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา เริ่มขายของตั้งแต่อยู่ ป.2 ตอนเช้าก็จะไปตลาดตั้งแต่ตี 3 มีรถซาเล้งสามล้อเป็นพาหนะประจำตัว คุณตาก็ปลูกแตงและถั่ว เราก็มีหน้าที่ไปขาย พอช่วง ม.ต้น ก็มาช่วยน้าขายผลไม้ โดยอาชีพหลักของครอบครัวคือการทำนา ทำสวน
ปัจจุบัน วันจันทร์-ศุกร์ ทำงานตามปกติ และมีช่วงเวลาว่างคือ เสาร์-อาทิตย์ จึงคิดอยากหารายได้เสริม ทำสนุกๆ ประกอบกับมีคนมาทัก ว่าเราสามารถขายของที่เป็นเส้นขาวๆ ได้ ขายผ้าไหมได้ และแนะนำให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพราะชื่อเดิมคือ พรชัย สมสุข ก็เลยลองเปลี่ยน และเริ่มเปิดร้านขายของนั่นเอง
...
ต๊อกแต๊ก เล่าอีกว่า ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นจุดแรกที่เรามอง เนื่องจากเป็นตลาดที่เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เราใช้ สวอต (SWOT) มาวิเคราะห์ ดูโอกาส จุดอ่อน จุดแข็งในการขายของ ว่าสามารถดึงลูกค้าได้มากที่สุดหรือไม่ และเลือกที่ไม่ไกลจากที่พัก เพราะจะได้ไม่เปลืองต้นทุน และค่าใช้จ่ายของเรา
"ตัวหนูเองเป็นคนชอบกินส้มตำ ชอบทำส้มตำกินเอง ถึงขนาดทำน้ำปลาร้าแช่ตู้เย็นไว้ในห้อง แล้วไปทำกินกับเพื่อนๆ แม่ค้าด้วยกัน หลายคนก็ชมว่าเราตำอร่อยกว่าคนอื่นที่ขายด้วย"
ทั้งนี้ ช่วงแรกก็ขายแค่น้ำ ชา กาแฟ เพราะตอนนั้นตลาดน้ำบางโซนไม่ให้ขายของซ้ำกัน แต่พอมีแม่ค้าด้วยกันชมว่า เราตำส้มตำอร่อย จึงปิ๊งไอเดีย ขอทางตลาด ขายส้มตำควบคู่ไปด้วย โดยมีกลุ่มลูกค้าก็คือ แม่ค้าบริเวณใกล้ๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวันหนึ่งก็ใช้มะละกอแค่วันละ 10 กิโลกรัม หรือวันละ 1 ถุง
จากนั้นก็ได้ย้ายโซนขยับมาด้านหน้าอีกเล็กน้อย ก็เริ่มขายดีขึ้น 2 วัน จากมะละกอวันละ 10 กิโลกรัม ก็ขยับมาเป็น 50 กิโลกรัม ก็มีลูกค้าประจำ และมีกระแสบอกต่อถึงความอร่อยแซ่บของส้มตำร้านเรา และก็ได้ย้ายโซนอีกครั้ง ไปอยู่โซนที่เรียกว่า "โซนทำเลทอง" ที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมาก ก็ขายดีขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า จำได้ว่าวันแรกที่ขายส้มตำโซนนี้ ใช้มะละกอไป 65 กิโลกรัมเลย ก็ขายต่อมาเรื่อยๆ
"ด้วยเสน่ห์ของเราเอง ด้วยความเป็นแม่ค้า ก็จะเสียงดังสไตล์สาวประเภทสอง ยอมไม่ได้ค่ะ ต้องอลังการงานสร้างอยู่แล้ว ส่วนนี้ก็ช่วยเรียกลูกค้าให้เราได้ เรามีจุดขายของเรา ลูกค้าก็มีมาถ่ายรูป ถ่ายคลิปไปแชร์ต่อ ก็เลยเป็นที่พูดถึงในทุกวันนี้"
สำหรับเทคนิคการตำส้มตำของต๊อกแต๊ก คือ ต้องตำทีละครก ไม่ได้ตำทีเดียวมากๆ เพราะสไตล์การกินของลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ชิมทุกครกด้วย
...
นอกจากนี้ การเลือกวัตถุดิบก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าใครได้ลองซื้อก็จะรู้เลยว่า ร้านเรากำไรน้อย เพราะปกติทั่วไป ส้มตำจะได้กำไรกันครึ่งต่อครึ่ง แต่ของที่ร้าน ได้กำไรประมาณ 25% คือ ไม่เน้นกำไรมาก เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก
หัวใจสำคัญของต๊อกแต๊กคือ ต้องนึกถึงว่าลูกค้า คือคนในครอบครัว ทำเหมือนตอนเราทำกินที่บ้าน ก็ต้องเลือกวัตถุดิบให้ดีที่สุด คำหนึ่งที่เราใช้ได้อยู่คือ "ลูกค้าไม่โง่" ลูกค้าจะรู้เองว่าวัตถุดิบดีหรือไม่ดี มะนาวสดหรือไม่สด สิ่งสำคัญของส้มตำก็คือมะนาว และเราก็จะตัองใส่ใจในรายละเอียดทุกๆ อย่าง
...
"มีลูกค้าเคยถามหนูว่า แบบนี้จะได้กำไรไหม ก็เลยตอบไปว่า กำไรของเรา ก็คือความสุขของลูกค้า เมื่อเห็นลูกค้าได้กินของอร่อย จะมีความสุขมาก"
แม่ค้าสุดแซ่บทิ้งท้ายว่า อย่าให้ลูกค้ากินแล้วหนีไปเลย แต่เราต้องให้เขากินแล้ว ทำอย่างไรก็ได้ให้กลับมาซื้อที่เราอีก อันนี้คือ เคล็ดลับที่ท่องไว้เลย นอกจากนี้ จุดเด่นเรียกลูกค้าของเราก็ต้องมี สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ หาเอกลักษณ์ของเราให้เจอ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่เดินผ่านร้านเรามีรอยยิ้ม เจาะกลุ่มให้ได้ทุกเพศทุกวัย เน้นความน่ารัก เรียบร้อย และความเป็นตัวตนของเรา
เห็นอย่างนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่า ส้มตำแซ่บมาก อร่อยจนลูกค้าทุกรายต้องรีวิวและบอกต่อ และยอดขายแต่ละวันก็ไม่ใช่เล่น เพราะ ตำแรดแซ่บนัว มียอดขายมากกว่าวันละ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น สาวกส้มตำห้ามพลาด แวะไปชิม ลิ้มรสความแซ่บกันได้ที่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม รับรอง...แซ่บลืมแน่นอน
(ภาพจาก ต๊อกแต๊ก พรปวีณ์ กิจทรัพย์บารมี )
...
(คลิปวิดีโอจาก พัชระ ปราบพาล และ Joom Bevery)