“8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการบังคับใช้โทษประหารชีวิตจริงๆ และตามมาตรฐานของสหประชาชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนโลก ถือว่าในประเทศที่มีโทษประหารชีวิต แต่ไม่มีการบังคับประหารใครจริง ดังนั้น ในระยะ 10 ปี ให้ถือว่าไม่มีโทษประหาร”
ข้างต้นคือ การให้สัมภาษณ์ของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า โทษประหารชีวิตมีอยู่ในกฎหมาย แต่เราได้รับปากในที่ประชุมกรรมการสิทธิมนุษยชนที่เมืองเจนีวา ซึ่งขอร้องให้เรายกเลิก แต่เรายังยกเลิกไม่ได้ แต่ความผิดใหม่จะไม่กำหนดโทษประหารชีวิต และจะทยอยเปลี่ยนจากโทษที่บังคับให้ประหารชีวิตอย่างเดียว ให้มีทางเลือกจำคุกตลอดชีวิตได้
คุณคิดเห็นอย่างไร... โทษประหารมีไว้ขู่จริงหรือ...? แล้วมีกฎหมายไปเพื่ออะไร เมื่อไม่มีการหยิบนำมาใช้ หลายคำถามถูกยิงตรงมาที่ ปมคำถาม “โทษประหาร”
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า ประเทศไทยเรายังคงมีการบังคับใช้โทษประหารอยู่ แต่ก็ว่างเว้นมาแล้ว 8 ปี ซึ่งคดีท้ายๆ ที่ใช้วิธีการประหาร ถ้าจำไม่ผิดก็จะประมาณ 6 คน ซึ่งคดีที่มีโทษประหารก็คือคดียาเสพติด และ เกี่ยวข้องกับชีวิตและร่างกาย
...
อย่างไรก็ดี เมื่อถามว่า กรณีที่มีการว่างเว้นจากการประหารชีวิต 10 ปี จะถือว่ายกเลิกใช้ โทษประหาร ไปโดยปริยายหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านรองวิษณุ ให้สัมภาษณ์ ประมาณว่าประเทศใดว่างเว้น 10 ปี องค์การสหประชาชาติก็จะเคลมว่าประเทศนั้นไม่มีโทษประหารแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวบทกฎหมายนั้นไม่ได้เป็นอย่างนั้น โทษประหาร ก็ยังคงมีในกฎหมายอยู่จนกว่าเรายกเลิกกฎหมาย
เปิดขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิต....
นอกจากนี้ นายกอบเกียรติ ยังอธิบายขั้นตอนการฉีดยาสำหรับนักโทษประหารว่า ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมาก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะนำตัวมามัดไว้ที่เตียง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็นำยามาใส่ที่สายยาง 3 เข็ม ประกอบด้วย
เข็มที่ 1 ยานอนหลับ
เข็มที่ 2 ยาคลายกล้ามเนื้อ
เข็มที่ 3 ยาหยุดการเต้นของหัวใจ
ซึ่งวิธีการที่ใช้จะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เป็นผู้กดสวิตช์ เพื่อฉีดยาเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ใครก็ทำได้...
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องใช้เพชฌฆาตหรือไม่ นายกอบเกียรติ ตอบว่า “ใครก็ทำได้” พร้อมอธิบายว่า เดี๋ยวนี้เป็นเพียงแค่การกดปุ่มเท่านั้น ขณะที่สมัยก่อน เพชฌฆาตมีหน้าที่ลั่นไกอย่างเดียว โดยก่อนหน้านั้น จะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นนำปืนมาเล็ง นำฉากมากั้น จากนั้น เพชฌฆาต ก็เข้ามาและลั่นไกเพียงเท่านั้น ยิง...โป้ง จากนั้นก็เดินออก
“สมัยนี้ก็เหมือนกัน การฉีดยา ก็แค่..กดปุ่ม ซึ่งบรรยากาศภายในห้องนั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาดู อาทิ ตำรวจ จะเข้ามาดู พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อดูว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง ไม่ใช่นำคนอื่น หรือผิดตัวมาประหาร นอกจากนี้ ก็มีผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ส่วนญาติของผู้ต้องหา เขาไม่ให้เข้าดู ส่วนเรื่องอาหารมื้อสุดท้าย ก็มีการจัดให้ตามธรรมเนียม มีพระมาสวดมนต์ให้ฟังเทศนา รวมถึงการเขียนพินัยกรรม”
สุดท้าย ทีมข่าวฯ ถามว่า ตำแหน่ง เพชฌฆาต จะถูกยกเลิกหรือไม่ ในเมื่อไม่มีอะไรทำมา 7-8 ปีแล้ว อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เพชฌฆาตก็คือเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เขาก็มีงานที่เขาทำมากมาย เช่น การควบคุมดูแลนักโทษ ฝึกอาชีพผู้ต้องขัง เพียงแต่ถึงเวลาประหาร บางคนก็ไปทำหน้าที่แทงสายน้ำเกลือเพื่อบรรจุยา 3 เข็ม บางคนก็ทำหน้าที่กดปุ่มประหาร จะว่าไป “เพชฌฆาต” ก็เหมือนงานชั่วคราว ไม่ได้มีตำแหน่งนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว คนก็พูดไปตามนิยาย หากมีจริงๆ ตำแหน่งนี้ก็คงนอนสบาย อ้วนอยู่ในเรือนจำ เพราะไม่ได้ทำอะไรมา 8 ปีแล้ว
โทษประหาร...ควรจะมีต่อไปหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ เพราะเราต้องวางตัวเป็นกลาง คนที่เห็นด้วยกับการประหาร เขาก็มีเหตุผลของเขา ส่วนคนไม่เห็นด้วย ก็มีเหตุผลเช่นกัน
...
ย้อน 8 ปี กับ นาทีประหารนักโทษ 2 คนสุดท้าย
24 สิงหาคม 2552 ณ เรือนจำบางขวาง นช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 45 ปี และ นช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ อายุ 52 ปี สองนักโทษคดียาเสพติด คือ หน้าประวัติศาสตร์เมื่อ 8 ปีก่อน เพราะเขาทั้งสอง คือ 2 นักโทษประหารคนสุดท้ายที่ถูกลงทัณฑ์ให้ฉีดยาพิษแทนการยิงเป้า ที่ใช้กันมายาวนาน
ช่วง 5 โมงเย็นวันนั้น นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประเทศไทยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 19 เปลี่ยนการประหารชีวิตจากการยิงเป้ามาเป็นการฉีดยาพิษให้ตาย ขั้นตอนก่อนประหารชีวิต หลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตกมายังกรมราชทัณฑ์ เรือนจำปกปิดเป็นความลับจนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอนในเวลา 15.30 น.
จากนั้น เรือนจำจะเบิกนักโทษ ที่ต้องรับโทษประหารชีวิตออกมา และแจ้งให้ทราบผลฎีกา เพื่อให้เขียนพินัยกรรมสั่งเสีย หรือให้โทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้องก่อนประหาร 1 ชั่วโมง จากนั้น เรือนจำได้จัดอาหารมื้อสุดท้ายมาให้แก่นักโทษ และนิมนต์พระจากวัดบางแพรกใต้เข้ามาแสดงธรรม เมื่อถึงเวลาจะนำนักโทษเข้าสู่แดนประหาร...
...
ก่อนจะเข้าแดนประหาร นักโทษเข้าสักการะเจ้าพ่อเจตคุปค์และกราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้น หน้าแดนประหาร จากนั้นนำนักโทษเข้าห้องฉีดสารพิษและปิดตานักโทษด้วยผ้าดำ รวมทั้งนักโทษถือดอกไม้ธูปเทียน และหันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ที่อยู่ติดกับแดนประหาร
สำหรับขั้นตอนในแดนประหาร นักโทษจะยังถูกล่ามโซ่ตรวนไว้ แม้ขณะนอนอยู่บนเตียงประหารชีวิต ที่มีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่ เจ้าหน้าที่ จะขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้ง 2 ข้างในท่ากางแขน นำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง ทำการฉีดยาทั้งหมด 3 เข็ม 1. ยานอนหลับ 2. ยาคลายกล้ามเนื้อ และ 3. ยาหยุดเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิตใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันตรวจสอบว่า นักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ จะนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น อุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส นาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย รอให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น (ข้อมูล 6 ปี 6นักโทษประหารฉีดยา ! ประหารเงียบ)
อย่างไรก็ตาม หลังจาก ลงทัณฑ์ตามคำพิพากษาแล้ว ทางสหภาพยุโรปก็มีเอฟเฟกต์กับเรื่องดังกล่าวทันที โดยมีการแถลงข่าว ไม่เห็นด้วยกับวิธีประหารชีวิต และอยากให้ไทยยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพื่อรักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีของมนุษย์ไว้
...
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ยังไม่มีนักโทษประหารรายใดขึ้นแท่นประหารอีก ยาวนาน 8 ปี
จากสถิติพบว่า นับตั้งแต่ปี 2479 ถึง 2552 มีการประหารชีวิตผู้ต้องคำพิพากษา จำนวน 325 ราย (ชาย 322 ราย หญิง 3 ราย) ในคดีความผิดประทุษร้ายพระบรมราชตระกูล / กบฎ จำนวน 24 ราย คดีความผิดต่อชีวิต 278 ราย คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ จำนวน 23 ราย โดยการยิง 319 ราย (ยิงรายสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2545)
การบังคับโทษด้วยการฉีดสารพิษ 6 ราย ได้ดำเนินการเป็นครั้งแรก 12 ธันวาคม 2546 เป็นชาย 4 ราย เป็นความผิดจากยาเสพติด 3 ราย ผิดต่อชีวิต 1 ราย กระทั่งต่อมา มีการประหารชีวิต 2 รายสุดท้าย เมื่อวันที่ 24 ส.ค. จากรายละเอียดข้างต้น
สุดท้าย สังคมไทยคงต้องพิจารณาอย่างมีวิจารณญาณว่า ยังเหมาะจะใช้คำว่า "ตายตกตามกัน" หรือไม่...? "โทษประหาร" ควรอยู่ต่อเพื่อล้างบางคนชั่ว หรือจะปิดตำนาน เพื่อเปิดทางให้กลับตัว ถ้าคุณเลือกได้จะเลือกแบบไหน.