ถ้าพูดถึงนางสาวไทย ที่พลิกประวัติศาสตร์ของวงการนางงาม เพราะเธอนั้นมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ มีดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์ แถมยังเก่งรอบด้าน และความที่เธอเป็นคนตรง แรง แซ่บ เซ็กซี่ จึงทำให้เธอมีประเด็นขึ้นหน้าหนึ่งแทบไม่เว้นแต่ละวัน ก็คือ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี และเธอก็พร้อมที่จะมาเล่าเรื่องราวความรักแซ่บๆ แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในรายการ คลับ ฟรายเดย์ โชว์ based on celeb story เวลา 18.30-20.00 น. ทางช่อง GMM25 (กดเลข 25)
โดย บุ๋ม ได้เล่าเรื่องเริ่มต้นของการมาเป็นนางสาวไทยว่า เราเป็นอาจารย์มาก่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วโดนแม่หลอกมาประกวด ถ้าตกรอบก็ได้เครื่องสำอางฟรีกลับบ้าน ตอนที่ได้มงกุฎ ช็อกมากค่ะ ไม่คิดเลยว่าเราจะได้ นางงามทั้งหมด 70 คน เราไม่มีสปอนเซอร์คนเดียว พ่อยังช็อกเลยค่ะ ไม่คิดว่าเราจะได้
เพราะเค้าเห็นเราเป็นเด็กห้าวมาก่อน ขี่จักรยานยกล้อ ชีวิตนางงามในตอนแรก ไม่ชินเลย มันอึดอัดมาก ต้องตื่นตี 4 มาแต่งหน้า แล้วยืนยิ้มทั้งวัน ต้องยืนนิ่งๆ ถ้าเอาตัวตนเราจริงๆ เราเป็นเด็กผู้ชายห้าวๆ คนหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจตัวเองเท่าไร เป็นแบบนั้นเลย
...
ในหน้าสื่อที่เห็น เราไม่ได้เป็นคนแรงเหมือนอย่างที่เป็นข่าวนะ เราเป็นเหมือนคนมุ้งมิ้ง ไม่แต่งตัว ไม่สระผมหรือหวีผมเลย ที่เห็นเป๊ะๆ ก็คือเรามาแต่งที่กองค่ะ มาแต่งหน้าที่กอง แต่ภาพข่าวที่ออกมา คือ บุ๋ม ปนัดดา เป็นผู้หญิงที่ตรงแรง กล้าพูด คือเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมต้องเป็นเรา
บางทีมุ้งมิ้งกับผัวในไอจี ก็เป็นข่าวแล้ว คือเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะที่เป็นเรื่องเด็กและสตรี ด้วยความเป็นแม่ด้วยและมีลูกสาวด้วย ซึ่งเราพยายามสู้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เข้าใจกับข่าวว่าทำไมถึงต้องพาดหัวแรงๆ ดาราคนอื่นก็ทำ ทำไมตนเองโดนคนเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าหน้าเราเป็นคนดูเปรี้ยวกับแรง แต่ในความเป็นจริงมันมีเบื้องลึกมากกว่านั้น คือเรื่องของเรื่องมันมีเบื้องลึกดราม่ามากกว่านั้น มีนักข่าวคนนึงมาจีบแบบจริงจัง จะให้เป็นเมียให้ได้
แต่เราบอกว่า อย่าว่าแต่แฟนเลย เพื่อนก็เป็นไม่ได้เลย แล้ววางหูไป คนนี้เค้าค่อนข้างจะมีอิทธิพลที่เขียนข่าวใครก็ได้ คนหนึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ อีกคนเป็นหนังสือพิมพ์บันเทิง
เรื่องหนังสือพิมพ์บันเทิงก่อนเลย เค้าเขียนว่า ปนัดดา ไปขายที่นาที่บรูไน ไม่พอยังมีหนังเรื่องหน่ึง ซึ่งบุ๋มไปแคสต์หนังเรื่องหนึ่ง ตัดชุดรอเรียบร้อยแล้ว เค้าใช้อำนาจของเค้าในการสั่งเปลี่ยน และบอกว่า ถ้าไม่เปลี่ยน จะไม่ลงข่าวในหนังสือพิมพ์เค้า เจ้าของหนังก็โทรมาคุยกับเรา ซึ่งตอนนั้นอยากไปต่อยหน้ามาก เจอหน้าเราวิ่งไปต่อยเลย แล้วเค้ายังเอาไปเขียนข่าวอีกว่า เราไปหึงมัน
เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเขียนหนังสือชื่อว่า ดอกปนัดดา ออกมา ตอนนั้นคือการตอบโต้ เพราะผู้ใหญ่สมัยนั้นเค้าบอกทำไมเราไม่สร้างให้ตัวเองล่ะ เลยมีหนังสือเล่มนี้ออกมา
ถามว่าถูกรังควานนานแค่ไหน คือแต่งงานแล้วก็ยังโดนค่ะ วันที่แต่งงานกับพ่อน้องอันดา นักข่าวคนนี้เค้าบุกไปที่โรงแรม แล้วถ่ายรูปห้องและเตียงนอน พร้อมกับลงข่าวว่า นี่คือเตียงที่บุ๋ม ปนัดดาจะส่งตัวคืนนี้ ตอนที่คบกับติ๊งโน้ต เค้าก็ไปยืนมองหน้า แล้วพูดว่า บุ๋มคบกับเค้าก่อนที่จะมาเจอเธออีก
สุดท้ายจบได้ยังไง? "แก่ไง ตอนหลังชีวิตในวงการทำให้บุ๋มรู้ว่า มันไม่มีมิตรแท้และดีในวงการบันเทิง"
ถามว่ามาจริงจังเรื่องความรักตอนไหน เราเป็นคนคบใครคบจริงจัง เราตกลงเป็นแฟนกับคนเร็วมาก คือผู้ชายเค้าจะเป็นคนดีช่วงแรกๆ ไง บุ๋มก็เลยตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้าเร็วมาก แล้วเราค่อยตามดูทีหลังว่าเป็นยังไง
ยอมรับว่า เป็นคนมีจุดกับคนเจ้าชู้นะคะ อาจจะเป็นเพราะที่บ้าน เคยมีปัญหากับคุณพ่อ เลยมีจุดตรงนี้ ซึ่งถ้าใครเจ้าชู้เข้ามา เราจะไม่เอาเลย เราดูรู้เลยและไม่เอาเด็ดขาด
คนเจ้าชู้ที่เคยเจอ ประมาณช่วงที่อำลาตำแหน่ง เค้าเป็นไฮโซ ใช้คำว่าทนคบนะ ตอนที่เราต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ จะมีข้อความส่งเข้ามาตลอดว่า เจอแฟนแกไปกับผู้หญิงคนนี้นะ รูปร่างอย่างนี้ หน้าตาอย่างนี้ เราอยากถามแฟนเรามากเลย แต่สมัยนั้นมันไม่เหมือนสมัยนี้ไง เราโทรไม่ติด มือถือเค้าก็ปิด
...
แต่แม่เค้ารักเรามาก แม่เค้าพูดว่า เราต้องอดทน ปิดหู ปิดตา แต่พี่ตั๊ก มยุรา มาบอกเราว่า บุ๋ม ทำไมเราต้องทนใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ เราก็เริ่มคิดได้ มีอีกเหตุการณ์คือ เราเปิดประตูเข้าไป เจอเออีบริษัทเค้านั่งบนตักเค้าพอดี สงสัยนั่งหาเหามั้ง เราก็เลิกเลย กว่าจะเลิกก็ใช้เวลาปีกว่า เสียใจนะ เสียใจที่คบไปได้ยังไง เสียเวลา
คนในวงการก็มีค่ะ อักษรย่อ ต. คือคนนี้อยู่ทั้งเมืองนอกและเมืองไทย เค้าใช้มือถืออีกเครื่องคุยกับผู้หญิงอื่น และบอกว่า คุยกับแฟนเก่า ซึ่งเราก็งงว่าทำไมต้องคุยกันทั้งๆ ที่เราอยู่ด้วยนะ เราก็ใจดี ให้เค้าคุยไป จนตัดสินใจเลิก
คือเราเข็ดกับคนในวงการ แต่คนในวงการจีบตลอด เล่นละครเรื่องไหน มันจีบหมดเลยนะ ตัวพ่อ ตัวลูก ตัวไหนจีบหมด
แต่งงานเพราะเหมาะสมมากกว่าความรัก? "มองในมุมนั้นอาจจะใช่ แต่จุดเปลี่ยนก็คือความรักที่เราไม่ได้ศึกษากันมาก่อน แล้วเราก็แต่งเข้าบ้านเค้า วัฒนธรรมบ้านเค้ามันก็มีความคิดที่ 2 3 4 5 6 7 8 แล้วดูเหมือนญาติเค้ารับไม่ได้
ด้วยความที่เราเป็นเจ้าแม่วีซีดีมาก่อน ซึ่งอันนั้นทำให้เราตั้งตัวได้เลยนะ แต่เค้าก็ไม่ต้อนรับเท่าไร เค้าอยากให้เราอยู่บ้านทำงาน ด้วยความที่บ้านเค้าเป็นระบบกงสีด้วยไง แล้วเราก็ต้องเลี้ยงดูบ้านเราด้วย ถ้าเราไม่ทำ จะเอาเงินไหนมาใช้
...
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจอุ้มลูกเดินออกจากบ้านมา ก็คือ ปกติเราจะมีสามีอยู่ข้างๆ ใช่ไหม แต่กับคนนี้ เค้าพูดว่า คุณก็ทนๆ ไปก่อนแล้วกัน เท่านั้นแหละ บุ๋มตัดสินใจอุ้มลูกเดินออกมาเลย"
เคยคิดฆ่าตัวตาย ณ วินาทีนั้นหันซ้ายหรือขวาก็โดนสังคมโจมตี เพราะเราไม่รู้จะทำยังไง คนก็มาถามทำไมถึงเลิก ทำไมถึงไม่อดทน ก็คิดว่าไม่ไหว ทำไมวงการนี้มันโหดร้ายการ คำว่า แม่ม่าย มันร้ายขนาดนี้เหรอ ทำไมต้องจิกขนาดนั้น
ช่วงนั้นจะร้องไห้แบบหนักที่สุดบ่อยมาก เพราะบุ๋มจะเป็นคนทน สู้ๆ ยิ้มตลอด ตอนที่คิดจะฆ่าตัวตาย คิดว่าจะหลับ กินยานอนยาว ตอนนั้นก็คิดถึงลูก ลุกขึ้นมามองหน้าเค้า
อดีตสามีพยายามยื้อนะคะ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาให้เรา เราพยายามจะไปอยู่บ้านเค้านะ ก็เจอปัญหาเดิมๆ แต่สามีเราก็พูดได้แค่ว่า อดทนกันไป ถ้าเราไม่เอาลูกออกมา แล้วชีวิตลูกจะเป็นยังไง ท่าน ว. วชิรเมธี ช่วยดึงสติค่ะ
...
คบกับติ๊งโน้ต เป็นการคบจริงจังหลังจากที่ปิดใจมานาน เราทำตัวเป็นสาวเปรี้ยว ขี่มอ'ไซค์ไปทำงานเอง ขี่แบบจริงจัง จนกระทั่งไปเจอเค้าที่สนามแข่ง แลกพินบีบีกัน คนเลยตกใจมาก จนมีกระแสออกมาเป็นความไม่เหมาะสม เพราะเราอายุห่างกัน 13 ปี คบกันจนกระทั่งเค้าขอแต่งงาน แต่เราก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ อยากให้เลื่อนออกไปก่อน
จนมามีข่าวว่าเลิกแล้ว คือมันมีเหตุการณ์หนึ่ง บุ๋มไปเป็นพิธีกรที่ภูเก็ต ใส่ส้นสูง แล้วบันไดมันงอ พื้นมันเอียง เราเหยียบลงไปแล้วขาลื่น ก้นกบเราเลยกระแทกขอบเวทีจนแตก ก็ยืนเลือดไหลอย่างนั้น แต่เราต้องทำงานจนจบ พองานเสร็จก็ล้มลง ตอนนั้นเราช็อกมาก ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ต้องมัดตัวไว้กับเตียงพยาบาล ฉีดยาแก้ปวด แล้วเอาเราขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
ภาพแรกที่เราคิดคือ เค้าต้องมารอรับเราที่กรุงเทพฯ แต่เป็นพ่อมารอรับ ตอนนั้นเค้าบอกว่า ต้องติดภารกิจไปแข่งรถตอนเช้า แต่เค้าบอกว่า ไปไม่ได้ เราก็คิดว่า เห้ย แค่ขับรถกระบะมาหาเราไม่ได้เหรอ แล้วเราก็มาถึงตอนเที่ยงคืน ไม่ใช่ตอนเช้า ทำไมมาหาเราไม่ได้
ภาพแรกที่บุ๋มเห็นตอน 6 โมงเช้าคือ พ่อ แม่และน้องมารอเรา คำแรกที่เราถาม แล้วติ๊งโน๊ตล่ะ เค้าบอกไม่เห็น ซึ่งตอนนั้นติ๊งโน๊ตเค้าไม่มาเยี่ยมเราเลยนะ เพราะเค้าติดแข่งรถไง แล้วทีมแข่งรถนั้นก็เป็นทีมที่เราสร้างขึ้นมา
พอตอน 7 โมง เค้าโทรมา แม่รับสายบอกว่าเราหลับ จากนั้นมา เค้าก็ตามง้อเรานะ แต่ในใจเราคิดว่าไม่เอาแล้ว เพราะเค้ายังเด็กเกินไปไง ดูแลเราไม่ได้ แต่ติ๊งโน๊ตเค้าเป็นคนดีนะ
จนมาโสดอีกที มีคนมาจีบกว่า 30 คนเลยนะ วันหนึ่งสามารถออกเดตได้ 4 คน ก็ออกค่ะ ไปทั้ง 4 คนเลย สลับคิวกันจนมีรถไฟชนกัน ก็นั่งมองหน้ากันเลยในห้องแต่งตัว เราก็สวยต่อไป ไม่สน คือเราบอกเลยว่า ไม่ได้คบคุณคนเดียว เราทำความรู้จักกัน ไม่ได้คบใคร อย่างที่บอกผู้ชายมันสู้กันสุดฤทธิ์ ในที่มาจีบทั้งหมด ขอแต่งงาน 13 คน ถึงขนาดที่ต้องเอาหมอดูมานั่งดู
สำหรับ คุณเอก ไม่ได้อยู่ใน 13 คนที่มาจีบเราเลย พวก 13 คนนั้นแห้วหมดเลย ตอนนั้นไปนั่งกินข้าวในงานงานหนึ่ง ก็นั่งบีทีเอสไปกลับ พอถึง 5 แยกลาดพร้าวก็จะโบกแท็กซี่เพื่อไปที่จอดรถของตน แต่ไม่มีใครรับ เลยโพสต์บ่นในไอจี แล้วเอกก็เข้ามาคอมเมนต์ในไอจีว่า "สตาร์ตรถแป๊บ"
ซึ่งในรูปโปร์ไฟล์โชว์ซิกซ์แพ็ก เราก็เลยสนใจ เพราะปกติ เราจะเป็นคนนั่งอ่านคอมเมนต์คนมาเมนต์ในไอจีไง เข้าไปดูหมดว่าเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง เลยเข้าไปดูรูปเอกในไอจีก็เห็นว่าเป็นเทรนเนอร์
ตอนนั้นก็สนใจอยากฟิตหุ่นลดความอ้วนอยู่แล้ว ก็เลยอินบ็อกซ์ในไอจีและขอไลน์เพื่อคุยกันและนัดเจอกัน พอเจอกันวันแรกก็อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันได้เทรน ก็เป็นผัวตัวเองซะก่อน ตอนนั้นชื่อจริงของเอกก็ยังไม่รู้เลย ขนาดวันที่จะแต่งงานแล้วต้องทำป้ายชื่อบ่าวสาว เราก็ยังไม่รู้เลยว่าชื่ออะไร จนต้องหันไปถาม
และพอหลังจากรู้จักกัน 4 วันเขาก็เพิ่งมาบอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับแฟนที่คบมา 4 ปีและอีก 4 เดือนจะแต่งงาน เราก็บอกเขาไปว่าคุณกลับไปเถอะ ตอนนั้นไม่โกรธแต่ความเสียใจมีมากกว่า แต่เค้ากลับยืนยันว่าไม่ เค้าอยากแต่งงานกับบุ๋มมากกว่า
แต่หลังจากนั้นเค้ามาที่บ้านเรา แล้วคุกเข่าบอกลูกเราว่า ขอดูแลคุณแม่ของหนูได้มั้ย เราเห็นในตรงนี้ เพราะผู้ชายที่เข้ามาขอเราแต่งงานทั้งหมด 13 คนนั้น ไม่เคยถามถึงลูกเราเลย ไม่เคยสนใจเรื่องลูกของเราด้วยซ้ำ
ซึ่งจริงๆ ตอนที่เกิดเรื่องตอนนั้น บุ๋มก็มองว่า เราก็มีศักดิ์ศรีและก็ให้เค้าไปเคลียร์ตัวเอง ตอนนั้นเราไม่ได้คบกันต่อนะ ผ่านไปประมาณ 1 เดือน เอกเค้าก็เอาหลักฐานมาให้ดูว่า เคลียร์แล้ว และพาเราไปพบกับครอบครัวเค้า
เรื่องที่เอกเลือกเราเป็นเพราะเราดูแลตัวเองได้ ซึ่งบุ๋มเป็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน เรื่องงานบ้านก็ทำได้ และเซ็กซี่เมื่ออยู่บนเตียง แต่ตนเองเวลาคบกับใครแต่ละคนจะควบคุมผู้ชายทุกอย่าง ต้องรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งพาสเวิร์ด
ส่วนตัวเอกเองนั้น ในอดีตเป็นคนเจ้าชู้มาก แต่ขี้หึงมาก ยิ่งตอนที่เราไปแข่งร้องเพลงแล้วถูกจับคู่จิ้นกับเอ๊ะ จิรากร หน้ากากอีกาดำ ในรายการ The Mask Singer ตอนนั้นเอกก็ค่อนข้างหึงเอามากๆ แม้กระทั่งเห็นแค่ภาพวาดก็ยังหึง ยิ่งเห็นตอนที่เราโพสต์รูปคู่กับเอ๊ะก็หึงมาก
คือบุ๋มยืนยันนะว่า เอกไม่เคยคิดจะมาเกาะกระแสเลย เพราะเค้าไม่ได้ชอบการอยู่ในวงการบันเทิงเลย
สุดท้ายนี้ บุ๋มให้ข้อคิดเรื่องความรักว่า อย่าเอาตัวเราไปเทียบกับคนอื่น อยู่กับปัจจุบันก็พอแล้ว อย่าคบแฟนสักคนเพียงแค่ดูความเหมาะสมทางสังคมเท่านั้น เพราะบางทีก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไปก็ได้
แต่ให้หาคนที่รักเราจริงๆ ดีกว่า พร้อมทั้งบอกว่าอย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนตน ถ้าตอนนั้นตนฆ่าตัวตายไปแล้วจริงๆ คงจะเสียดายมากๆ.