อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา “สมิทธ ธรรมสโรช” เผยนํ้าพระทัยและพระมหากรุณาธิคุณของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่ทรงห่วงพสกนิกรจะประสบภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่น ส่วนหัวหน้ากลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจก สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เผยความคืบหน้าการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ

ผองไทยยังอาลัย “รัชกาลที่ 9” ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง เช้าวันที่ 23 มี.ค. มีประชาชนจากทุกสาขาอาชีพจำนวนมาก เดินทางมาเข้ากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่หน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง แม้อากาศจะร้อนจัดแต่ทุกคนก็ไม่ย่อท้อ มีกลุ่มจิตอาสาประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ นักเรียน และประชาชน นำยาดม อาหาร น้ำดื่ม รวมทั้งร่มกันแดด มาคอยแจกจ่ายให้ประชาชนยืมใช้กันแดดบรรเทาความร้อน

ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยับจุดคัดกรองที่ 4 ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปอยู่ที่หน้าพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.อคฝ. เปิดเผยถึงสาเหตุที่ย้ายจุดคัดกรอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการเคลื่อนย้ายต้นมะขาม ที่กีดขวางการก่อสร้างพระเมรุมาศออกไปอนุบาลที่สวนมงคล จ.สระบุรี ในวันที่ 25 มี.ค. ส่วนจุดคัดกรองอื่นๆ ที่อยู่รอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังยังคงอยู่เหมือนเดิม

วันเดียวกัน นางยุนีย์ ธีระนันท์ หัวหน้ากลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจก สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าในการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศว่า พระมหาพิชัยราชรถดำเนินการประดับกระจกลวดลายกระหนกชั้นเกรินด้านหน้าและท้าย เกริน ประดับกระจกลายหน้ากระดานชั้นเบญจา ด้านท้าย และส่วนต่างๆ คืบหน้ากว่าร้อยละ 30 แล้ว ด้านพระที่นั่งราเชนทรยานอยู่ระหว่างถอดชิ้นส่วนและลอกผิวทองเดิมออก เพื่อตกแต่งลวดลาย ปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะเห็นความคืบหน้าการบูรณะราชรถชัดเจนขึ้น ด้านการจัดทำงานผ้าลายทองแผ่ลวดธงสามชายประจำงอนราชรถ เป็นงานช่างแขนงหนึ่งในหมู่ช่างสนะไทยหรือช่างที่เกี่ยวกับเครื่องภูษาอาภรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานในสถาบันพระมหากษัตริย์ สำนักช่างสิบหมู่ต้องจัดทำขึ้นใหม่ทั้งหมดจำนวน 30 ชิ้น เพื่อประกอบเป็นธง 15 ผืน เป็นเครื่องประกอบพระมหาพิชัยราชรถ พระที่นั่งราเชนทรยานและราชรถน้อย ๙๗๘๒ ราชรถน้อย ๙๗๘๓ และราชรถน้อย ๙๗๘๔

...

นางยุนีย์กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดสร้างธงสามชายครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้อาสาสมัครจำนวน 100 คน ร่วมปฏิบัติงานด้วย โดยสลับหมุนเวียนกันมาทำงานที่สำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม แต่ละคนผ่านการทดสอบทักษะความสามารถด้านงานปัก ผู้ที่ฝีมือจะให้ปักกับงานจริง เน้นคัดลายให้คมชัด ส่วนผู้ทักษะน้อยกว่า ช่างสิบหมู่จะช่วยฝึกและแนะนำเทคนิคจนสามารถทำงานได้ เพราะงานผ้าลายทองแผ่ลวดเป็นงานช่างโบราณ ต้องมีความละเอียด อดทน ใจเย็น ถึงจะได้งานที่วิจิตรงดงาม ถือเป็นการสร้างคนทำงานสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย คาดว่าธงสามชายราชรถทั้ง 30 ชิ้น จะแล้วเสร็จสิ้นเดือนสิงหาคม

ขณะที่นายสุภากร โนนแก้ว นายช่างศิลปกรรมปฏิบัติงาน กลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจก กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาช่วยจัดสร้างชิ้นงานเพราะมีความถนัดงานปักผ้า รวมทั้งยังมีหน้าที่ฝึกทักษะจิตอาสาทั้งหมดที่เข้ามาช่วยงาน โดยจะสาธิตลักษณะการเย็บผ้าขั้นต้น การรูดด้าย กระทั่งการสนเข็มให้ใช้ขี้ผึ้งรูด ไม่ให้จิตอาสาใช้น้ำลาย เพราะถือเป็นของสูงสำหรับกษัตริย์ ส่วนการเย็บให้เว้นจังหวะช่องไฟระยะห่าง 3 มิลลิเมตร โดยไม่รั้งให้ด้ายตึงเพื่อให้เส้นด้ายดูนูนและฟูเป็นธรรมชาติ จิตอาสาที่มีฝีมือจะปักตามลวดลายที่ช่างเขียนออกแบบโดยคัดลอกมาจากลายโบราณ สำหรับตนเพิ่งได้รับบรรจุเป็นข้าราชการช่างสิบหมู่ ภูมิใจมากที่ได้ถวายงานในหลวง ร.9

อีกด้านในงานสัมมนาวิชาการ วันอุตุนิยม วิทยาโลกปี 2560 เพื่อร่วมฉลอง 67 ปีการก่อตั้งองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ที่กรมอุตุนิยมวิทยาจัดขึ้นเฉลิมพระเกียรติและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระมหากรุณาธิคุณ นำความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยามาช่วยประชาชนชาวไทย ตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์

นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีพิเศษที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงนำความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยามาช่วยประชาชน โดยทรงศึกษาลักษณะอากาศประจำวัน ทรงใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆทุกเช้าในประเทศ รวมทั้งจากกรมอุตุนิยมวิทยาที่นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่ทรงค้นคว้ามาประกอบ มีพระราชวินิจฉัยและพระราชทานคำแนะนำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ด้านนายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงความประทับใจที่เคยถวายงานในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า หลายคนอาจจำพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน เมื่อคราวเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2538 ที่มีพายุไต้ฝุ่นแองเจล่ากระหน่ำพัดทําความเสียหายให้กับประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะเข้าสู่ประเทศไทย พระองค์ท่านเป็นบุคคลเดียวที่พยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นแองเจล่าจะไม่เข้าประเทศไทย ทั้งที่นักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลกเห็นตรงกันว่า ต้องเข้าเวียดนามและไทยแน่นอน ตนเป็นอธิบดีกรมอุตุนิยม วิทยาในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูลรายงานพร้อมกับออกโทรทัศน์ประกาศเตือนภัยประชาชนไปแล้ว

นายสมิทธกล่าวอีกว่า แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงยืนยันว่าไม่เข้า พร้อมแย้มพระสรวล พลางรับสั่งว่า “ฉันให้นางมณีเมขลาไปห้ามไว้” ก็เป็นจริงตามคำพยากรณ์ของพระองค์ แต่ไม่เคยมีใครทราบว่า นับตั้งแต่ไต้ฝุ่นแองเจลล่าเข้าไปทำความเสียหายแก่ประเทศฟิลิปปินส์ พระองค์ไม่ได้บรรทมเลย ทรงตรวจสอบข้อมูลข่าวสารทั้งในและต่างประเทศอย่างละเอียดทั้งวันทั้งคืน จนสามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำว่า พายุจะไม่เข้าประเทศไทย เป็นสิ่งยืนยันว่าพระองค์ท่านทรงสนพระทัยในศาสตร์ดินน้ำฟ้าอากาศ เพราะความเป็นห่วงพสกนิกรของพระองค์ ทรงอยากเห็นแต่ความผาสุกของประชาชน มีน้ำใช้ และปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆเสมอ