สนช.มีมติเอกฉันท์ 202 งดออกเสียง 8 ผ่านร่าง พ.ร.บ.ยาสูบ หลังถกนาน 2 วัน ไม่ห้ามคนติดบุหรี่ เป็นบอร์ด ออกกฎเข้มห้ามขายสิงห์นักสูบหน้าใหม่อายุไม่ถึง 20 ปี จากเดิม 18 ปี พร้อมห้ามแบ่งขาย 

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.60 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 3 ด้วยมติเอกฉันท์ 202 คะแนน งดออกเสียง 8 และเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามที่ประชุม สนช.ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นวันที่สอง รวมใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 7 ชั่วโมง ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการปรับปรุง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 มีจำนวนทั้งสิ้น 79 มาตรา ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ กมธ.ได้แก้ไข ซึ่งสาระสำคัญที่น่าสนใจ อาทิ การมีคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ จำนวน 23 คน โดยมี รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน, คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด พร้อมทั้งกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง กมธ.ได้ตัดคุณสมบัติต้องห้าม ที่ระบุว่า ห้ามเป็นโรคเสพติดผลิตภัณฑ์ยาสูบออกจากร่างเดิม นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แก้ไขคำนิยาม "โรคเสพติดผลิตภัณฑ์ยาสูบ" โดยตัดคำ "โรค" ทิ้ง เหลือเพียงคำว่า "เสพติดผลิตภัณฑ์ยาสูบ" เท่านั้น  

อย่างไรก็ตามเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว อยู่ที่มาตรา 26 กำหนดไม่ให้ขายหรือให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ จากกฎหมายเดิมที่กำหนดอายุไว้ที่ 18 ปี หากฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ได้กำหนดไม่ให้ผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อขายในราชอาณาจักรประเภทบุหรี่ซิกาแรตที่มีขนาดบรรจุต่ำกว่า 20 มวนต่อซอง หรือต่อภาชนะบรรจุบุหรี่ซิกาแรต และห้ามไม่ให้มีการแบ่งขายผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรต

...

ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ. กล่าวต่อที่ประชุมในตอนท้ายว่า กฎหมายฉบับนี้ใช้มานานแล้ว ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหานักสูบหน้าใหม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุง เพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ ต้องขอบคุณรัฐบาลที่มีความกล้าหาญในการเสนอกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาองค์กรระหว่างประเทศ กฎหมายที่ออกมามีส่วนที่ดีคือสามารถแก้ไขเรื่องของเด็กและเยาวชนที่จะเข้าสู่ด้วยการห้ามแบ่งซองขาย อายุเด็ก การซื้อขาย และคณะกรรมการจังหวัดควบคุมการส่งเสริมการตลาด ซึ่งคิดว่ากฎหมายที่ออกไปในลักษณะนี้น่าจะป้องกันเยาวชนเป็นนักสูบหน้าใหม่ได้ถึงปีหนึ่งถึง 2 แสนคนน่าจะลดจำนวนลงได้ ขอบคุณสมาชิกที่ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 45 นาที เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ยาก เพื่อทำให้กฎหมายที่ออกไปมีความสมดุลระหว่างผู้ที่สูบและไม่สูบ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว.