มาร์คอัดนายกฯตัดสินใจพลาด! ม็อบต้านลุกฮือปักหลักยืดเยื้อ
“บิ๊กตู่” ทุบโต๊ะเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้า กระบี่ วอนกลุ่มต้านหยุดปลุกขัดแย้งอีก ขอมวลชนเข้าใจยันคุ้มค่าปลอดภัย เป็นประโยชน์ แจงเหตุแหล่งผลิตไฟฟ้าภาคใต้ไม่พอ จำเป็นต้องสร้างเพิ่ม “อนันตพร” เผยนายกฯสั่งทำตามขั้นตอนถูกกฎหมาย ต้องผ่านทำอีเอชไอเอ ยันคนในพื้นที่เข้าใจยอมรับ “มาร์ค” อัด “ประยุทธ์” ตัดสินใจพลาด คาดขัดแย้งไม่จบ ม็อบต้านบุกทำเนียบฯประกาศกร้าวปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ จนกว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจ ท้าไม่กลัวติดคุก ให้โลกประณามรัฐบาลเผด็จการ ตำรวจขอหมายศาลหยุดชุมนุมเหตุม็อบย้ายจุดที่ขออนุญาต นัดไต่สวน 20 ก.พ.นี้
จากกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายในการสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.คลองเหนือ จ.กระบี่ แต่มีกลุ่มเอ็นจีโอได้แสดงการคัดค้านอย่างต่อเนื่องโดยให้เหตุผลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงได้รวมตัวชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะที่มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อรอคำตอบ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า กลุ่มคัดค้านการ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา จ.สงขลา และที่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ประมาณ 300 คน นำโดยนายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน รวมตัวชุมนุมที่ด้านหน้าศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ.ฝั่งตรงข้ามทำเนียบฯ เพื่อติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) ที่จะหารือการสร้างโรงไฟฟ้า โดยนายประสิทธิชัยกล่าวว่า ถ้าที่ประชุมมีมติไม่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จะยกเลิกการชุมนุม แต่ถ้ามีมติให้ก่อสร้าง จะปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ ทั้งนี้ ขอยืนยันข้อเสนอเดิม คือให้รัฐบาลสนับสนุนพลังงานที่ผลิตจากปาล์มน้ำมัน เพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม
...
ขณะเดียวกัน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุม กพช. วาระเพื่อพิจารณา มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดำเนินการเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาด จ.กระบี่ต่อ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมอนุมัติตามมติที่ประชุม ครม.ให้ดำเนินการเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 50 อยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งประเทศ (พีดีพี) ทั้งหมด ได้พิจารณาจากหลักการเหตุผลและเทคโนโลยี เห็นว่าคุ้มค่าปลอดภัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้มาตรการที่เหมาะสมแล้วในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เราเสียเวลาไป 2 ปีแล้ว ต้องปลดล็อกให้ดำเนินการได้ ยืนยันเป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ ขอให้ฟังเหตุผลของรัฐบาล อย่าฟังอะไรที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง
นายกฯกล่าวว่า ขอกลุ่มที่มาต่อต้านอย่าสร้างความขัดแย้งกันอีกเลย อยากชี้แจงทำความเข้าใจว่าหลักคือต้องการเข้าไปดูแลความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า แต่ภาคใต้มีอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นกว่าทุกภาค แต่แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าทุกภาค ทำให้ไม่เพียงพอ เคยไฟฟ้าดับถึง 3 ชั่วโมง ช่วงที่มีอุทกภัยก็ทำให้ระบบขนส่งไฟฟ้า หรือเสาไฟฟ้าโค่นล้ม จึงต้องสร้างเพิ่ม วันนี้เห็นภาพในโซเชียลมีเดียเป็นภาพควันดำลอยจากท่อขึ้นมา ซึ่งเป็นภาพจากที่ไหนก็ไม่รู้ บางภาพเป็นภาพเก่าจากต่างประเทศ เช่น ภาพโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยืนยันว่าโรงไฟฟ้าแบบใหม่ไม่มีลักษณะนี้ เพราะใช้พัดลมระบาย ขอให้ช่วยกันไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหา แล้วตนไม่คิดจะเดินหน้าต่อรัฐบาลก็จะลำบาก ขอร้องมวลชนที่ต่อต้านให้เข้าใจด้วย
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเฉพาะกระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรืออีเอชไอเอ และการขออนุญาตตามขั้นตอน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ยืนยันต่อ กพช.ว่าชุมชนในพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ให้การยอมรับ และโรงไฟฟ้านี้ตามที่กล่าวว่ามีอันตราย ปัจจุบันไม่มีอันตรายกับชุมชนแล้ว ทั้งนี้ ถ้าเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านก็แปลว่ามีมาตรฐานเพียงพอที่จะทำได้ โดยมาตรฐานโรงไฟฟ้ากระบี่จะเป็นแบบอุลตราซุปเปอร์คริติคัล หรือเป็นมาตรฐาน ของประเทศที่พัฒนาแล้วรับรองให้ใช้ได้ ทางธนาคารโลก ให้กู้เงินได้ และที่ผ่านมามาตรฐานนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการปล่อยมลพิษหรืออันตรายใดๆ โดยการเดินหน้าโครงการนั้น คาดว่า หากเริ่มขั้นตอนการก่อสร้างได้จะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้อย่างเร็วที่สุดประมาณปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565
ด้านนายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายก อบจ.กระบี่ คณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชนพิจารณาโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ที่รัฐบาลแต่งตั้ง และเป็นกลุ่มคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะยังคงเดินหน้าคัดค้านต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาชาวบ้านและนักวิชาการ รวมทั้งภาคเอกชนได้เสนอแนวทางลดความขัดแย้ง ให้ใช้พลังงานทางเลือกจากปาล์มน้ำมัน พร้อมเดินหน้าผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่ แต่รัฐบาลก็ไม่รับฟัง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสั่งเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่สอดคล้องกับทิศทางของพลังงานในอนาคตที่มีทางเลือกที่ดีกว่า และสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายกับพื้นที่การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ และกังวลว่าความขัดแย้งจะไม่ยุติ ส่วนที่ชาวบ้านมาชุมนุมกันนั้นเห็นว่าทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ทั้งนี้ทางพรรคได้เสนอทางเลือกไปแล้ว แต่เสียดายรัฐบาลไม่ดูทางเลือกให้ครบถ้วนในการวางรากฐานสำหรับอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังทราบผลการประชุม กพช. ที่จะเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน แถลงว่าจะปักหลักชุมนุมค้างคืน จนกว่ารัฐบาลจะสั่งยุติโครงการ ยืนยันไม่กลับบ้านอย่างแน่นอน เตรียมตัวมาแล้ว การถูกจับเป็นเรื่องเล็กน้อยการทำร้ายจนเสียชีวิตไม่ได้อยู่ในสายตา คิดว่าน่าจะมีการใช้กำลังสลายม็อบแต่ทุกคนเตรียมรับมืออยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นที่จับตาของคนทั่วโลก การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ถือว่าประจานตัวเอง และการให้เหตุผลเพื่อความมั่นคงทางพลังงานในภาคใต้ และต่างประเทศก็ทำนั้นเป็นเหตุผลที่ไร้เดียงสา และขอเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดอันดามันมาชุมนุมสมทบ เพราะหากปล่อยให้มีการสร้างโรงไฟฟ้า จะทำลายทรัพยากรธรรมชาติชั่วลูกชั่วหลาน พวกตนพร้อมติดคุกเพราะโลกจะได้ประณามการเป็นเผด็จการของรัฐบาลชุดนี้
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เจรจาให้เข้าไปชุมนุมที่ ก.พ.แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ข้ามจากฝั่งสำนักงาน ก.พ. มารวมตัวกันบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมกับตะโกนว่า “ชาวกระบี่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ไม่เอาทรราช” โดย พ.ต.อ.เกียรติ กาบบัว ผู้กำกับการตำรวจสันติบาล 3 ได้สั่งการให้ตำรวจทำเนียบรัฐบาล เตรียมความพร้อมและปิดประตูเข้าออกเพื่อป้องกันเหตุ และตำรวจประกาศผ่านโทรโข่ง ขอให้ชุมนุมอย่างสงบ กระทั่งเวลา 15.30 น. พล.ต.อ.จักร– ทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ทางประตูสะพานชมัยมรุเชฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ผลักดันผู้ชุมนุมออกจากบริเวณดังกล่าวขึ้นบนทางเท้า ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อยแต่ไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ทางสะพานอรทัยแทนสะพานชมัยมรุเชฐที่ใช้เป็นประจำ จึงไม่ได้พบกับผู้ชุมนุม
จากนั้นเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ได้เจรจากับผู้ชุมนุมอีกครั้ง เพื่อขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายกลับไปยังจุดที่ขอชุมนุมไว้ที่สำนักงาน ก.พ. เพราะต้องการให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎกติกา ถ้าชุมนุมนอกเหนือจากพื้นที่ที่ขออาจจะกระทบกับคนอื่น ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จะอนุญาตเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับการอนุญาตเท่านั้น แต่ถ้าออกจากพื้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ขณะที่นายประสิทธิชัยกล่าวว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงพยายามใช้กำลังเข้าจับกุม ขออย่าใช้วิธีการป่าเถื่อน ขอร้องครั้งต่อไปให้ใช้วิธีแบบสุภาพชน ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว และชี้รอยฉีกขาดของเสื้อที่ถูกเจ้าหน้าที่ดึง
กระทั่งเวลา 18.10 น. นายสาธิต อ่วมคง เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลแพ่ง ได้นำเอกสารหมายศาลมาติดบริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาลข้อความระบุว่า ศาลแพ่งวันที่ 17 ก.พ. 2560 ความแพ่ง ระหว่างพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต (ร.ต.อ.ภาคิน นันบุญ) และ น.ส.จิดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ ผู้จัดการชุมนุม ด้วยคดีศาลจึงได้นัดไต่สวนคำร้องวันที่ 20 ก.พ. เวลา 09.30 น. ไต่สวนคำร้องขอยกเลิกการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพฤติการณ์การชุมนุม จึงนัดมาเพื่อสอบถาม เพราะฉะนั้นให้ไปตามที่ศาลกำหนด