เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. นายนิตย์ชัย พันธุ์เดช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ สำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจยึดสิ่งปลูกสร้างบุกรุกทะเลที่เกาะหวายว่า ขณะนี้เรื่องยังอยู่ขั้นตอนพิจารณาของศาลปกครอง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้สั่งระงับการสร้างสะพานไม้เดินเท้าในทะเลแล้ว หลังจากถูกคลื่นซัดพัง สืบเนื่องจากช่วงต้นปี 2557 ทางหัวหน้าอุทยานฯเกาะช้างได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารคำสั่งให้รื้อถอนตามมาตรา 22 ไปปิดประกาศในอาคารที่บุกรุกคือ ศาลาแปดเหลี่ยมขนาด 2 ชั้นในทะเลขนาดกว้าง 12×16 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร รวมทั้งสะพานไม้เดินเท้ากว้าง 1.20 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร ของเกาะหวายปะการังรีสอร์ต และเป็นที่ตั้งของศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์สัตว์ทะเล มูลนิธิวัฒนธรรมและการศึกษานานาชาติ (ICEF) พื้นที่หมู่ 2 ต.เกาะช้างใต้

นายนิตย์ชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีสิ่งปลูกสร้างบุกรุกเกาะช้างต้องถูกรื้อถอนอีกรวม 8 รายด้วยกัน โดยอาศัยอำนาจบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 22 และได้ปิดประกาศแจ้งเตือนครบ 3 ครั้งแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้มีการรื้อถอน เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนขบวนการยุติธรรม ส่วนทางผู้บริหารเกาะหวายปะการังรีสอร์ตพยายามจะขออนุญาตก่อสร้างสะพานไม้ที่พังขึ้นมาใหม่ อ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวตลอด จนผู้มาติดต่อที่ศูนย์เรียนรู้นั้น ทางอุทยานฯเกาะช้างไม่สามารถอนุญาตให้ได้ ต้องเสนอเรื่องไปยังอธิบดีกรมอุทยานเป็นผู้พิจารณา “การที่เจ้าของจะมอบอาคารดังกล่าวให้แก่หน่วยงานภาครัฐใช้ประโยชน์ เพื่อไม่ให้รื้อถอนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอาคารดังกล่าวสร้างบุกรุกทะเลเขตอุทยานฯ” นายนิตย์ชัยกล่าว

ทางด้านนายประมุข โรจนาพันธ์ อายุ 40 ปี ผู้บริหารเรือนำเที่ยวดำน้ำ บ้านบางเบ้า ต.เกาะช้างใต้ เปิดเผยว่า ในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมาเรือนำเที่ยวดำน้ำส่วนใหญ่เจ้าของเรือจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ มีตารางระบุไว้ในโปรแกรมพาลูกค้า และนักท่องเที่ยวไปดำน้ำชมปะการัง 4 เกาะประกอบด้วย เกาะรัง-เกาะยักษ์ใหญ่-เกาะยักษ์เล็ก-เกาะหวาย แต่หลังจากที่สะพานไม้ของเกาะหวายพังลงและไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้นั้น ส่งผลให้เรือนำเที่ยวทั้งหลายได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะไม่สามารถนำเรือเข้าไปจอดเทียบท่าให้นักท่องเที่ยวลงเรือขึ้นไปเดินบนสะพานและไปลงดำน้ำเหมือนเดิมได้ ปัจจุบันเรือนำเที่ยวต้องจอดด้านนอกและทอดสมอ ทำให้การลงจากเรือของลูกค้าไม่สะดวกเท่าที่ควร.

...