ตุ๊ก ชนกวนันท์ เผยเพิ่งกลับจากเที่ยวนิวยอร์กกับน้องชายน้องสาว ส่วนลูกไม่ได้ไปด้วยเพราะน้องๆ อยากไปแบบชิลๆ มากกว่า รูปคู่กับหนุ่มก็เป็นน้องชายตัวเองจริงๆ ส่วนลูกก็ไปอยู่กับบ๊วยในช่วงที่ตนไม่อยู่บ้าง เรื่องบ้านก็ยังผ่อนอยู่ เหลือยอดผ่อนไม่เยอะมาก ไม่เบาแต่ยังไหวอยู่ คิดว่าน่าจะไปรอด ไม่อยากกังวลอะไร มีแรงทำงานก็ทำไป ถ้ามีปัญหาก็แก้ไป ด้านบ๊วยจะช่วยเรื่องค่าเทอมลูกตลอด กับเรื่องเข้าวงการของลูกตอนนี้ยังอยากให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาวัยเด็กมากกว่า ซึ่งลูกๆ ก็ดูสนใจเรื่องวงการบันเทิงบ้างเพราะอยากเลียนแบบมากกว่า...
ทำเอาหลายคนสงสัยว่าหนุ่มที่นางแบบ-พิธีกรสาวคนเก่ง ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ ถ่ายรูปคู่ด้วยระหว่างเดินทางไปเที่ยวไกลถึงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นหนุ่มคนใหม่ที่กำลังคบหาดูใจอยู่รึเปล่า เมื่อได้เจอ ตุ๊ก ในงานแถลงข่าวเปิดตัว “CoolSculpting” นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็น ณ ห้อง Astor 1 ชั้น 14 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพ ถ.ราชดำริ เลยถามถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งถามถึงเรื่องที่อดีตสามีอย่างพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ที่เพิ่งเปิดร้านอาหารใหม่ ได้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านบ้างหรือเปล่า งานนี้เจ้าตัวตอบแบบเคลียร์ชัดทุกคำถาม
...
เห็นว่าเพิ่งกลับจากทริปเที่ยวนิวยอร์ก? "ใช่ค่ะ เพิ่งกลับมาได้ 2 วันเองค่ะ คือเพิ่งกลับมาเมื่อวานเลย เป็นทริปนิวยอร์กกับดีซีค่ะ ไปประมาณ 10 วันค่ะ จริงๆ แล้วเป็นทริปที่ไปกัน 3 คนพี่น้อง มีน้องชายกับน้องสาวแพลนไว้ และเขาก็ชวนไปด้วย ก็ถือว่าได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ส่วนลูกไม่ได้ไปค่ะ ประกาศออกสื่อเลยว่าเป็นทริปพี่น้อง น้องประกาศเลยว่าไม่ให้เอาลูกไป เขาคงอยากชิลๆ ไม่มีเด็กเล็กจะได้คล่องตัวค่ะ" พอไปแล้วเป็นห่วงเด็กๆ ไหม? "จริงๆ แล้วเคยไปแล้วไม่เอาลูกไปนะ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เออ...แปลกมาก ไม่รู้ว่าจะคิดถึงลูกขนาดนี้ เคยไปแบบไม่มีแล้วไม่เป็นขนาดนี้ค่ะ งงตัวเองมาก คิดถึงมากจนร้องไห้ในบางวัน จริงๆ ก็ถือว่าได้พัก ไม่ต้องดูแลเด็กๆ จะบอกว่าร้องไห้ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ ทริปนี้อาการหนักมาก" มีเฟซไทม์หากันไหม? "มีค่ะ ก่อนหน้านี้เวลาไม่เจอกัน ที่บ้านจะไม่ใช้โทรศัพท์ และไม่เฟซไทม์หาลูกด้วยนะ แต่ครั้งนี้ยอมแหกกฎเลย เฟซไทม์เลยค่ะ"
หลายคนสงสัยว่ารูปกับหนุ่มที่ลงเป็นหวานใจคนใหม่รึเปล่า? "ก็น้องชายไงที่ไปด้วยกัน ไปกัน 3 คนพี่น้อง น้องแท้ๆ เลยค่ะ ห่างกันปีนึง พูดอย่างนี้เขาคงเสียใจมากเพราะมันคงไม่อยากเป็นข่าวกับตุ๊ก(หัวเราะ) แต่ทุกคนจะเห็นว่าหน้าเหมือนกันมากค่ะ ถามว่ากลัวคนเข้าใจผิดไหม ก็เป็นสีสันไปค่ะ ชอบจะตายเพราะว่ามันไม่จริงไง มีแต่คนล้อว่าเขาเอาวิกมาใส่ก็ได้" ตอนเราไม่อยู่ มีใครดูแลน้องให้? "ก็มีอาม่า คุณแม่ เสาร์อาทิตย์ก็อยู่กับพี่บ๊วยค่ะ เฟซไทม์ไปก็ไม่เห็นจะสนใจแม่เลย (ยิ้ม) อยู่กับแดดดี้ก็มีความสุขกัน ถามว่าเฟซไทม์ครั้งแรกเขาตื่นเต้นไหมก็ตื่นเต้น แต่ไม่ถึงกับไม่เคย เขาก็รู้จักบ้าง แต่ว่าบ้านเราไม่ได้ใช้โทรศัพท์ เขาก็ดีใจที่ได้เห็น แต่จะมีที่หลุดร้องไห้ น้องแพรวก็ร้องตามค่ะ"
ถามถึงเรื่องผ่อนบ้านเป็นไงบ้าง? "ยังผ่อนไปตามปกตินะคะ แต่ว่าถามว่าเหลือเท่าไรแล้ว ก็อีกประมาณ 8-9 ปี มันน่าจะอยู่ในวัยทำงานของเราค่ะ ถ้านับเป็นยอดเงินก็ไม่เยอะมากนะคะ ยอดเงินนั้นไปซื้อบ้านใหม่ก็ไม่ได้แล้วค่ะ ผ่อนต่อไปนั่นแหละ คือตอนกู้แบงค์มัน 10 ปี ตอนนี้ผ่อนมา 2-3 ปีค่ะ เบาใจขึ้นไหม คิดว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ร่างกายเราทำงานได้ ยังอยู่ในวัยทำงาน ก็คิดว่าน่าจะรอด" มีแอบกังวลใจไหม? "ไม่รู้เป็นคนใจเย็นไปรึเปล่า พี่ตุ๊กเป็นคนไม่กังวล เพราะว่ากังวลไปมันไม่ช่วยอะไร ทำให้เราไม่มีกำลังใจทำงานตอนนี้ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า ทำงานได้ก็ทำไป ถ้ามันเกิดปัญหาเมื่อไหร่ก็คือแก้ปัญหาตอนนั้นน่ะ การอยู่กับปัจจุบันคือดีจริงๆ เพราะการที่เรากังวลในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดไหม มันก็ทำให้ปัจจุบันเราทำงานแล้วไม่มีพลังค่ะ"
...
เห็นว่าบ๊วยเพิ่งเปิดร้านใหม่ เขามีช่วยค่าใช้จ่ายเราไหม? "ตอนนี้ตุ๊กก็ยังพอดูแลตัวเองได้ค่ะ ยังไม่เป็นอะไรมากค่ะ พี่บ๊วยเองก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว เขาก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลเหมือนกัน ถ้าเขาสะดวกเขาก็คงช่วยเอง ตอนนี้ก็ยังค่ะ ต่างคนต่างดูแลตัวเอง ตอนนี้ยังผ่อนคนเดียวเพราะว่าผ่อนให้ลูกด้วย เราอยู่เองด้วย เขาไม่ได้อยู่น่ะเนอะ ถามว่าเขาซัพพอร์ตเพิ่มขึ้นไหม ยังค่ะ แต่เราก็ยังอยู่กันได้ เด็กๆ ยังไม่ใช้อะไรเยอะมาก แต่พี่บ๊วยดูแลเรื่องค่าเทอมมาตั้งแต่แรกก็ยังดูแลต่อไปค่ะ" เราก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม? "เหมือนเดิมค่ะ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่งานไม่ได้เยอะแยะ ถือว่าเป็นช่วงๆ ไปค่ะ ทำเท่าที่ทำได้เหมือนเดิมค่ะ" พอจะบอกค่าใช้จ่ายในบ้านได้ไหม? "บอกได้ แต่บอกไปเดี๋ยวจะดราม่ารึเปล่า โดยรวมก็เป็นหลักแสนอยู่แล้ว แล้วค่าโน่นนี่สมัยนี้ยังไงก็เป็นอยู่แล้ว แต่ยังต้องอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่ารายได้ถึงจะเรียกว่าถูกต้องค่ะ ถ้าผ่อนไม่ได้ก็ขายแค่นั้นเองค่ะ มันก็ปรับไปตามสภาพการณ์ค่ะ"
...
มันหนักเกินไปไหมสำหรับผู้หญิงคนนึง? "มันไม่เบาค่ะ แต่พี่ตุ๊กยังทำไหวอยู่ ร่างกายเรายังแข็งแรง ยังอยู่ในวัยที่มีคนเมตตาให้งานอยู่ค่ะ" เราเชื่อว่าผ่อนหมดไหม หรือทำใจเผื่อไว้ไหมว่าอาจจะไม่ไหว? "ทำใจเผื่อค่ะ เรารู้ว่าถ้าเกิดปัญหาก็ต้องใช้สติในการแก้ปัญหา ถามว่าเชื่อไหมว่าหมด เชื่อแน่นอนว่าเราทำได้ เราถึงได้เลือกทางนี้ก่อนค่ะ แต่ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับแผนได้ตลอดอยู่แล้ว" จะใจอ่อนให้ลูกเข้าวงการตามรอยเราไหม? "ที่ถามตรงนี้คิดว่าการเข้าวงการเหมือนจะหาสตางค์ได้ แต่เรายังทำคนเดียวและทำได้ก็ทำไปก่อน เพราะเด็กยังมีวัยเด็กที่สำคัญค่ะ ถ้าเขาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กที่สมบูรณ์ ตุ๊กเชื่อว่าทำให้ตอนโตเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่านะ เพราะเดี๋ยวเขามีวัยทำงานแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่ใช่วัยทำงานค่ะ" ลูกๆ มีสนใจเรื่องวงการบันเทิงไหม? "ก็ดูสนใจนะคะ เพราะอย่างที่เห็นในไอจีก็มีเรียนเต้นกับน้องๆ เพื่อนๆ พิธีกร ตอนนั้นหลุดไปตอนเปิดเทอมทีนึงก็เต้นพลิ้วกว่าแม่อีก (ยิ้ม) เขาก็ดูชอบแหละ เด็กๆ เขาก็อยากเลียนแบบแหละ แต่ถ้าเขาแค่แอบๆ ทำมีความสุขก็น่าจะโอเค เพราะพอลองทำงานจริงๆ มันคงไม่ใช่สุขล้วนๆ แน่ๆ ค่ะ"
...
เขามีขอไหมว่าอยากเรียนดนตรีหรือเดินแบบไหม? "ไม่ค่อยหรอกค่ะ เพราะมันเหมือนไม่ใช่แค่ตอนนี้หรอกค่ะ ด้วยการใช้ชีวิตทั้งหมด เขารู้ว่าไม่ใช่หน้าที่เขา ที่โรงเรียนก็มีดนตรีเป่าขลุ่ยตามวัย เขาก็มีความสุขเพียงพอแล้วกับการได้เป่าขลุ่ย กลับมาบ้านก็เป่าทั้งวันเลย เป่าจนตอนนี้รู้สึกว่าเงียบบ้างก็ดี เป่าตลอดเวลา เขาก็จะตื่นเต้น การที่เขาไม่ทำอะไรมากเกินไป พอเขาเรียนรู้ทีละเปลาะ มันจะตื่นเต้นและเต็มที่ คือเรารู้สึกว่าขลุ่ยอันเดียวไม่น่าจะทำให้เขาตื่นเต้นได้ขนาดนั้น แต่การที่เขาได้เรียนรู้ทีละนิด มันก็ดีสำหรับเขาเหมือนกัน ถามว่าเขามีขอให้สอนเดินแบบไหม ขนาดไม่สอนแต่เห็นเขาเดินจนแม่รู้สึกว่าเกินวัยมาก (ยิ้ม) เด็กก็อยากเลียนแบบน่ะ" ยังห่วงอะไรลูกๆ ไหม? "มันก็ไม่ถึงกับไม่ห่วงเลยนะคะ แต่เราถือว่าถ้าเราทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ฉะนั้นเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เพอร์เฟกต์ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก บางอย่างคงหลุดๆ ไปบ้าง ยังไงครอบครัวเราเป็นแบบนี้แล้ว เราก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำไหว เพราะไม่งั้นเราจะกังวลจนไม่มีความสุข ทำเท่าที่เราทำได้ดีกว่าค่ะ".