สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ที่รักและคิดถึงทุกท่าน อย่างที่คุณครูลิลลี่ได้เคยเรียนไว้ในข้อเขียนไทยรัฐออนไลน์เมื่อหลายครั้งก่อนว่า ช่วงนี้ข้อเขียนหรือบทความของคุณครูลิลลี่ในไทยรัฐออนไลน์คงจะเป็นเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปอีกพักใหญ่เลยค่ะ เรียนตามตรงก็คือคุณครูลิลลี่ในฐานะของครูภาษาไทยคนหนึ่งอยากจะให้คุณผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์ ทั้งข้อมูลทั่วๆ ไป รวมทั้งเรื่องราวความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับภาษาไทยที่เราจะได้ใช้กันให้ถูกต้องด้วย

อย่างเรื่องราวที่เลือกมาพูดถึงในวันนี้ก็เป็นเรื่องของวันสำคัญที่กำลังจะมาถึง นั่นคือ วันที่ ๕ ธันวาคม ที่เราทราบกันดีกว่าเป็นวันสำคัญของพวกเราปวงชนชาวไทยมานานหลายสิบปี หรือเรียกกันแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งเมื่อมาถึงปีนี้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต ก็มีชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่ลือกันไปต่างๆ นานาว่า วันที่ ๕ ธันวาคมปีนี้จะไม่เป็นวันหยุดราชการแล้วบ้าง จะไม่เป็นวันพ่อแห่งชาติแล้วบ้าง แต่ในที่สุดเรื่องราวที่เราๆ ท่านๆ คาใจและสงสัยกันอยู่ก็ได้ปรากฏชัดเจนออกมาจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีมีความเห็นชอบให้วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันสำคัญคือวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และในวันดังกล่าวยังคงมีกิจกรรมสำคัญของทางสำนักพระราชวัง ได้แก่การบำเพ็ญพระราชกุศล การพระราชทานสมณศักดิ์ของพระภิกษุสงฆ์ ยังคงให้จัดอยู่เช่นเดิม และที่สำคัญที่สุดก็คือยังคงเป็นวันหยุดตามเดิมค่ะ

ข้อสงสัยและข้อกังขาของหลายๆ ท่านน่าจะอยู่ตรงนี้ค่ะ เพราะมีหลายท่านถามมาในกล่องข้อความส่วนตัวของคุณครูลิลลี่ว่า การที่รัฐบาลประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยให้ใช้แทนวันเฉลิมพระชนมพรรษา มีความแตกต่างกันอย่างไรในการใช้คำสองคำนี้ คุณครูลิลลี่มีคำตอบมาให้ค่ะเพราะจริงๆ แล้ว "วันเฉลิมพระชนมพรรษา" กับ "วันพระราชสมภพ" เป็นสองคำราชาศัพท์ที่หลายคนต่างสงสัย และสับสนว่ามีแบบแผนการใช้อย่างไรมาตลอดนะคะ เรามาดูให้รู้เพื่อความชัดเจนกันดีกว่า

...

คำว่า "สมภพ" เป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า การเกิด ใช้เป็นคำราชาศัพท์ว่า "พระบรมราชสมภพ" หมายถึง วันเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าใช้กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะใช้ว่า "พระราชสมภพ" ส่วนพระราชวงศ์ทั่วไปใช้คำว่า ประสูติ โดยทั้งนี้คำว่า "พระบรมราชสมภพ" และ "พระราชสมภพ" หมายถึงการเกิดนั้นจะสามารถมีขึ้นเพียงครั้งเดียว ดังนั้น เมื่อวาระเวียนมาบรรจบ เราจึงต้องเติมคำว่า วันคล้ายวัน นำหน้าคำนี้เข้าไปเสมอค่ะ  เช่น วันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นต้น ส่วนคำว่า "เฉลิมพระชนมพรรษา" ประกอบด้วยคำว่า เฉลิม แปลว่า เสริม เพิ่มเติม เจิม ยกย่อง เมื่อนำมารวมกับคำว่า พระชนมพรรษา ที่เป็นคำราชาศัพท์แปลว่า อายุ จึงนำมารวมความหมายได้ว่า "วันเพิ่มหรือเสริมอายุหรือยกย่องฉลองอายุ" นั่นเองค่ะ

อ่านถึงตรงนี้คงพอเข้าใจและนึกภาพตามคุณครูลิลลี่ได้นะคะ และเนื่องจากในปีนี้พระองค์ได้เสด็จสวรรคตแล้ว จึงจะไม่มีการใช้วันเฉลิมพระชนมพรรษาอีกต่อไป จึงเหลือไว้เป็นเพียงแค่ วันคล้ายวันพระราชสมภพเท่านั้นค่ะ ที่สำคัญอีกอย่างคือ การถวายพระพรที่เราเคยปฏิบัติกันจนเคยชิน ทั้งคำว่า ทรงพระเจริญ หรือ ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็ต้องงดใช้ในโอกาสนี้ด้วยนะคะ เพราะเป็นการถวายพระพรให้อายุยืนยาว

คุณครูลิลลี่คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดในวันสำคัญที่เวียนมาในวันที่ ๕ ธันวาคมนี้ คือ การทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทำความดีถวายพระองค์ เพียงแค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วสำหรับคนไทยหัวใจไทยหัวใจที่มีให้พ่อตลอดกาลค่ะ สวัสดีค่ะ

instagram : kru_lilly , facebook : ครูลิลลี่