ผู้ใหญ่บ้านอดีตนักมวยชื่อดัง ที่ตรัง เกิดแน่นหน้าอกขับรถไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ ญาติสุดข้องใจ เพราะผู้ตายแข็งแรง ออกกำลังกายทุกวัน หมอวินิจฉัยเป็นโรคกระเพาะ สั่งพยาบาลฉีดยาดูอาการ กลับช็อกจนเสียชีวิต ทั้งที่ไม่เคยเป็นโรค

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 พ.ย. 2559 ที่โรงพยาบาลหาดสำราญเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่ออยากทราบสาเหตุการเสียชีวิตของ นายนิพนธ์ แหลมไชสงค์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.2 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.2 และอดีตเป็นนักมวยชื่อดัง อนุชน ว.สุนทรนนท์ ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีอาการแน่นหน้าอก จากนั้นได้ขับรถมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา โดยแพทย์วินิจฉัยแล้วน่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร จึงได้ให้พยาบาลฉีดยาไป 1 เข็ม อาการไม่ดีขึ้น จนหัวใจหยุดเต้น และพยายามช่วยจนสุดความสามารถแต่สุดท้ายเสียชีวิต ทางญาติเกิดความสงสัย เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำ

นายชูชัย ยอมใหญ่ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/3 ม.2 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นมีความกระจ่าง เนื่องจากผู้เสียชีวิตมาด้วยอาการแน่นหน้าอก แต่ทางโรงพยาบาลวินิจฉัยเป็นโรคกระเพาะแล้วฉีดยาให้จนเสียชีวิต ทั้งที่ผู้เสียชีวิตเป็นนักกีฬามีร่างกายแข็งแรง จึงไม่สามารถจะมีปัจจัยใดๆ ที่จะทำให้เสียชีวิต นอกจากการฉีดยาตัวนี้เข้าไป

...

ด้านนางณัฐธิรา แหลมไชสงค์ อายุ 35 ปี ภรรยา เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีเป็นคนออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งไม่น่าจะเสียชีวิตเพราะอาการที่เห็น แค่แน่นหน้าอกธรรมดา และอยากรู้สาเหตุการเสียชีวิต เพราะผู้เสียชีวิตได้ขับรถมารักษาเอง ไม่ได้มีอาการถึงขั้นโคม่า

นายแพทย์สินชัย รองเดช ผอ.โรงพยาบาลหาดสำราญเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และเป็นแพทย์ที่ทำการรักษา เผยว่า ผู้เสียชีวิต เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ก่อนที่มารักษาผู้ป่วยเจ็บบริเวณลิ้นปี่ โดยเจ็บมาประมาณ 30 นาที ก่อนมารักษา พยาบาลได้วัดความดัน ชีพจร เป็นปกติ ไม่เคยแพ้ยาอะไร โดยวินิจฉัยว่า เป็นโรคกระเพาะอาหาร จึงได้ให้พยาบาลฉีดยาแล้วสังเกตอาการอยู่ในห้องฉุกเฉิน จากนั้นไม่นานพยาบาลได้โทรศัพท์บอกว่า ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้น จากนั้นได้ช่วยกันทำ CPR และใช้ยากระตุ้นหัวใจ และช่วยอยู่ประมาณ 1 ชม. จนสุดความสามารถ จึงได้ถอดเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งหากจะหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ต้องนำผู้เสียชีวิตส่งไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ต้องให้เวลา และผู้เสียชีวิตเป็นอิสลาม ตามประเพณีต้องรีบนำร่างไปฝัง ทางญาติจึงลงความเห็นไม่นำร่างไปส่งผ่าพิสูจน์ที่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้แยกย้ายกันกลับไป.