เอ พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ หรือ เอ วงพอส เป็นอีกหนึ่งคนที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลัง โดยการเข้าร่วมโครงการ บรรพชาอุปสมบทเพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 โดยได้รับฉายาทางธรรมว่า ฐิติวิริโย แปลว่า ผู้มีความเพียรมั่นคง

โดยมีครอบครัว เพื่อนสนิททั้งในและนอกวงการฯ มาเรียม เกรย์, สมาชิกวงพอส, เฟ้น ประภาพ ตันเจริญ, บอส นิรุจ เดชบุญ มาร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย

โดยเจ้าตัวได้เผยความรู้สึกในการบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ว่า “ตอนเด็กๆ สมัยเป็นนักเรียนอยู่ชั้นประถม มีโอกาสได้ฟังคุณครูที่โรงเรียนเล่าประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 ให้ฟังเมื่อตอนท่านสวรรคต คนไทยก็จะเศร้ากันมาก มีการไว้อาลัยโดยการโกนหัว ชาวบ้านคนที่ไม่ได้บวชก็จะโกนหัว สำหรับคนที่บวชได้ก็จะบวช พอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชท่านสวรรคต ในทุกวันๆ เราจะตื่นขึ้นมาพร้อมความเศร้า พร้อมกับน้ำตาไหลที่มันไหล จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่ผมได้ฟังวิทยุเขาบอกว่ามีการบวช ที่วัดพระรามเก้า ผมก็ไปสมัครเข้าร่วมโครงการฯทันที หลังจากวันที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเรารู้สึกดีขึ้น รู้สึกสงบขึ้นเราสามารถตั้งสติได้ครับ มันก็เป็นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกันครับ และผมก็ขอถือโอกาสนำกุศลที่ได้จากการบวชในครั้งนี้น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครับ ผมเชื่อว่าทุกคนในเวลานี้ต่างมีความรู้สึกเดียวกันคือก็ยังคงมีความเสียใจ เพราะเราทุกคนต่างนับถือท่านเหมือนเป็นพ่อของเรา แต่อย่างไรก็ตามพระองค์ท่านเองก็คงอยากให้พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความสุข ผมเองในฐานะศิลปินคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 จึงมีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องราวของบทเพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ ส่วนมากเนื้อหาของเพลงที่ท่านทรงพระราชนิพนธ์ก็อยากให้เรามีความสุข และพระองค์ท่านก็ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนของพระองค์มีความสุขตลอดการครองราชย์กว่า 70 ปี ในความเศร้าโศกผมอยากให้มองในมุมของสัจธรรมชีวิตคนเราก็ต้องมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป แต่ในขณะที่เรายังมีชีวิตก็ขอให้น้อมนำคำสอนของท่านทำความดี เพื่อประโยชน์กับตัวเอง และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ”

...