นายกฯ เรียกประชุมถกแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ยันไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร "ชาวนา-ชาวไร่-ชาวสวน" บอกคิดแก้ทั้งระบบตั้งแต่เข้ามา 22 พ.ค.57 ถึงขนาดหน่วยงานเกี่ยวข้องนอนตาไม่หลับทั้งอาทิตย์ พ้อรัฐแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะสังคมสนใจแต่ปลายทาง หวังให้รัฐเอาเงินช่วยตลอด ขอสื่อช่วยอธิบาย ไม่คิดโต้ใคร เหน็บทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์ ถือเป็นกุศล
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาที่ปลูกข้าวเจ้า และข้าวหอมปทุมธานี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และจากที่ได้หารือเบื้องต้นจะใช้หลักการใกล้เคียงกับของเดิม
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังว่า ยืนยันวันนี้รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกรทั้งชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน ทุกอย่างที่เสนอมาได้รับฟังทุกคน ทั้งชาวนา โรงสีข้าว และผู้ประกอบการค้าข้าว ไม่ใช่ตนกำหนดเอง การแก้ปัญหาราคาข้าวทั้งหมดจะต้องมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม ซึ่งอยากจะบอกว่าวันนี้เรากำลังพูดถึงแค่ปลายทางเท่านั้น และก็แก้ปัญหากันมาแบบนี้ตลอด ตนเข้าใจ เพราะประชาชนเดือดร้อน แต่จะทำอย่างไรให้ถูกกฎหมายไม่ให้กลไกในตลาดเสียหาย นี่คือหลักการสำคัญ ล่าสุดรัฐบาลได้มีมาตรการให้สินเชื่อ ชะลอการระบายข้าวในส่วนของข้าวหอมมะลิ และวันนี้กำลังดูเรื่องของข้าวขาวและข้าวหอมปทุม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขณะที่ข้าวชนิดอื่นก็เตรียมมาตรการรองรับด้วยเช่นกัน หากราคามีปัญหา แต่ตอนนี้ยังไม่พูดถึง ยืนยันห่วงใยทุกคน รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าแบบนี้
...
"นี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายทางทั้งสิ้น และก็แก้กันแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งประชาชน เกษตรกรคุ้นเคย จึงทำให้วงจรการแก้ไขปัญหาทำได้ยาก เพราะรัฐบาลนี้มุ่งย้อนไปที่ต้นทาง ปรับเรื่องการใช้น้ำ การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสม การลดพื้นที่การปลูก ลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลคิดทั้งหมดและทำมาโดยตลอด แต่ปัญหาคือประชาชนและสังคมสนใจแต่เรื่องการแก้ปัญหาปลายทาง จนลืมไปว่ารัฐบาลทำที่ต้นทางมีอะไรบ้าง ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันที่ต้นทาง สนใจแต่ปลายทาง มันแก้ไม่ได้หรอก ไม่มีใครแก้ได้ และไม่มีใครสนใจจะแก้ด้วย วันหน้าก็จะเป็นอยู่แบบนี้ เพราะความเดือดร้อน แต่ทำอย่างไรถึงจะไม่เดือดร้อน ผมจึงเริ่มที่ต้นทางให้เกิดความชัดเจน ยอมรับว่าความร่วมมืออาจจะน้อยหน่อย เพราะคุ้นเคยกับตรงนี้ รอปลูกข้าว น้ำท่วม ไม่เป็นไรเดี๋ยวรัฐบาลก็ช่วย เป็นแบบนี้มาตลอด แม้แต่การจำนำยุ้งฉางซึ่งชาวนาก็ไม่ได้สร้างไว้แล้ว เพราะระบบเสียหายมา เดิมชาวไร่ชาวนามียุ้งฉางไว้เก็บ แต่วันนี้ไม่มีจึงเอามาฝากไว้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หากรับข้าวจำนวนมากๆ อย่างที่ผ่านมา ก็ต้องไปจ้างเก็บไว้ในคลังเสียค่าใช้จ่ายไปอีก มันผิดไปหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกลางทางคือการผลิต รัฐบาลก็ต้องดูแลด้วย ตั้งแต่โรงสี ภาคเอกชน และการสร้างตลาด สร้างนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าการผลิต ซึ่งเวลานี้มีทั้งสตาร์ทอัพ วิจัยพัฒนา ไม่ใช่ข้าวคือข้าวอย่างเดียว และข้าวก็มีหลายพันธุ์ หลายชนิด เริ่มติดตลาด รัฐบาลก็กำลังทำอยู่ตรงจุดนี้ แต่ก็ยังช้าอยู่ดี เพราะถ้าต้นทางพัฒนาไม่ได้ กลางทางก็คงไปได้แค่นี้ แบบจำกัด ฉะนั้นขออย่ามามุ่งตรงนี้มากนัก เรื่องความเดือดร้อนพูดได้ ตนก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าช่วยแล้วต้องเดือดร้อนทั้งประเทศคงไม่ได้ เพราะจะทำให้เซตเออเร่อ มีผลกระทบต่องบประมาณการใช้จ่ายของแผ่นดิน ซึ่งยังมีอีกหลายอาชีพก็ต้องไปดูแล ไม่ใช่ช่วยแต่ภาคการเกษตรอย่างเดียว
"ผมถามว่าเรื่องหนี้สินชาวนาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมาให้งดดอกเบี้ยชะลอหนี้สิน พักการชำระหนี้ ก็ทำกันมาตลอด ผมถามว่าแล้วจะให้มันอยู่อย่างนี้หรือ เงินก็จะหมดตรงกลางและปลายทางหมด ด้วยการช่วยเหลือและแก้ปัญหาแบบนี้ ทั้งหมดสำคัญอยู่ที่ต้นทาง ทุกมาตรการทำมาตลอด 3 ปี ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสรุปว่าสำเร็จไปแค่ไหน แต่สื่อต้องช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจตรงนี้ หากจะทำแบบเดิม ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ไม่มีวันเข้มแข็ง เราต้องใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการระเบิดจากภายใน คือต้นทางทำให้ดี ขณะเดียวกันปลายทางที่มีทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และยังมีตลาดชุมชนที่สีข้าวขายกันเอง ที่ถือว่าเป็นเส้นทางเลือกทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงให้ได้ จึงจะทำให้ราคาสูงขึ้น โดยการผลิตข้าวที่มีคุณภาพและลดปริมาณการปลูกลงแต่ประชาชนอยู่ได้ ซึ่งรัฐบาลเองก็หาวิธีการปลูกพืชเสริม ไม่ใช่ปลูกพืชเชิงเดียว ผมอยากให้สื่อช่วย ถ้าติติงตลอดก็จะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วจะสำเร็จไหม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประชาชนจะอยู่ได้ต้องใช้ความพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานไว้แล้ว โดยเก็บข้าวไว้ทำพันธุ์ส่วนหนึ่ง ไว้กินส่วนหนึ่ง ที่เหลือขายโรงสี ขายสหกรณ์ ขายอิสระด้วยการใส่ถุงขายในชุมชน ซึ่งรัฐก็จัดตลาดชุมชนให้เป็นตลาดกลางอยู่แล้ว เดี๋ยวจะมีการประกาศเครื่องหมายที่ชัดเจนอีกที เพื่อให้ชาวนาเอาข้าวมาขายในจุดนี้ได้ ทั้งหมดเพื่อส่งเสริมให้เข้มแข็ง ด้วยการผลิตและสีข้าวเอง ส่วนเรื่องหนี้สินรัฐบาลจะไปเจรจากับโรงสีขอให้มาร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อให้สังคมรับทราบว่าเขาก็ทำประโยชน์ เราจะไปกันใครคงไม่ได้ เพราะจำนวนผลผลิตข้าวมีมหาศาล การมาขายลักษณะนี้ได้เพียงส่วนหนึ่งไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ จากผลผลิตทั้งหมดของทุกชนิดข้าว แต่เป็นการทำให้คนอยู่ได้ เลี้ยงตัวได้ ขอให้ลองทำดู
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งหมดคือหลักการของรัฐบาลที่ต้องคำนึงถึงต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ของพืชทุกชนิด ถ้าทำผลผลิตออกมามากเกินไปก็ขายไม่ได้อยู่ดี และจะต้องอุดหนุนกันไปอีกสักเท่าไหร่ วันนี้ตนเห็นใจทุกคน ทั้งเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน แต่ที่ผ่านมาต้องอุดหนุนที่ปลายทางตลอด ดังนั้นต้องไปดูต้นทางเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนไม่เข้าใจตรงนี้สุดท้ายก็เดือดร้อน เงินก็หมดไปเรื่อยๆ แล้วเข้มแข็งขึ้นไหม วันนี้มาตรการต่างๆ ต้องทำควบคู่กันไป แต่ไปได้ช้า เพราะส่วนใหญ่ติดกับวัฒนธรรม หรือพฤติกรรมการปลูกข้าวแบบเดิม ขอให้เข้าใจตรงกัน ถ้ามีอะไรผิดก็ให้บอกมา แต่ไม่น่าผิด ตนคิดมานาน คิดมา 3 ปีแล้ว แต่ทำได้แค่นี้ เพราะเจอปัญหาแบบนี้ วันนี้ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นวงจรแบบเดิม
"ขอให้ช่วยรัฐบาล ผมจะไม่ไปโต้ตอบกับใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าทำดี ตั้งใจดี บริสุทธิ์มันก็เป็นกุศล ก็แค่นั้นเอง รัฐบาลไม่ได้ไปมุ่งหวังทำอะไรให้ใครเสียหายอยู่แล้ว เรื่องที่มีเหตุการณ์นี้โน้นเกิดขึ้น ขอให้พอได้แล้ว ผมจะไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เฉยๆ สังคม ประชาชน จะดูเอง ใครทำดีก็ต้องขอบคุณ ใครทำดีได้ดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องอื่นๆ ก็กำลังแก้ สิ่งที่จะตามมา เดี๋ยวก็มีเรื่องข้าวโพดนำเข้า ขออย่าเพิ่งออกมาเรียกร้องอะไรมากตอนนี้รัฐบาลกำลังแก้อยู่ แต่มันแก้สิ่งที่เกิดมา 20-30 ปี คงแก้ไม่ได้ภายในวันเดียว คงต้องแก้ทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง หากแก้เช่นนี้ได้ตนรับรองไม่เกิน 5 ปี ชาวนาชาวไร่รวยขึ้นเยอะ ซึ่งวันนี้ต้นทุนการผลิตข้าวของประเทศเรากับประเทศอื่นต่างกัน บ้านเราต้นทุนสูงกว่าเขา เมื่อเขาประกาศราคาข้าวมา สู้ราคาข้าวเขาไม่ได้ บางคนบอกให้กลับมาสู่วัฒนธรรมเดิม ใช้แรงงานใช้ควายก็โอเคใครมีแรงก็ทำไป แต่ต้องนึกถึงคนที่เขาไม่มีแรง เพราะอายุมากก็ต้องจ้างแรงงาน อย่าพูดอะไรบิดไปโน่นนี่มันทำให้สังคมไม่เข้าใจและทำไม่ได้ ขอให้เข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลและกระทรวง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และ ธ.ก.ส. ที่เขาพยายามทำกันอยู่ นอนตาไม่หลับกันมาหลายอาทิตย์แล้ว ไม่ใช่มีปัญหาและมาแก้ แต่คิดมาตลอดตั้งแต่วันแรก 22 พ.ค.57 ว่าทำอย่างไรชาวนาจะดีขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกันก็แค่นั้น
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสไปพบกับชาวนาด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมีงานที่ต้องทำอยู่ แต่รัฐมนตรี กระทรวงเกษตรฯ ก็ลง นายกฯ ต้องทำทุกอย่างเลยหรือไง มีงานอีกเยอะ แต่ก็ได้สั่งงานไปแล้ว