เธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ประกาศจะใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาให้ยูเคออกจากสหภาพยุโรปภายในไตรมาสแรกของปี 2017...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาง เธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร (ยูเค) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค. ว่า เธอจะใช้่มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจา 2 ปี ให้ยูเคออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) หรือการ 'เบรกซิต' (Brexit) อย่างเป็นทางการ ภายในสิ้นเดือนมี.ค.ปี 2017 หมายความว่า ยูเคจะออกจากอียูในช่วงฤดูร้อนของปี 2019

เมื่อวันอาทิตย์ นางเมย์ร่วมการประชุมพรรคอนุรักษ์นิยม วันแรกที่เมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเธอในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า กระบวนการออกจากอียูจะค่อนข้างซับซ้อน แต่เธอหวังว่าจะมีการทำงานในเบื้องต้นกับชาติสมาชิกอียูอื่นๆ เพื่อให้เมื่อบังคับใช้มาตร 50 แล้ว เราจะมีกระบวนการเจรจาที่ราบรื่นยิ่งขึ้น "มันไม่เพียงสำคัญสำหรับยูเค แต่ยังสำคัญสำหรับยุโรปทั้งหมด ถ้าเราสามารถทำกระบวนการนี้ด้วยหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เราจะทำให้เกิดการรบกวนต่อธุรกิจน้อยที่สุด"

นอกจากนี้ เธอยังเปิดเผยรายละเอียดของกฎหมาย 'Great Repeal Bill' เพื่อถอดสนธิสัญญาประชาคมยุโรปปี 1972 ออกจากกฏหมายของประเทศ ซึ่งเธอระบุว่าจะเป็นการยุติการให้ความสำคัญกับกฎหมายของสหภาพยุโรปเป็นอันดับแรกในสหราชอาณาจักร อันเป็นก้าวสำคัญที่หมายความว่า ยูเคจะเป็นประเทศเอกราชอธิปไตย และจะบัญญัติกฎหมายของตัวเอง

เธอบอกกับผู้แทนในที่ประชุมอีกว่า "เรากำลังจะเป็นประเทศที่มีอธิปไตย และอิสระเต็มที่ ประเทศซึ่งไม่เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพการเมืองที่เกี่ยวพันกับหลายสถาบัน ที่ครอบงำรัฐสภาและศาลของชาติอีกต่อไป" อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่นี้จะยังไม่มีผลบังคับใช้จะกว่ายูเคจะออกจากอียูภายใต้มาตรา 50

...

ด้านปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ หลังจากนางมีแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้มาตรา 50 นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป (อีซี) กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวทำให้เกิดความชัดเจนที่น่ายินดี ส่วนรัฐมนตรีด้านการเบรกซิตของสกอตแลนด์กล่าวว่า สภาของพวกเขาอาจขัดขวางกฎหมาย Great Repeal Bill ขณะที่นิโคลา สเตอร์เจียน รัฐมนตรีลำดับที่ 1 ของสกอตแลนด์กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่การตัดสินใจของรัฐบาลถูกผลักดันโดยอุดมการณ์ของผู้ที่ต้องการเบรกซิต แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ของชาติ