“ณัฐวุฒิ” ชี้ คนตั้งคำถามมาตรฐานปราบโกง อุ้ม 'ยิ่งลักษณ์' เย้ย ใช้ ม.44 คดีจำนำข้าว ลดความน่าเชื่อถือรัฐบาล แขวะ ถ้าคิดว่าต้องการเพิ่มคู่ต่อสู้แฝงให้มากที่สุด ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ดูเหมือนการเอาผิดแกนนำ นปช.ที่เป็นงานโชว์ของรัฐบาลมาตลอด จะถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเปรียบเทียบมาตรฐานการดำเนินการระหว่างคนฝ่ายตรงข้าม กับคนหรือองค์กรฝ่ายเดียวกัน กับกลุ่มผู้มีอำนาจ เเละการยึดหลักนิติธรรมในการดำเนินคดี โดยเฉพาะคดีรับจำนำข้าว ซึ่งประเมินกันว่า จะเป็นฐานความชอบธรรมให้การยึดอำนาจ แต่พอมีการใช้มาตรา 44 ในหลายขั้นตอน ทำให้ความเชื่อมั่นในกรณีนี้ลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อนายกฯ อธิบายว่า ไม่ได้ใช้ตัดสินคดี แต่ใช้เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่กลัวในการปฏิบัติก็เกิดคำถามว่า ถ้าทำถูกต้องทุกอย่าง แล้วคนทำงานต้องกลัวอะไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แม้จะเน้นย้ำตลอดเวลาว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการปกติ มีการใช้ พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดมาแล้วกว่า 5,000 คดี แต่ส่วนตัวเชื่อว่า นี่เป็นกรณีแรกที่ใช้อำนาจแบบมาตรา 44 มาดำเนินการ ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาอธิบาย ทั้งนี้ ความหมายของการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินคดี คือ การเพิ่มอำนาจรัฐและตัดสิทธิผู้ถูกกล่าวหา ยิ่งใช้มากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักว่า ภายใต้อำนาจปกติไม่สามารถกระทำได้ ส่วนการจะเรียกค่าเสียหายอีก 80 เปอร์เซนต์ จากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ควรพิจารณาให้รอบคอบว่าทำได้จริงหรือไม่ แค่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนเดียว ยังต้องเอามาตรา 44 เข็นกันแล้วเข็นกันอีก แล้วจะใช้กับ 850 คดี จะไหวหรือ
“ผลที่จะเกิดขึ้นคือ คนจำนวนมากทั้งข้าราชการและเอกชน ตลอดจนครอบครัวและญาติมิตร รู้สึกไม่ปลอดภัยในสถานการณ์นี้ เพราะไม่มั่นใจระบบอำนาจพิเศษ การสร้างความหวาดกลัวด้วยการขู่ยึดทรัพย์คนจำนวนมาก เป็นเรื่องพึงระวัง แต่ถ้ารัฐบาลคิดว่าต้องการเพิ่มคู่ต่อสู้แฝงให้มากที่สุด ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว.
...