“วิษณุ” แจงขั้นตอนเช็กบิล ค่าเสียหายจีทูจี 45 วัน แต่ถ้าศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็ต้องรอหยุดการพิจารณาก่อน เลขากฤษฎีกายืนกราน คิดตังค์ค่าเสียหายคู่ขนานไปกับคดีอาญาได้ ไม่จำเป็นต้องรอ “บุญทรง” ดิ้นสู้ยื่นศาลปกครองขอทุเลาคำสั่ง ลั่นจะฟ้องแหลกถ้วนหน้าคนที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่ง-อาญา ซัดใช้มาตรา 44 ลัดขั้นตอน จ้องลากนายกฯขึ้นศาล หลังมอบอำนาจให้คนอื่นลงนามแทน พ้อไม่เคยได้รับความเป็นธรรม มั่นใจทำถูกต้องบริสุทธิ์ “บิ๊กติ๊ก” น้อง “บิ๊กตู่” เปิดใจพี่ชายเตือนให้ระวังตัว อยู่นิ่งๆเงียบๆ แต่พร้อมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทุกสิ่ง ทั้งเรื่องฝาย “แม่ผ่องพรรณวัฒนา” และบริษัทลูกชาย “บิ๊กป้อม” ไฟเขียวให้สอบไปตามเนื้อผ้า ขณะที่ ป.ป.ช.ค้นข้อมูลตั้งแท่นชงเรื่องสอบ “มีชัย” เผยกลาง ต.ค.เห็นเค้าลาง ก.ม.ลูก ข้องใจ กกต.จะบังคับแคนดิเดตนายกฯดีเบตทำไม กกต.ดักคอ กรธ.อย่ารื้อนั่งร้าน แน่จริงเซ็ตซีโร่ล้างใหม่ทุกองค์กร

หลังจาก รมว.พาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามคำสั่งทางปกครอง เรียกเงินค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากนักการเมืองและข้าราชการจำนวน 6 ราย เป็นจำนวนเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายจะมีการร้องศาลปกครองต่อไป ล่าสุด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ หนึ่งในผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ประกาศจะฟ้องกลับด้วย

เรียกค่าเจ๊งจีทูจีภายใน 45 วัน

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวว่า ในส่วนของการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่เรียกเก็บค่าเสียหายจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์กับพวก 6 คน ทาง รมว.พาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเรียบร้อยแล้ว จากนี้ต้องแจ้งให้ผู้ชดใช้ค่าเสียหายทราบภายใน 30 วัน หากยังไม่ดำเนินการชดใช้จะแจ้งเตือนภายใน 15 และจะมีผลโดยกรมบังคับคดีสามารถดำเนินการได้ทันที ยกเว้นนายบุญทรงจะร้องศาลปกครอง และศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กระบวนการจะต้องหยุดเพื่อรอคำพิพากษาของศาล เมื่อถามว่า นายบุญทรงระบุว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม นายวิษณุตอบว่า อันนั้นไม่ทราบ

...

คาดต้องรอศาลปกครองตัดสิน

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 56/2559 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจหน้าที่ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองในการเรียกเก็บค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวว่า เนื่องจากทรัพย์ในคดีนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่จำนวนมาก อาจมีความซับซ้อน รัฐบาลจึงให้กรมบังคับคดีดำเนินการ เพราะมีความชำนาญในการยึดทรัพย์ สืบทรัพย์ แต่กรมบังคับคดีจะเข้าไปยึดทรัพย์ก็ไม่ได้ง่าย เมื่อข้าราชการถูกเรียกทรัพย์ในคดีละเมิดลักษณะนี้ ข้าราชการมีสิทธิร้องศาลปกครองเพื่อขออุทธรณ์ ปัจจุบันคดีอุทธรณ์เกี่ยวกับข้าราชการทุกกระทรวงมีเต็มไปหมด ใครแพ้ ชนะ ก็ว่ากันที่ศาลปกครอง พอจบแล้ว หากเขาแพ้ กรมบังคับคดีถึงจะเข้าไปดำเนินการ ต้องทำตามคำสั่งศาล เมื่อมีคำสั่งก็ทำได้เลย

เรียกค่าเสียหายทำคู่ขนานอาญาได้

นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์กรณีแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ที่มีการตัดเนื้อหาอายุความในข้อ 18 จากฉบับเดิมออกว่า ระเบียบไม่สามารถกำหนดอายุความใดๆได้ เรื่องอายุความไม่ได้หายไปไหนเพราะยังมีอยู่ในมาตรา 10 วรรคสองของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่ให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนมีอายุความหนึ่งปี นับตั้งแต่วันที่หน่วยงานรัฐมีคำสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง เรื่องนี้จึงไม่มีอะไรพิสดาร เมื่อถามถึงกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะมีการ เรียกค่าเสียหายกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน นายดิสทัตตอบว่า การเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาฯเป็นคนละส่วนกัน การเรียกค่าเสียหายดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ สามารถทำคู่กันไปได้ ในอดีตเคยมีลักษณะแบบนั้น ส่วนทางผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรถือเป็นสิทธิ

รมว.คลังไม่หวั่นลงนามยึดทรัพย์ “ปู”

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณากำหนดค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของคณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง ว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯยังไม่ได้ส่งรายงานผลการพิจารณาและไม่ได้มีการรายงานความคืบหน้ามา ถ้าเสร็จเขาคงส่งมา เมื่อถามว่า ในฐานะ รมว.คลังกังวลหรือไม่หากต้องลงนามคำสั่งทางปกครองแทนนายกฯเหมือนกระทรวงพาณิชย์ นายอภิศักดิ์ตอบว่า “กังวลอะไร ไม่กังวล”

“ประวิตร” ชี้ทุกอย่างว่าไปตาม ก.ม.

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองมองว่าการลงนามคำสั่งทางปกครองของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบจีทูจี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นเรื่องไม่ถูกต้องว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯดูแลอยู่ ไม่ขอก้าวก่าย แต่มองว่าถ้าทำไม่ได้ เขาคงไม่ทำ สื่อไม่ต้องห่วง ขอให้ปล่อยไปตามกฎหมาย ทุกอย่างต้องเดินตามกฎหมาย ถ้าไม่เดินตามกฎหมายมันทำไม่ได้

ขอ “วิษณุ” ทบทวนปิดช่องย้อนศร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพูลเดช กรรณิการ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ผ่านคณะทำงานขอให้พิจารณากรณีที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ลงนามในหนังสือคำสั่งบังคับทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายการขายข้าวแบบจีทูจี กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก โดยนายพูลเดชกล่าวว่า การลงนามดังกล่าวตนกังวลว่าอาจเป็นโมฆะ เพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกา เคยทำหนังสือตอบกลับกระทรวงพาณิชย์ว่าผู้ที่มีอำนาจลงนาม คือนายกฯกับ รมว.พาณิชย์ อาจเป็นใครคนใดคนหนึ่ง หรือจะลงนามทั้งสองคนก็ได้ การที่นายกฯมอบอำนาจให้ รมว.พาณิชย์ลงนามแทนเกรงว่าต่อไปจะกลายเป็นปัญหาแล้วผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจะนำประเด็นนี้มาเป็นข้อต่อสู้ จึงอยากให้นายวิษณุทบทวนเรื่องนี้ เพื่อปิดช่องทางไม่ให้ผู้ชดใช้ค่าเสียหายนำประเด็นนี้ต่อสู้คดี

“บุญทรง” ลั่นฟ้องกลับอาญา–แพ่ง

ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กำลังรอเอกสารแจ้งมาอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะยื่นขอทุเลาคำสั่งและไต่สวนฉุกเฉิน เชื่อว่าศาลปกครองจะรับคำร้องเพราะถือเป็นสิทธิ์ในการพิสูจน์ว่าคำสั่งออกมาโดยชอบและมีกระบวนการครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามสิทธิ์ที่จะทำได้เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้ทั้งๆที่มีกฎหมายที่จะดำเนินการได้ตามขั้นตอนอยู่แล้ว ถือเป็นการลัดขั้นตอน เร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ รวมทั้งการที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีลงนามแทนทั้งที่ตาม พ.ร.บ.เรียกให้ชดใช้ความผิดทางละเมิดในระดับรัฐมนตรี กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามเท่านั้น ก็เป็นเรื่องที่นายกฯต้องชี้แจงในชั้นศาลด้วย ทั้งนี้คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งถูกฟ้องความผิดตาม ม.157 ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต จึงไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกัน เพราะจะไม่เป็นธรรมกับอดีตนายกฯ

โวยไม่เคยได้รับความเป็นธรรม

นายบุญทรงกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่มีการฟังคำชี้แจงใดๆและการใช้สำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาเป็นหลักในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ก็เป็นการใช้สำนวนเดียวกับคดีอาญาที่ยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล โดยยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นในการระบายข้าว ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญา มีการระบุตัวเลข และได้รับการชำระเงินครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปบริสุทธิ์และโปร่งใส สำหรับนายกฯคงไม่แคร์ในเรื่องนี้ เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และไม่ต้องกลับไปลงเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญใหม่ก็ให้โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีก จึงไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปโต้แย้ง คงต้องไปพูดกันที่ศาล

“บิ๊กติ๊ก” เผยนายกฯเตือนให้ระวัง

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานปลัดกลาโหม ถนนศรีสมาน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานยังแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ โดยในระหว่างรอฤกษ์ประกอบพิธีและรอนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาและนายกสมาคมภริยา ข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น พล.อ.ปรีชาได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ผลออกมาความดันปกติ แต่มีปัญหาเรื่องปอด ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ฝายแม่ผ่องพรรณและบุตรชาย ถือหุ้นส่วนรับเหมา 2 โครงการกองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า สร้างอาคารค่ายพ่อขุนผาเมือง ตึกแถวนายทหารประทวน โรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ จ.ตาก จำนวน 26.9 ล้านบาท ในช่วงปี 2558-2559 นั้น ตนกับภริยาจะไม่ขอชี้แจงใดๆ แต่ยอมรับว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะพี่ชายโทรศัพท์มาหาและเตือนให้ระวังตัว ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่าให้เงียบๆไม่ต้องชี้แจงอะไร ตนเชื่อว่าใครทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้สิ่งนั้น

“ผ่องพรรณ” อารมณ์ดีไม่เครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นเมื่อนางผ่องพรรณเดินทางมาถึง พล.อ.ปรีชาจึงบอกกับภริยาว่า มีสื่อมวลชนมารออยู่ ขณะที่นางผ่องพรรณกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ช่วงนี้เรตติ้งกำลังแรง ขออยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่มีอะไร เราก็อยู่ของเรา เราตั้งใจทำให้ชาวบ้าน ชื่อชาวบ้านตั้งเอง เขาเรียกชื่อพ่ออุ้ยแม่อุ้ย เราบอกจะใช้ชื่ออะไรก็แล้วแต่ ชาวบ้านเลยใช้ชื่อ “แม่” เพราะจำง่ายดี และตนไม่เครียด

พร้อมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทุกสิ่ง

พล.อ.ปรีชาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวโจมตีตนและครอบครัวในช่วงนี้ว่า เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เมื่อทำอะไรถูกต้องแล้ว ก็สบายใจเรา ส่วนข่าวโจมตีที่มีกระแสแรงขึ้นนั้น ก็ให้สืบหาข้อเท็จจริงเอา สิ่งไหนไม่ถูกต้องก็ว่ากันไป เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ หากข้อเท็จจริงที่นำเผยแพร่ไม่ถูกต้อง พล.อ.ปรีชาตอบว่า ขณะนี้ก็ยังไม่มีประเด็นใดกล่าวหาถึงตน เมื่อถามว่า ยังมีการเปิดประเด็นถึงการรับงานก่อสร้างของบุตรชายในกองทัพภาคที่ 3 พล.อ.ปรีชาตอบว่า อย่าไปยุ่งกับลูกชายเลย บริษัทนี้ลูกชายดำเนินการเอง ตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะย้ายมาดำรงตำแหน่งปลัดกลาโหมแล้ว ลูกชายของตนตั้งบริษัทมา 5 ปีแล้ว เมื่อถามถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไปยื่นเรื่อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบกรณีต่างๆ พล.อ.ปรีชาตอบว่า ถ้า ป.ป.ช.ให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงก็ไปได้ เพราะเรามีข้อมูลอยู่แล้ว คนเราทำอะไรก็ย่อมรู้แก่ใจ เมื่อถามว่า เพราะนามสกุลจันทร์โอชาหรือไม่จึงถูกโจมตี พล.อ.ปรีชาไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน

“ประวิตร” ให้สอบสวนตามเนื้อผ้า

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์– โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีอำนวยความสะดวกให้นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา ในการเดินทางไปเป็นประธานสร้างฝายชะลอน้ำ “แม่ผ่องพรรณ พัฒนา” ที่ จ.เชียงใหม่ว่า ให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ตรวจสอบไป ไม่มีปัญหา ต้องทำตามกฎหมายทุกอย่าง ส่วนกรณีที่นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ.ปรีชาทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 2 โครงการนั้น เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 3 ตนไม่ทราบ หากมีการตรวจสอบก็ให้ดำเนินตามกระบวนการ และการประมูลงานต้องทำตามขั้นตอนและระเบียบ มีคณะกรรมการต่างๆในการเปิดซอง และดูว่าราคาที่ได้เหมาะสมหรือไม่ แล้วแม่ทัพภาคที่ 3 ถึงจะลงนามได้ ไม่ได้เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม

ป.ป.ช.หาข้อมูลตั้งแท่นสอบ

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และนายทหารระดับสูงอีก 3 คน ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ปรีชา ระหว่างการเดินทางเป็นประธานสร้างฝายชะลอน้ำ และตั้งชื่อฝาย “แม่ผ่อง พรรณพัฒนา” ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ว่า เมื่อมีผู้มาร้องเรียน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้ หลังจากนี้จะต้องไปเก็บข้อมูล และแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นในเรื่องดังกล่าวตามขั้นตอน เพื่อรายงานให้ที่ประชุม ป.ป.ช.รับทราบต่อไป ทุกอย่างต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวน การแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยตรวจสอบว่า ใช้งบประมาณอะไรในการดำเนินการ และเป็นการใช้งบประมาณที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องขอดูในรายละเอียดก่อน ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่คงต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมด

“บิ๊กกุ้ย” ปัดแทรกแซงนิติบัญญัติ