พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ในคอลัมน์วันนี้ แม่พิมพ์ เป็นพิมพ์ใหญ่คุ้นตา ทุกเส้นสายถูกต้อง จนไม่ต้องถกกัน ผิวพระส่วนรักหลุดลอกไปแล้ว สภาพเดิมถูกใช้แบบไม่ถนอมรักษาจนซีดหมอง แม้ผ่านการประคบผิวฟื้นฟูแล้ว ก็ยังสดใส เงาสว่างกระจ่างไม่ถึงใจ

โดยธรรมดา พระที่พิมพ์ดี แต่เนื้อหายังดีไม่พอ...ภาษาวงการพระว่า จัดไม่พอ อย่างนี้ เซียนมักเมิน

แต่ธรรมชาติองค์พระทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง รวมทั้งเศษรักชิ้นเล็กด้านหน้า และเนื้อรักปื้นใหญ่ด้านหลัง คนเป็นพระสมเด็จ ดูได้ไม่ยากว่าเป็นพระแท้

จุดตัดสินใจได้ว่า แท้ ก็อยู่ที่หลักฐานสำคัญ คือ “รัก”

รักพระสมเด็จนั้น ผู้รู้บอกว่า มีสองชนิด รักน้ำเกลี้ยง บาง...สีแดงเลือดหมู กับรักน้ำดำ ...หนาและดำ

รักน้ำเกลี้ยง ว่ากันว่ามาจากเมืองจีน รักน้ำดำ ก็ว่ากันว่า รักเมืองไทย มาจากทางภาคเหนือของไทย

นี่คือ เรื่องรัก ที่ผู้รู้ว่า...แต่ความจริงที่ประจักษ์ตา จากภาพพระแท้...ที่ถ่ายชัดขยายใหญ่...ในหนังสือพระเครื่องสมัยนี้ ค่อยๆดูให้ดีๆ ดูอย่างพิจารณา ก็จะเห็นเป็นอีกเรื่อง

รักที่เหลืออยู่ในองค์พระ เป็นปื้นหนานั้น เห็นชัดเป็นสีดำ แต่ถ้าเป็นรักที่ลงบาง ก็จะเห็นเป็นสีแดงเลือดหมู ทำให้คิดได้ว่า รักน้ำเกลี้ยง และรักน้ำดำ เป็นรักเดียวกัน สีที่เห็นต่าง มาจากความบางความหนา...

แต่สิ่งที่เห็นได้อีก...ก็คือ แม้รักที่หลุดล่อนไปเอง หรือถูกล้างออกอย่างตั้งใจ

เนื้อพระจะดูดซับ เยื่อ–ยาง สีแดงจางๆ เอาไว้

สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ในตำนาน อย่างองค์ขุนศรี ที่เห็นเป็นสีแดงฉาบบางๆทั้งองค์ นั่นแหละ ยางรัก หลายองค์ยางรักเหลือบ้าง หนาบาง ไม่เท่ากัน

ความลับ...ที่อยากปิดไว้ แต่ปิดไม่มิด ใครเคยมีประสบการณ์ ล้างพระที่สกปรกคร่ำคร่า ก็จะพบว่า ทันทีที่พระเจอน้ำอุ่น ผิวที่ขาวอมเหลืองธรรมดา ก็จะปรากฏยางรักสีแดงเลือดหมู โผล่ออกมานอกผิว

...

พอน้ำแห้ง เมื่อผิวขาว หรือผงแป้งโรยพิมพ์โผล่ขึ้นมา ยางรักก็มักจมหายไป

นี่เป็นทีเด็ด...เคล็ดลับ ยืนยันความเป็นพระสมเด็จแท้ได้อีกประการหนึ่ง

และทีเด็ด ที่จริงก็เป็นธรรมชาติอีกประการของพระสมเด็จแท้...ส่องให้ดี อย่างองค์ในคอลัมน์วันนี้ เศษรักที่ติดด้านหน้า มักติดอยู่กับหลุม ร่อง และที่เม็ดปูนขาว (วงการเรียกก้อนขาว)

รักในหลุม ร่อง เอาออกยาก แต่รักที่แปะติดอยู่กับเม็ดปูนขาว ความที่เม็ดปูนขาวไม่ได้ผสมเข้ากับน้ำมันตังอิ๊ว จึงดูดซับเนื้อรักว่าแน่นหนักกว่าเนื้อพระทั้งองค์ ดูให้ดี บางตำแหน่ง ทองยังติดอยู่

ที่ผู้รู้บางท่านบอกว่า เนื้อพระสมเด็จ มีแร่ทรายเงิน แร่ทรายทอง นั้นก็จริง แต่บางจุดที่เห็นรัศมีสีทอง ไม่ใช่ทรายเงินทรายทองทั้งหมด แต่เป็นจุดที่รักทองติดอยู่กับเม็ดปูนขาวเท่าหัวเข็มหมุด

ส่องพระสมเด็จ ที่ส่องกันจนเพลิน ลืมกินข้าวปลา ก็เพราะในผิวพื้นเนื้อพระสมเด็จ มีความลึกความลับ ซ่อนให้ค้นหาอยู่มากมายประดามีเหล่านี้

ได้พื้นฐานความรู้เรื่องรักไว้บ้างแล้ว ทีนี้หันไปดูด้านหลังสมเด็จองค์ในภาพอีกที ปื้นรักติดหนา ขอบพระหลุดล่อนไปบ้าง ตรง กลางคล้ายใบโพธิ์ติดกิ่ง...มองเห็นความพยายามลอกรัก...แต่ลอกไม่ออก

เนื้อรักส่วนที่เหลือมาก ผ่านการสัมผัสเสียดสี จนกลายเป็นสีใบไม้แห้ง...ส่วนที่ลึกลงไป พอส่องเห็นสีรัก แบบรักน้ำดำ...ที่มีความเก่า กลมกลืนไปได้กับเนื้อพระ

รักสภาพนี้ ดูแล้วไม่งามตา แปลกกว่ารักสมเด็จแท้ทั่วไป แต่หากจะลอกทิ้ง ก็เท่ากับทิ้งหลักฐานสำคัญ

พิมพ์ดี แต่เนื้อไม่สว่างกระจ่างใสก็ได้รักนี่แหละเป็นตัวช่วย...รักเก่านั้น ท่านก็มักอยู่กับพระเก่า...ถ้าไม่มีรัก มีคนดูว่าพระไม่เก่า กลายเป็นพระเก๊ขึ้นมา ก็จะเสียใจไปนาน.


พลายชุมพล