ตำรวจเร่งล่าตัวฮูลิแกนลูกหนัง กองเชียร์อันธพาลยกพวกตะลุมบอนหลังเกมดวลแข้งรอบรองฯ บอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพ ระหว่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทองฯ กับ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ผบก.ภ.จ.นนทบุรีสั่งไล่เช็กภาพเหตุการณ์หาตัวหัวโจกผู้ก่อเหตุ “บิ๊กอ๊อด” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย วอนทุกฝ่ายอย่าเพิ่ง ด่วนสรุปเรื่องบทลงโทษ ต้องพิจารณาให้รอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย บอร์ดบริหารทีมเมืองทองฯ ออกโรงแถลงการณ์ประกาศยุบทีมทันทีหากสมาคมออกมาตรการลงโทษหนักไม่เป็นไปตามกฎฟีฟ่า ชี้มีการจัดตั้งกลุ่มก่อเหตุวุ่นวายให้มีผลกระทบกับทั้ง 2 สโมสร “มาดามแป้ง” แถลงเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บั่นทอนกำลังใจคนทำงาน แม้พยายามป้องกันเหตุเต็มที่แล้ว
จากเหตุการณ์แฟนฟุตบอลของ 2 ทีมสโมสรดัง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จ่าฝูงโตโยต้าไทยลีก กับ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 ในลีกรอง ยามาฮ่าลีก ดิวิชั่น 1 ฮือยกพวกตะลุมบอนทำร้ายร่างกาย ขว้างปาสิ่งของและระเบิดปิงปองใส่กันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจบแมตช์ฟุตบอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพรอบรองชนะเลิศที่ทั้งคู่เสมอกัน 1-1 เหตุเกิดบริเวณสี่แยกทางเข้าสนามเอสซีจี สเตเดียม หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ย. ตำรวจยกกำลังเข้าระงับเหตุ ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำไล่กองเชียร์อันธพาลทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนผู้บาดเจ็บอาการหนักเป็นฝ่ายกองเชียร์ทีมการท่าเรือ 2 คนคือนายยอดชาย วรรณวงค์ อายุ 28 ปี บาดเจ็บที่ใบหน้า และนายศุภกร อินทชิต อายุ 43 ปี ศีรษะแตก ทั้งคู่ถูกนำส่ง รพ.ชลประทานปากเกร็ด
ความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีกลุ่มกองเชียร์อันธพาล เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ก.ย. พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร์ พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง ผบก. เดินทางไปที่ สภ.ปากเกร็ด เรียกประชุมวางแนวทางการคลี่คลายคดี พล.ต.ต.สุศักดิ์ เผยว่า เบื้องต้นสั่งการให้เร่งหาภาพเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุเพื่อเป็นพยานหลักฐานหาตัวผู้ก่อเหตุ แต่ละฝ่ายมีหลายสิบคน ขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ ส่วนฝ่ายใดจะผิดหรือถูกยังไม่ได้สรุป ต้องรอผลตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้
...
ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวด้วยว่า ก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น ตำรวจได้วางกำลังดูแลป้องกันเหตุทั้งภายในสนามฟุตบอลและด้านนอกของสนามจำนวนกว่า 300 นาย กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายไม่ได้จงใจก่อเหตุ แต่หลังจากการแข่งขันจบลง ระหว่างที่กองเชียร์แยกย้ายกันเดินทางกลับ บังเอิญมาเจอกันด้านนอกของสนามจนเกิดการยั่วยุท้าท้ายกันไปมากระทั่งมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เบื้องต้นจะดำเนินคดีผู้ก่อเหตุในข้อหาทำร้ายร่างกายก่อน ถ้ามีพยานหลักฐานอื่นเพิ่มก็จะพิจารณาในข้อหาอื่นต่อไป
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร์ รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี เผยว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำฝ่ายกองเชียร์ทีมการท่าเรือไว้แล้ว 3 ปาก และมีอีกบางส่วนรวมทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังรอเข้าให้ปากคำ จะทยอยเรียกสอบสวนทีละฝ่าย เนื่องจากถ้าเรียกมาพร้อมกันทั้งสองฝ่ายหวั่นจะเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันอีก
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางทองไสย์ ศรีโคตร อายุ 50 ปี บ้านอยู่ย่านหนองจอก กทม. แม่ของนายยอดชาย วรรณวงค์ อายุ 28 ปี กองเชียร์สโมสรการท่าเรือที่ถูกกองเชียร์สโมสรเมืองทองฯ รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สวิช สืบเพ็ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่มารุมทำร้ายลูกชาย ขณะเดียวกัน มีกลุ่มกองเชียร์ฝั่งสโมสรการท่าเรือเข้าให้ปากคำในฐานะพยานอีก 3 ปาก
พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เผยว่า วางแนวทางการสอบสวนไว้ 2 ส่วน ส่วนแรก ถ้านายยอดชาย และนายศุภกร ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นและสามารถให้การได้ จะสอบปากคำทันทีในฐานะผู้เสียหาย และจะให้ดูบุคคลตามภาพที่อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าจำตำหนิรูปพรรณของผู้ก่อเหตุได้จะขออนุมัติหมายจับและจะติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นทันที ส่วนที่สอง กลุ่มผู้ก่อเหตุที่ไม่ได้มีส่วนทำร้ายร่างกายนายยอดชายและนายศุภกร ทั้งกองเชียร์สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และฝั่งกองเชียร์สโมสรการท่าเรือ จะตั้งชุดสอบสวนอีกทีมหนึ่งเพื่อสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาททั้งหมด เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันชุลมุนต่อสู้ตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย นอกจากนี้ยังส่งผลให้รถปิกอัพอีซูซุ 4 ประตู สีดำ ทะเบียนตราโล่ 21577 ของตำรวจ ได้รับความเสียหายกระจกหลังแตก ส่วนอาการนายยอดชาย ที่รักษาตัวอยู่ รพ.ชลประทานปากเกร็ด ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าอาการดีขึ้น พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนนายศุภกรได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.บางปะกอก 9 ยังมึนศีรษะเล็กน้อย คาดว่าทั้งคู่จะเข้าให้ปากคำได้อีก 1-2 วัน
ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผยว่า สั่งให้คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท และข้อทักท้วง พิจารณาเคสการปะทะกันระหว่างแฟนบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือ เอฟซี หลังเกมโตโยต้า ลีกคัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเร่งด่วนแล้ว “เป็นที่น่าเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น เป็นการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะผู้บริหารทั้งสองทีม แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสมาคมต้องเข้าไปดำเนินการ ขั้นตอนอันดับแรกคือแมตซ์คอมฯต้องรายงานเหตุการณ์ทั้งในและนอกสนามให้กับคณะวินัยฯเพื่อพิจารณา จากนั้นจะพิจารณาว่าใครถูกใครผิด ตรงนี้เท่าที่ทราบเบื้องต้นจะเชิญเจ้าหน้าที่ทั้งสองทีม รวมถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตลอดจนพนักงานสอบสวนกับผู้ที่ก่อเหตุ มาชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อประกอบการพิจารณา ผมบอกให้รีบดำเนินการเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนด้วย”
ประมุขฟุตบอลไทยเผยต่อไปว่า เรื่องตัดแต้มเรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้ มันเร็วเกินไปที่มีการวิพากษ์ว่าจะลงโทษแบบนั้นแบบนี้ เช่น ตัดเงิน ตัดสิทธิ์ หรือตัดคะแนน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้เพราะยังไม่ได้สอบสวนเลย ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบสอบสวนตามขั้นตอนก่อน ตนกำชับไปแล้วว่าให้พิจารณาอย่างรอบคอบ และให้ความเป็นธรรมเต็มที่ และยึดตามระเบียบข้อบังคับที่เคยมีใช้ในการพิจารณาด้วย เรามีคณะพิจารณาวินัยมารยาท มี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีต ผบช.ภ.1 เป็นประธาน กำชับให้พิจารณาอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร ไม่อยากให้คณะกรรมการฯเร่งพิจารณาบทลงโทษ เพราะต้องมีความละเอียด เชื่อมั่นในตัว พล.ต.ท.อำนวย เก่งเรื่องสืบสวน น่าจะจัดการกับผู้ก่อเหตุได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ สามารถนำมาลงโทษในฟุตบอลลีกได้หรือไม่นั้น ต้องดูกฎข้อบังคับว่าระบุไว้เช่นไร
...
ขณะเดียวกัน บอร์ดบริหารของสโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ ออกแถลงการณ์มีใจความว่า “ในนามของสโมสรขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่ามีการจัดตั้งกองเชียร์ขึ้นมาเพื่อทำให้มีความวุ่นวายหลังเกมนี้ มีผลกระทบทางอ้อมต่อสโมสรการท่าเรือ เอฟซี เช่นกัน อีกทั้งจะเป็นการกลั่นแกล้งการขึ้นไทยลีกของพวกเขา เพราะคุณแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรฯ ได้เดินลงมาสนาม เพื่อขอให้แฟนบอลกลับบ้าน อีกทั้งแฟนบอลเมืองทองฯ ยังให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นี่คือความตั้งใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้กับวงการฟุตบอล”
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คู่ของแมนฯยู กับ แมนฯซิตี้ ในเกมล่าสุด มีการปะทะกันของแฟนบอลนอกสนามหนักกว่าเมืองไทยยังไม่มีการแบนสโมสร หรือตัดคะแนนในลีกแม้แต่อย่างใด กรณีเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหลังเกมของโตโยต้าลีกคัพ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. การปะทะกันของแฟนบอลทั้งสองทีมเกิดขึ้นบริเวณนอกสนาม แต่มีคณะกรรมการบางคนในสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยออกมาพูดนั้น การตัดสินต้องยึดมาตรฐานและกติกาข้อบังคับในระดับสากล คือฟีฟ่าเป็นหลัก ถ้ามาตรการออกมามีผลกระทบโดยตรงที่ร้ายแรงกับสองสโมสร โดยเฉพาะสโมสรของเรานั้น เราจะประกาศยุบทีมทันที ได้แจ้งไปยังบอร์ดของเอสซีจีให้ทราบเรื่องนี้เรียบรอยแล้ว ที่ผ่านมาเราสร้างทีมไม่ได้หวังผลประโยชน์จากทางการค้า รวมทั้งช่องทางในการเมืองแต่อย่างใด แต่มีเป้าหมายในการทำทีมฟุตบอลเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนบอล ยามที่ออกไปเป็นทีมเยือนจะเห็นได้ว่ามีกองเชียร์ที่ตามมาเชียร์ทีมอย่างล้นหลาม ตั๋วหมดทุกครั้ง และส่งผลดีต่อทีมชาติไทยโดยตรงอีกด้วย”
ส่วน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ก็แถลงเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน มีข้อความว่า “แป้งในฐานะ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี และผู้บริหารของสโมสรรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกมการแข่งขัน โตโยต้า ลีกคัพ ระหว่างทีมการท่าเรือ เอฟซี (ทีมเยือน) กับทีมเมืองทองฯ (ทีมเหย้า) เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ตลอดเกมการแข่งขัน 90 นาทีในสนาม นักกีฬาทั้งสองทีมต่างมุ่งมั่นทุ่มเทในการแข่งขันอย่างมืออาชีพ อย่างน่าชื่นชม และถือเป็นแมตช์การแข่งขันที่ประทับใจผู้ชมทั้งในและนอกสนามทั้งประเทศ นักกีฬาทั้งสองทีมต่างเล่นด้วยน้ำใจนักกีฬา ตามกฎกติกาการแข่งขัน ไม่มีความรุนแรงในสนาม
...
“แป้งรู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกมการแข่งขัน มันบั่นทอนกำลังใจของคนทำงาน นักกีฬา ตลอดจนแฟนบอลชาวไทย และอีกหลายๆ ส่วนที่พยายามร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาวงการกีฬาไทย แป้งเชื่อว่าทั้งสองสโมสรไม่ได้คาดหวังให้เหตุการณ์วุ่นวายนี้เกิดขึ้น และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราต่างพยายามทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นนี้ แป้งขอแสดงความเสียใจกับแฟนบอลทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวุ่นวายนี้ รู้สึกเสียใจกับครอบครัวและผู้บาดเจ็บทั้งสองทีม สิ่งสำคัญขณะนี้คือการดูแลผู้บาดเจ็บ แป้งส่งทีมงานติดตามดูแลอาการอย่างใกล้ชิด หวังอย่างยิ่งว่าทุกคนจะกลับมาแข็งแรง เพื่อเป็นแรงเชียร์และกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ตนรักอีกครั้ง ส่วนผู้กระทำผิดขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะติดตามหาตัวและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”