ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แม้แต่คิดยังไม่กล้าท้าเสียงด่า
กับมุกล่าสุดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. โยนทุ่นผ่าน “เสธ.ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดแนวคิดนโยบายแก้ปัญหารถติด ด้วยการให้รถทะเบียนเลขคู่วิ่งสลับวันกับรถทะเบียนเลขคี่
นัยว่า โชว์มิติความกล้าหาญในการตัดสินใจที่เหนือกว่ารัฐบาลนักการเมือง
เสนอปมร้อนๆกับสังคมโดยไม่ห่วงไม่สนเรื่องเสียคะแนนนิยม
ตามอารมณ์ของผู้นำรัฐบาลท็อปบูตที่ได้ต่อตั๋วโปรโมชั่นอำนาจพิเศษจากผลโหวตประชามติ ในการนำประเทศไทยก้าวข้ามช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปใหญ่
ใส่เกียร์ห้าเดินลุยดะ พร้อมเดินหน้าปะทะแรงเสียดทาน
และตามปรากฏการณ์มันยังสะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์บริหารภายในทีมงานอำนาจ คสช.ที่ผิดไปจากแบบฟอร์มปกติที่ผ่านมา
กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกปัดออกอากาศแบบชัดถ้อยชัดคำ จะไม่มีการตั้ง “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.และ “บิ๊กโชย” พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพื่อเป็นการตอบแทนหลังเกษียณฯ แบบที่คาดเดากัน
เป็นอันยุติรายการสมบัติผลัดกันชมในหมู่ท็อปบูต
ตามสูตรที่ว่าจ่าฝูงกองทัพที่เกษียณฯ จะถูกดึงเข้า ครม. ไม่ให้อยู่ในภาวะ “ขาลอย” เหมือนอย่างกรณีของ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่มีเก้าอี้ รมช.กลาโหม รองก้นหลังพ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.
ซึ่งกรณีของ พล.อ.ธีรชัยก็มีกระแสคาดการณ์กันว่าอาจเสียบแทนโควตาของ “บิ๊กโด่ง” ที่สถานภาพโอนเอนมาตั้งแต่ปมอุทยานราชภักดิ์กำลังแรงๆ
แต่เอาจริง ก็เป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่แอ่นอกการันตีเลยว่า พล.อ.อุดมเดช ทำงานดีอยู่แล้ว
...
ไม่มีการขอปรับรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงกลาโหม
แนวโน้ม พล.อ.ธีรชัยก็คงต้องกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน สลับกับการเดินทางมาประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ไม่ถึงกับตกงานไปเลยทีเดียว
และโดยจังหวะที่เกี่ยวเนื่องกัน ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์พยายามอธิบายตรงๆเลยว่า การตั้งรัฐมนตรีจะต้องตอบแทนทหารทำไม คนเขาไม่ชอบทหารกันอยู่
สื่อยิ่งพูดเขาก็ยิ่งไม่ชอบไปใหญ่
แต่ปัญหาเพราะหลายกระทรวงมีการบริหารที่ผิดเพี้ยน จึงต้องเอาทหารเข้าไปเพื่อจัดระเบียบสร้างความเข้มแข็ง สร้างกระบวนการทำงานใหม่
นี่คือเหตุผลที่ใช้บริการทหารมานั่งใน ครม.จำนวนมาก
ว่างั้นเถอะ
แน่นอน ในมุมนี้หากวิเคราะห์กันในเชิงบริหาร ตามธรรมชาติของรัฐบาลทหารที่ผ่านพ้นช่วงสถานการณ์สุ่มเสี่ยงในการยึดอำนาจมา 2 ปีแล้ว
สถานการณ์มันเลยจุดที่จะเน้นความมั่นคง
ไม่จำเป็นต้องตั้งรัฐมนตรีท็อปบูตมาช่วยกดแรงกระเพื่อมจากฝ่ายต้าน
ตามไฟต์บังคับต้องปรับกระบวนยุทธ์มาเน้นประสิทธิภาพเชิงบริหาร โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่เป็นจุดอ่อนของรัฐบาล คสช.
โดยเฉพาะในห้วงบรรยากาศแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเคลียร์กระแสข่าวร้อนๆ ปมความขัดแย้งกันระหว่าง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก-รัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
หงุดหงิดใส่คำถามนักข่าว ห้ามไม่ต้องมาเอ่ยถึงชื่อใครทั้งนั้น
ก่อนยืนยันเลยว่า รัฐมนตรีทุกคนยังอยู่ที่เดิมทั้งหมด ยังไม่มีการตั้งรัฐมนตรีช่วย จบ ไม่มีเหตุผลทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของตนเองตัดสินใจคนเดียว
ขึ้นเสียงเขียว รีบตัดบทปมทีมเศรษฐกิจปีนเกลียว
หลุดบทเฮี้ยวของผู้นำที่ยังแก้จุดบอดไม่ได้.
ทีมข่าวการเมือง