มูลนิธิไทยรัฐ ร่วมกับ สายการบิน "ไทยแอร์เอเชีย" เดินหน้าโครงการ "สานฝันเด็กไทยไปเอเชีย" นำนักเรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 (บ้านเอก) อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แชมป์นาฏศิลป์ถ้วยพระราชทาน 8 ปีซ้อน เป็นยุวทูตวัฒนธรรมไปแสดงเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และฉลอง "40 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม" ที่นครโฮจิมินห์ ขณะนักเรียนหล่ังน้ำตาตื้นตัน ได้ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 นายธาดา เชาวนะปัญจะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวถึงความร่วมมือ โครงการ “สายฝันเด็กไทยไปเอเชีย” ระหว่างสายการบินไทยแอร์เอเชีย และมูลนิธิไทยรัฐว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีนโยบายสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมด้านกีฬาเเละศิลปวัฒนธรรม ให้กับเด็กเเละเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้ศักยภาพ เเละจุดเเข็งของการมีเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุมทั้งในประเทศเเละระหว่างประเทศ ทั้งอาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่นเเละเกาหลี
จุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนสั่งสมประสบการณ์ เเละเเสดงผลงาน เผยเเพร่วัฒนธรรมในระดับนานาชาติ นับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิไทยรัฐ เเละเครือข่ายโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ที่มีนักเรียนเเละเยาวชนมีความสามารถในหลากหลายเเขนงศิลปะ โดยที่ผ่าน มีโอกาสเป็นสื่อกลางนำน้องๆ เดินทางไปเเสดงผลงานที่ประเทศสิงคโปร์, สปป.ลาว และล่าสุดที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างดี พร้อมกันนี้ ไทยแอร์เอเชียยังยืนยัน จะร่วมสนับสนุนเเละหาเวทีใหม่ๆให้น้องๆต่อไปในอนาคต
...
สำหรับนักเรียนาฏศิลป์จากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ที่ได้รับเลือกไปแสดงนาฏศิลป์ไทยในต่างประเทศชุดล่าสุดเป็น นักเรียนนาฏศิลป์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 (บ้านเอก) อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศนาฏศิลป์ไทย ถ้วย พระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ทางมูลนิธิไทยรัฐจึงให้สิทธิคัดเลือกนักเรียนนาฏศิลป์ จำนวน 5 คน เป็นยุวทูตวัฒนธรรม ไปแสดงนาฏศิลป์ ในงานสำคัญ 2 งาน ได้แก่ งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 12 สิงหาคม 2559 ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ และงาน ฉลอง 40 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ที่ศูนย์เยาวชนนครโฮจิมินห์ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ตามคำเชิญของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ นอกจากนี้ ยังได้ไปแสดงให้ผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกตาชาวเวียดนามได้ชมที่โรงพยาบาลด้วย
ด.ญ.นภาพร รับรู้ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เปิดเผยความรู้สึกว่า การไปร่วมงานที่โฮจิมินห์ครั้งนี้ รู้สึกภาคภูมิใจและปลาบปลื้มใจมาก ที่ได้รับโอกาสให้เป็นตัวแทนยุวทูตไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยทางด้านนาฏศิลป์ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิต ที่ได้เข้าร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี ในงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ สถานกงสุลใหญ่ และการได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนยุวทูตเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยที่สวยงามและสร้างความประทับใจแก่ผู้ชม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในงานฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนาม
“หนูขอกราบขอบพระคุณ ท่านผู้ใหญ่ใจดีในมูลนิธิไทยรัฐ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่เปิดโอกาสและสนับสนุนให้หนูได้ไปต่างประเทศในครั้งนี้ ตลอดจนกราบขอบพระคุณคุณครูทั้งสอง ที่ได้ให้โอกาสและส่งเสริมศักยภาพของหนูมาโดยตลอด” ด.ญ.นภาพร กล่าว
ด.ญ.นันทิกานต์ แอโอ่ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ การเดินทางไปที่นครโฮจิมินห์ นับป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต และเป็นการเดินทางโดยเครื่องบิน เป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน
“ดีใจมากค่ะที่ได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตขนาดนี้ ตื่นเต้นตื้นตันใจที่ได้้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต และไปต่างประเทศครั้งแรก โดยไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสสำคัญในชีวิต หนูกับเพื่อนๆ ร้องไห้ตื้นตันใจเมื่อขึ้นไปน่ังบนเครื่องบิน ไม่เคยคิดว่า จะได้น่ังเครื่องบินจริงๆ มีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย สิ่งสำคัญทำให้หนูรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทย และรักประเทศไทยมากค่ะ เพราะแม้แต่ชาวต่างชาติ หรือคนไทยในต่างแดน ต่างก็มีความรักและชื่นชอบในศิลปวัฒนธรรรมไทยเป็นอย่างมาก จึงทำให้หนูเห็นคุณค่ามากยิ่งขึ้น และมีความตั้งใจที่จะสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยทางด้านนาฏศิลป์นี้ ให้คงอยู่สืบไปค่ะ หนูขอขอบพระคุณผู้ที่มีส่วนสนับสนุน และให้โอกาสแก่หนูทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ค่ะ” ด.ญ.นันทิกานต์ กล่าว
...
ด้าน ด.ญ.ณัฐธิดา ไชยประเสริฐ อายุ 12 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กล่าวว่า ดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างแดน ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถือว่าเป็นการไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้ว่าะอยู่ไกลบ้าน แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจมากที่ได้รับความรักความเมตตาจากผู้ใหญ่ทุกคนในคณะ ความเมตตาจากท่านกงสุลใหญ่ ตลอดจนคนไทยที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม ที่ให้การต้อนรับและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี
“หนูรู้สึกซาบซึ้งใจ มีความสุขและความประทับใจมากๆเลยค่ะ หนูต้องขอขอบพระคุณสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่ทำให้ฝันของหนูเป็นจริง ได้มีีโอกาสนั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรก ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนดูแลพวกเราเป็นอย่างดีค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ” ด.ญ.ณัฐธิดา กล่าว
ขณะที่ ด.ญ.นัยนา สามปู่วงค์ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เผยความรู้สึกว่า ดีใจและตื้นตันใจมากที่ได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตอย่างนี้ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ที่ได้เดินทางโดยเครื่องบินและไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้รับประสบการณ์ที่มีค่ามากมาย ที่หาได้ยากในชีวิต ที่สำคัญทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยทางด้านนาฏศิลป์ในครั้งนี้ ขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งในมูลนิธิไทยรัฐและสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่มอบโอกาสครั้งนี้ให้กับพวกเรา
...
ด.ญ.สุชานันท์ ปัญญางาม อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เผยว่า การไปเวียดนามครั้งนี้ นับเป็นการไปเยือนต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต หลังจากที่ได้รับการคัดเลือกจากคุณครู ให้เป็นตัวแทนไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย รู้สึกดีใจ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับรับเกียรติให้เป็นยุวทูตวัฒนธรรม ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
“หนูรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อเดินทางไปถึงโฮจิมินห์ หนูรู้สึกประทับใจมากที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆที่ดี และแปลกใหม่ ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับในชีวิตของหนู ทั้งยังได้มีโอกาสพัฒนาตนเองในหลายๆด้าน หนูขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เมตตาให้โอกาสกับหนูในครั้งนี้ หนูจะเก็บความประทับใจนี้ไปตราบนานแสนนานค่ะ” ด.ญ.สุชานันท์ กล่าว
ด้าน นางจารุณี สุทธิสวรรค์ ครูเชี่ยวชาญ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 (บ้านเอก) อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ผู้ทุ่มเทการสอนนาฏศิลป์ให้กับนักเรียนมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวถึงความรู้สึกว่า นาฏศิลป์ถือเป็นมรดกและสมบัติอันล้ำค่าของชาติที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น ในฐานะที่เป็นครูผู้ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมแขนงนี้ให้แก่นักเรียน ทักษะการร่ายรำแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่พยายามจะปลูกฝังให้เกิดขึ้นในตัวเด็กนักเรียน คือการได้เห็นคุณค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้
...
" ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในฐานะที่เราเป็นคนไทย เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ได้รักษาและสืบทอดสมบัติอันล้ำค่าของชาติไว้ เพราะการรักษาวัฒนธรรม ก็คือการรักษาชาติ เมื่อเด็กๆมีโอกาสได้ไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ จึงทำให้เด็กๆเข้าใจ และเห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น เด็กๆได้สัมผัสถึงคุณค่านี้จากประสบการณ์ตรงที่เขาได้รับ ทั้งคำชื่นชมจากผู้หลักผู้ใหญ่ และคำชื่นชมจากผู้ที่ได้พบเห็น ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ" นางจารุณี กล่าว
นางจารุณี กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญและเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตทั้งครูและนักเรียน ในการไปแสดงที่นครโฮจิมนห์ครั้งนี้คือ การที่ได้มีโอกาสถวายความจงรักภักดี ต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่พระองค์ มีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ด้วยการรำถวายพระพร เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมกับคนไทยในเวียดนาม ถือว่าเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในชีวิต ที่เกิดมาคนไทยได้ทำหน้าที่ยุวฑูตทางด้านวัฒนธรรมไทยโดยสมบูรณ์ เกิดความสำนึกรักแผ่นดินเกิด และได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ทำให้เราทุกคนรู้สึกว่าเกิดมาในชีวิตนี้
" เราได้มีโอกาสทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติ เพราะจากการเรียนรู้นาฏศิลป์และมีวิชานี้ติดตัว คนเป็นครูที่ได้ถ่ายทอดศิลปะแขนงนี้ จึงถือว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด ขอขอบพระคุณในความเมตตาของผู้ใหญ่ใจดีทุกฝ่าย ทุกองค์กร โดยเฉพาะมูลนิธิไทยรัฐ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสถานกงสุลใหญ่ไทย ในนครโฮจิมินห์ ที่ได้มองเห็นคุณค่า และมอบโอกาสที่ดีให้กับเด็กๆ ที่อยู่ในท้องถิ่นที่ห่างไกล และมีฐานะยากจน ได้รับโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ถ้าไม่มีท่าน เด็กๆก็คงจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสประการณ์อันล้ำค่านี้ ส่งผลให้ครูและเด็กๆ มีพลังและกำลังใจที่จะพัฒนาตนเองและสร้างลูกศิษย์ในรุ่นต่อไปอีก" นางจารุณี กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน น.ส.วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ นางสาวไทย ปี 2558 ที่ได้ร่วมคณะไปทหน้าที่ทูตวัฒนธรรมครั้งนี้ด้วย กล่าวชื่นชมนักเรียนนาฏศิลป์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 ว่า เคยไปร่วมงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ พร้อมน้องๆจากโรงเรียนนี้มาแล้ว รำได้เด่นสง่า แต่ชุดที่ไปโฮจิมินห์ครั้งนี้ เป็นนักเรียนคนละชุดกัน รำได้สวยงามทุกคน การเคลื่อนไหวสร้างความตรึงตราใจผู้ชม ปรบมือกันยาวตลอดด้วยความประทับใจ เห็นแล้วตื้นตันใจจริงๆ ที่โรงเรียนนี้สอนนักเรียนได้เก่งทุกคน ดีใจที่เห็นเด็กรุ่นใหม่ยังสนใจเรียนรู้และสืบสานศิลปวัฒนธรรมประจำชาติเอาไว้.